ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
การศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีภาคใต้
ตัวอย่างการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีชุมชนโคกพลับ
สภาพชีวิตของคนในชุมชนโบราณโคกพลับ
สิ่งที่ขุดค้นพบที่โคกพลับ ตำบลโพหัก
สิ่งที่ขุดค้นพบที่โคกพลับ ตำบลโพหัก
สิ่งที่ขุดค้นพบจำแนกได้ดังนี้
- กำไลหิน พบทั้งที่ทำจากหินสีเขียว และหินสีดำ มีลักษณะคล้ายจักร
สันของวงกำไลเป็นสันคมขวานหรือมีดโดยรอบ
ทุกวงจะทำขึ้นอย่างปราณีตมันเรียบจนขึ้นเงา มีทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก
ขนาดใหญ่สุดมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ8นิ้ว
มีทั้งที่สวมอยู่ในข้อมือของศพและวางรวมไว้ในหลุม
- ลูกปัดหินพบทั้งที่ทำจากหินสีเขียวและสีส้ม
เนื้อหินเป็นสีเขี้ยวหนุมานหรือหยกอย่างอ่อน
รูปร่างกลมแบนเจาะรูตรงกลางสำหรับใช้วัสดุประเภทเส้นใยร้อยเป็นพวงใช้คล้องคอ
ส่วนใหญ่พบวางเรียงอยู่รอบๆคอศพคล้ายคล้องคอไว้แต่จำนวนลูกปัดในแต่ละพวงไม่เท่ากัน
- ต่างหูหิน พบทั้งที่ทำจากหินสีเขียว สีส้ม และสีน้ำตาล
เนื้อหินเป็นสีเขี้ยวหนุมานหรือหยกอย่างอ่อนเหมือนกับหินที่ใช้ทำลูกปัด
รูปร่างเป็นแผ่นแบนกลมบ้างรีบ้าง
ตรงกลางเจาะรูกลมและมีร่องผ่าไปสู่ขอบด้านนอกเพื่อใช้สำหรับหนีบคาบติดไว้กับติ่งหู
ส่วนใหญ่พบอยู่ด้านข้างของกะโหลกศีรษะ
- หินบดยา เป็นแท่งหินสีเขียว กลมยาว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5เซนติเมตร
พบเพียงครึ่งท่อนปะปนอยู่ในกองกระดูกสัตว์นอกหลุมศพ
- ขวานหิน เป็นแผ่นหินสีเทารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กกว้างประมาณ2นิ้ว
ด้านที่เป็นคมมีลักษณะคล้ายคมมีดหรือคมขวานในปัจจุบัน ผิวขัดมันเรียบ
พบเพียงชิ้นเดียว
- กำไลสำริดแบน เป็นกำไลที่หล่อจากโลหะสำริด
เลียนแบบกำไลหินสันของวงกำไลโดยรอบเป็นแผ่นเรียบ พบเพียงวงเดียว
- กำไลสำริดกลม เป็นกำไลข้อมือหล่อด้วยสำริด
เป็นเส้นกลมคล้ายเส้นลวดขนาดใหญ่ผิวเรียบ พบสวมไว้กับข้อมือศพข้างละ 2-3วง
มากน้อยขึ้นอยู่กับฐานะความเป็นอยู่ของผู้ตาย
- ปลอกแขนสำริด เป็นกำไลข้อมือรูปทรงกระบอก
หล่อจากโลหะสำริดขนาดความยาวประมาณ6-7นิ้ว
ผิวภายนอกดุนเป็นตุ่มเล็กๆเพื่อความสวยงามบริเวณกึ่งกลางโดยรอบมีหนามเตยแหลมยื่นออกมาคล้ายพันเฟือง
พบเพียง 3อัน บางอันสวมอยู่ที่ข้อมือศพ บางอันวางไว้ในหลุมศพ
- ใบหอกสำริด เป็นลักษณะของหอกใบข้าวหล่อจากโลหะสำริด
มีบ้องสำหรับไว้สวมกับด้าม พบเพียงเล่มเดียวฝังรวมอยู่ในหลุมศพ
- เบ็ดสำริด เป็นเบ็ดตกปลาขนาดใหญ่หล่อด้วยโลหะสำริด
ตะกรุดขมวดเป็นปมสำหรับใช้เส้นใยผูก ปลายมีเงี่ยง พบเพียงชิ้นเดียว
พบในชั้นดินนอกหลุมศพ
- แท่งสำริดคล้ายเขาสัตว์ เป็นแท่งสำริดกลมภายในกลวง
ปลายข้างหนึ่งสอบเข้าหากันปิดตันกลมมนคล้ายเขาสัตว์ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ3
เซนติเมตร ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร พบเพียง2 ชิ้นอยู่ในหลุมฝังศพ
- หวีทำจากกระดูกสัตว์ (หรืองาช้าง) เป็นกระดูกสัตว์หรือไม่ก็งาช้าง
กว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ยาวประมาณ7 เซนติเมตร รูปสี่เหลี่ยมปลายสอบเล็กน้อย
มีลวดลายแกะสลัก ด้านล่างผ่าเป็นซี่ๆเหมือนหวีในปัจจุบัน
พบเพียง2อันวางอยู่บนศีรษะศพ
- กำไลข้อมือทำจากกระดูกสัตว์หรืองาช้าง
เป็นกำไลข้อมือลักษณะเดียวกับกำไลสำริดกลม ทำจากกระดูกสัตว์หรือไม่ก็งาช้าง
สวมอยู่ในข้อนมือศพซ้อนกันข้างละหลายๆวง
- กำไลข้อมือทำจากเปลือกหอย เป็นกำไลข้อมือลักษณะเดียวกับกำไลสำริดกลม
พบเพียง1ชิ้น
- กำไลข้อมือรูปดาวเทียมทำจากเปลือกหอย เป็นกำไลข้อมือแบบมีสัน เหมือนกำไลหิน
แต่แทนที่สันของกำไลจะคมเหมือนใบมีดกลับมาทำหนามแหลมยื่นเป็นแฉกคล้ายดาว
ทำจากเปลือกหอยมือเสือขนาดใหญ่
- กำไลข้อมือรูปดาวทำจากกระดองเต่า
ลักษณะเดียวกับกำไลเปลือกหอยแต่ทำขึ้นจากกระดองเต่า
- กำไลดินเผา
เป็นกำไลข้อมือชนิดมีสันเช่นเดียวกับกำไลหินและกำไลสำริดแบนแต่ทำจากดินเผาเนื้อค่อนข้างหยาบขนาดเล็ก
- พานดินเผา เป็นภาชนะรูปพานทำจากดินเผาฝีมือประณีต
เนื้อดินสีเทาวางอยู่บริเวณปลายเท้าและศีรษะของศพ เป็นศิลปะสมัยทาราวดี
- หม้อดินเผา เป็นภาชนะรูปหม้อส่วนใหญ่มีขนาดเล็กเนื้อดินเผาสีแดงผิวเรียบ
ก้นมน ปากผายและคอหยัก ฝีมือการปั้นไม่ค่อยประณีต ที่เป็นหม้อขนาดใหญ่พบเพียง
2ใบ รูปร่างคล้ายหม้อทะนนมีลายภายนอก เป็นลายก้านไม้ขีด เป็นศิลปะสมัยทาราวดี
- จานดินเผา เป็นภาชนะรูปคล้ายจาน ทำด้วยดินเผาสีแดง พบเพียงชิ้นเดียว
ที่ก้นเป็นขอบชักวงกลมตั้งได้ ลายภายนอกเป็นลายก้านไม้ขีด
- ชามดินเผา เป็นภาชนะดินเผารูปคล้ายชามที่ใช้กันในปัจจุบัน
ทำด้วยดินเผาสีแดง ภายนอกเป็นรอยนิ้วมือกด
- ชามดินเผาก้นมน เป็นภาชนะดินเผาคล้ายหม้อตาล ขอบปากตั้ง ก้นมน
พบเพียงชิ้นเดียววางครอบอยู่ที่ศีรษะศพ
- ถ้วยดินเผา เป็นภาชนะดินเผาเนื้อหนารูปร่างคล้ายกะลามะพร้าว ผิวเรียบ
ปั้นขึ้นอย่างหยาบๆ เข้าใจว่าเป็นถ้วยใส่เครื่องเซ่นในหลุมฝังศพ
- ฝาหม้อดินเผา เป็นภาชนะดินเผารูปร่าง ฝาละมี
เหมือนฝาชีที่มียอดชักขอบเป็นวงกลมสูงให้สามารถจับถือได้
- ลูกกระสุนดินเผา เป็นดินปั้นกลม ผิวเรียบ เผาสุกแกร่ง
พบในระดับดินชั้นตื้นๆ
- ภาชนะดินเผาทรงกระบอกลายเรขาคณิต
เป็นภาชนะดินเผาทรงกระบอกปลายสอบเข้าหากันเล็กน้อย ก้นมน ภายในกลวง
มีรูกลมเจาะไว้ตรงกลาง ไม่ปิดตันเหมือนด้านก้น
ผิวด้านนอกเขียนเป็นเส้นลายเรขาคณิตเป็นรอยลงบนเนื้อดินฝีมือการปั้นประณีต
- รางดินเผา
เป็นเครื่องปั้นดินเผาสีแดงเนื้อหนารูปร่างคล้ายรางดินปลายนอกบานออก
ก้นแคบปิดตัน
- หินดุ เป็นเครื่องปั้นดินเผาคล้ายดอกเห็ดผิวเรียบมีหลายขนาด
- ดินเทศ เป็นดินฝุ่นสีแดง พบกองอยู่บนหน้าอกศพบางศพ
- เปลือกหอยและกระดูกสัตว์ เป็นซากเปลือกหอยทะเล เปลือกหอยน้ำจืด ก้างปลาและกระดูกสัตว์ชนิดต่างๆฝังรวมอยู่ในหลุมฝังศพ พบเกือบทุกหลุม
จากหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าชุมชนโบราณบริเวณโคกพลับจะต้องเป็นชุมชนในสมัยเดียวกับ
นครปฐมโบราณ อู่ทอง และคูบัวซึ่งเรียกกันว่า สมัยก่อนประวัติศาสตร์
หรืออาจจะเก่ากว่านั้นอย่างแน่นอน ในด้านการคมนาคมติดต่อกับชุมชนอื่นๆ
พบว่าชุมชนโบราณแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลปากอ่าวไทยทางด้านใต้เพียง20กิโลเมตรเศษเท่านั้น
พร้อมกับตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน
มีร่องรอยของลำน้ำเก่าเชื่อมโยงติดต่อกับแหล่งชุมชนโบราณที่มีความเจริญได้ทุกแห่ง
การศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีพบว่า
การติดต่อค้าขายระหว่างอินเดียและจีนทางทะเล
ในระยะแรกๆนั้นได้ใช้วิธีการขนสินค้าผ่านเข้ามาจากชายฝั่งทะเลประเทศพม่า
ผ่านเจดีย์สามองค์
ล่องลงมาตามลำน้ำแควน้อยและลำน้ำแม่กลองมาทำการขนถ่ายสินค้าลงเรือสำเภาจีนบริเวณปากอ่าวไทย
ซึ่งเคยเข้าใจว่าน่าจะเป็นบริเวณเมืองนครปฐมและคูบัวนี้เอง
ดังนั้นจึงเชื่อได้อย่างแน่นอนว่าชุมชนโบราณบริเวณโคกพลับจะต้องมีอยู่แล้วก่อนที่เมืองนครปฐม
เมืองอู่ทอง และเมืองคูบัวเจริญรุ่งเรืองขึ้นในภายหลัง
หลักฐานที่ค้นพบเหล่านี้ได้ถ่ายทอดบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคอดีตเมื่อ1000-3000ปีที่แล้ว
ให้กับผู้คนในยุคปัจจุบันได้รับรู้และเรียนรู้
ถ้าเป็นไปได้แหล่งโบราณคดีโคกพลับควรมีการฟื้นฟูกลับคืนมาเพราะแหล่งโบราณคดีนี้มิใช่ประวัติศาสตร์เฉพาะของคนโพหัก
หากแต่นับว่าเป็นประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์ของคนไทยทั้งชาติ
และลูกหลานควรจะกล่าวขานว่า โคกพลับเป็นแหล่งอารยธรรมประวัติศาสตร์1000ปี มิใช่
โคกพลับที่ทิ้งขยะดังเช่นทุกวันนี้
ที่มา: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=293841(online)