ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>
วิธีเล่นคอน
การอยู่ข่วงหรือการลงข่วง
วิธีเล่นคอน
เมื่อถึงเทศกาลเล่นคอน ชายหนุ่มประมาณ 5-10 คน
ในหมู่บ้านหนึ่งจะชักชวนนัดแนะกันไปเล่นคอนตามหมู่บ้านอื่นหลายหมู่บ้าน
ในจำนวนคนเหล่านี้จะประกอบด้วย หมอแคน (คนเป่าแคน) หมอขับ
(คนร้องเพลงเป็นคำกลอนให้ความรู้ต่าง ๆ) และหมอลำ (คนร้องเพลงโต้ตอบ )
ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่มีความชำนาญ ในด้านเชิงกลอนและภาษา ส่วนชายหนุ่มที่ติดตาม
เป็นผู้เล่นลูกช่วงเพื่อหาคู่คุยกับหญิงสาว
ภาพแสดงหมอแคน หมอขับ และหมอลำ
(ที่มา : การจัดงานประเพณีของไททรงดำ ต.ท่าฉนวน
อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย
ถ่ายภาพโดยนายประดิษฐ์ คล้ายแท้ )
เมื่อเตรียมการพร้อมแล้วก็จะออกเดินทางในตอนเช้า ๆ
เข้าไปในหมู่บ้านหรือลานข่วง (บริเวณบ้าน) ของผู้สาวที่ประสงค์จะเล่นคอนด้วย
ในแต่ละข่วงจะมีผู้สาวที่ส่วนใหญ่ประจำอยู่ในหมู่บ้านหรือประจำลานข่วงนั้นออกมาต้อนรับ
เจรจาด้วย เมื่อได้เจรจาเป็นที่ตกลงจะเล่นคอนกันแล้ว
ฝ่ายหญิงจะต้องหุงหาอาหารเตรียมไว้เลี้ยงแขกตลอดงานด้วย
เริ่มด้วยฝ่ายชายจะปรบมือและเป่าแคน เป็นจังหวะเดินเข้าไปยังลานข่วง
ฝ่ายหญิงเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วจะออกมารำ
ภาพแสดงการเล่นคอน การร่ายรำ ตามจังหวะ
(ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com
)
ฝ่ายชายจะฟ้อนตามจังหวะแคนเป็นคู่ ๆ
ในจังหวะเพลงนั้นหมอลำจะเป็นผู้ร้องเพลงแอ่วสาวประกอบจังหวะไปด้วย
ส่วนฝ่ายหญิงก็จะมีหมอลำหญิงร้องเพลงโต้ตอบฝ่ายชายสลับกันไป เช่น ฝ่ายชายจะกล่าวว่า
สวยอย่างนี้อย่ามีผัวเลย เอาไว้ชมเชยเวลาเล่นคอน ฝ่ายหญิงก็แก้ว่า
สวยอย่างน้ำไม่อยากมีผัวเพราะกลัวอกหัก ใครอยากจะรักก็เร่เข้ามา
แล้วก็พากันฟ้อนไปตามจังหวะเสียงแคนตามกันไป เป็นแถว ๆ ส่วนพวกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ก็ปรบมือรับจังหวะ
ภาพแสดงการฟ้อนรำตามจังหวะแคนเป็นคู่ ๆ
(ที่มา : การจัดงานประเพณีของไททรงดำ
ต.ท่าฉนวน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย
ถ่ายภาพโดยนายประดิษฐ์ คล้ายแท้ )
ในระหว่างที่มีการต่อกลอนแก้กันนั้นมักจะมีผู้สูงอายุ(ผู้เฒ่าผู้แก่)มายืนชมอยู่ด้วยเพื่อดูว่าฝ่ายไหนจะมีฝีมือในการเล่นกลอนฟ้อนแคนได้ดีกว่ากัน
ฉะนั้น ชายหนุ่มที่ผ่านการเล่นคอนมา มาก ๆ มักจะมีโวหารในการกล่าวโต้ตอบกัน
ได้คล่องแคล่ว ลึกซึ้งกินใจมากกว่า
เมื่อร่ายรำกันจนแดดร่มบรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวจะหันมาตั้งวงเพื่อทอดลูกช่วงกัน
เรียกว่า ตอดะก๊อน (ทอดหมากและกลอน) คือโยนลูกช่วงและเล่นกลอน
ภาพแสดงลักษณะของลูกช่วง
(ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com.)
ลูกช่วง คือห่อผ้าลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณ 3 3 นิ้ว
ภายในบรรจุเม็ดมะขาม ตรงกลางด้านบนของลูกช่วงนี้มีเชือกผูกเป็นหูหิ้วยาวประมาณ 1
เมตร มุมที่เหลือ 4 มุม จะใช้เศษผ้าหรือด้ายสีต่าง ๆ
ผูกตกแต่งให้เป็นตุ้มหูตุ้งติ้ง ยาวประมาณ 1 คืบ
เมื่อเวลาโยนไปในอากาศหูตุ้งติ้งจะสะบัดสวยงาม วิธีโยน
จับเส้นเชือกให้ห่างจากลูกช่วงประมาณ 50 ซม. แล้วแกว่งให้ลูกช่วงหมุน เป็นวงกลมช้า
ๆ
เมื่อได้จังหวะก็ปล่อยเส้นเชือกให้หลุดมือลอยไปในอากาศพร้อมด้วยเชือกที่เป็นยางจะสะบัดลู่ลมตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม
ฝ่ายชายจะโยนให้ฝ่ายหญิงรับ และฝ่ายหญิงก็จะโยนให้ฝ่ายชายรับ
ฝ่ายไหนรับได้อีกฝ่ายจะขอคืน ในการขอ ลูกช่วงคืนนี้จะต้องมีข้อต่อรอง
เช่นฝ่ายหญิงจะยึดลูกช่วงไว้ เมื่อฝ่ายชายขอคืน ฝ่ายหญิงจะต้องขอสิ่งแลกเปลี่ยน
เช่น อาจให้คำตอบต่อกลอน ยึดผ้าเช็ดหน้า นาฬิกาข้อมือ
หรือร้องรำเป็นการแลกเปลี่ยนให้ได้อาย
ภาพแสดงการเล่นลูกช่วง
(ที่มา : http://www.huaythachang.com.)
การไปขอลูกช่วงคืนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะทำให้ชายหนุ่มหญิงสาว
ได้ใกล้ชิดกัน ต่างหมายตากันไว้เพื่อเป็นคู่คุยในตอนกลางคืนก็ได้
การเล่นคอนจะดำเนินไปถึงประมาณ 1-2 ทุ่มจึงเลิก
ต่อจากนั้นก็มาเล่นคอนฟ้อนแคนกันต่อไปจนถึงเที่ยงคืน
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ฝ่ายชายจะเลือกคู่คุยกับฝ่ายหญิง โดยจะนั่งรวมกันเป็นวงกลม
ฝ่ายชายซึ่งหมายตาฝ่ายหญิงเอาไว้ตั้งแต่กลางวันจะมาชี้ตัวเรียกฝ่ายหญิงไปคุย
ฝ่ายหญิงอาจใช้ผ้าคลุมศีรษะเสียเพื่อให้ฝ่ายชายเลือกผิดตัวก็ได้
การคุยกันจะคุยกันในบริเวณใกล้ ๆ ลานข่วงนั้น หรือคุยกันที่ริมยุ้งข้าว
กองฟางแต่ไม่ห่างจากคู่อื่น
ๆนักการคุยกันก็แล้วแต่โวหารของแต่ละคนถ้าโวหารดีคุยเก่ง
และถ้าคุยกันถูกคอก็อาจอยู่ถึงสว่าง คู่ใดที่ไม่ค่อยมีเรื่องคุย
หลังจากคุยกันไปสักพักหนึ่งก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปนอน
เรื่องที่คุยกันนั้นส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องรัก ๆใคร่
ๆเกี้ยวพาราสีกันบางรายก็ตกปากรับคำฝากรัก ปักใจกันไปเลยจริง ๆ ก็มี แต่ก็มีน้อยราย
ทั้งนี้เพราะตามประเพณีเล่นคอนนี้ชาวโซ่งถือว่าเป็นคำพูดที่เชื่อกันได้ยาก
เพราะคงจะชินและผ่านคำถาม คำเกี้ยวพาราสีทำนองนี้มามาก อยู่แล้วนั่นเอง