ศิลปะ หัตถกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม สันทนาการ >>
ศิลปะเครื่องประดับไบแซนไทน์ (Byzantine)
ศิลปะของไบแซนไทน์เป็นอีกสมัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการออกแบบเครื่องประดับ
ทั้งการศึกษารูปแบบไปจนถึงอิทธิพลที่มีต่อการออกแบบเครื่องประดับมาหลายยุคสมัย
เนื่องจากมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ซึ่งพบเห็นเป็นจำนวนมากของเครื่องประดับราคาสูงหรือเครื่องประดับของหมู่ชนชั้นสูง
ดังนั้นความเป็นมาของสมัยไบแซนไทน์จึงมีดังนี้
อาณาจักรไบแซนไทน์ปรากฏเมื่อปี ค.ศ.330 ถึงปี ค.ศ.1453
อยู่ทางตะวันออกของยุโรป โดยมีประวัติศาสตร์การสู้รบเป็นส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นการทำสงครามระหว่างชาวเปอร์เซีย อาหรับออตโตมันเติร์ก สงครามครูเสส
โดยเฉพาะสงครามครูเสสที่พยายามยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลจนได้ดินแดนไปส่วนหนึ่ง
สุดท้ายเมื่อปี ค.ศ.1453 ชาวออตโตมันเติร์กได้ยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ในที่สุด
เป็นอันสิ้นสุดสมัยอาณาจักรของศิลปะไบแซนไทน์
เครื่องประดับไบแซนไทน์ที่พบนั้น พบในยุคของสมัยพระจักรพรรดิคอนสแตนไทน์ที่
1 เมื่อประมาณ 337 ปีก่อนคริสตศักราช
หลังจากได้ย้ายเมืองหลวงจากโรมมายังเมืองคอนสแตนติโนเปิล
และได้ตั้งตนเป็นจักรพรรดิ์ในอาณาจักรทั้งทางตะวันออกและทางตะวันตกอย่างยิ่งใหญ่
กรุงคอนสแตนติโนเปิลมีการเติบโตขึ้นโดยมีนโยบาย มีวัฒนธรรม และมีศูนย์กลางของศาสนา
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมระดับนานาชาติ
เมืองคอนสแตนติโนเปิลเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและการรวมตัวของศิลปินเป็นจำนวนมาก
พระจักรพรรดิ์ไบแซนไทน์จึงออกนโยบายและทำการค้าระดับนานาชาติ
โดยให้ออกเรือของทหารไปยังเมืองคอนเวล ประเทศอังกฤษ
เพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญทองคำที่สวยงาม ต่อมาเมื่อถึงช่วง 483 ถึง 565
ปีก่อนคริสตศักราช ได้ค้นพบเส้นทางที่มีระยะทางไกลขึ้น ได้แก่ ประเทศสวีเดน จีน
ซึ่งมีทองคำ การ์เน็ต ทับทิม มรกต แซฟไฟน์ ไข่มุกและงาช้างเป็นจำนวนมาก
ได้เข้าไปยังคอนสแตนติโนเปิล นอกจากนี้วัตถุอันมีค่าอื่นๆ ยังได้มาจากอินเดีย พม่า
ตอนใต้ของรัสเซียและแอฟริกาด้วย
ความหรูหราของเครื่องประดับของกรุงคอนสแตนติโนเปิลนั้นมีชื่อเสียงระดับโลก
พระจักรพรรดิ์ไบแซนไทน์มีมรดกตกทอดกันมา มีการพัฒนาทางด้านทักษะของศิลปิน
ซึ่งมีอยู่มากมายในกรุงคอนสแตนติโนเปิล
โดยได้รับการสนับสนุนหรือมีการอุปถัมป์อย่างดีเยี่ยมจากผู้ที่มีฐานะอันมั่นคั่ง
ดังนั้นศิลปะและเครื่องประดับในยุคนี้ทำให้เกิดการออกแบบสองรูปแบบหลักๆ
ได้แก่ประการแรก เป็นพื้นฐานของรูปแบบกรีกและโรมันแบบคลาสสิค ซึ่งดูมีระเบียบ
ประกาที่สอง มีความเป็นนามธรรมมากกว่า
เพราะได้เสนอรูปแบบเป็นสองมิติของเอเชียตะวันตกและตะวันออกไกล
จนเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุด
โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่หกซึ่งมีการแต่งกายของไบแซนไทน์ดูหรูหรามาก
มีสีสันและผสมผสานรายละเอียดทั้งแบบเปอร์เซีย และแบบกรีกสมัยเฮเลนนิสติก
การออกแบบเครื่องประดับที่เป็นจุดเด่นที่สุดคือ
การออกแบบเครื่องประดับแบบโมเสส โมเสสเป็นแหล่งสำคัญของข้อมูลทางประวัติศาสตร์
โดยเฉพาะเครื่องประดับที่นำไปฝังที่หลุมฝังศพที่อยู่ตามโบสถ์
นอกจากนี้เครื่องประดับชั้นสูงเป็นเครื่องประดับที่งดงามมาก
ไม่ว่าเป็นมงกุฎของพระจักรพรรดิ
เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าของเครื่องประดับไบแซนไทน์มากที่สุด
เครื่องประดับแหวนทำมาจากแซฟไฟน์ และแอมิทิสเจียนะไนรูปทรงเบี้ยหลังเต่า
โดยมีทองคำล้อมรอบกับเจียระไนมรกตแบบธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีคริสตัลและไข่มุก
จี้ห้อยคอ ประดับลวดลายเส้นเป็นเทคนิคของชาวโรมันสำหรับการฝึกหัด มีเทคนิคใหม่ๆ
เรียกว่า Opus interrasile เป็นการตัดโลหะเป็นแผ่นบางๆ
ทำให้เครื่องประดับมีแพทเทิร์นแบบปลายเปิดได้
ในช่วงต้นของจักรพรรดิคอนสแตนไทน์ได้เกี่ยวข้องกันกับชาวคริสเตียน
ทำให้เกิดการสร้างสัญลักษณ์ทางศาสนาขึ้น มีสร้อยคอเหมือนเครื่องราง
เมื่อยุคโบราณคลาสสิคได้สิ้นสุดลง จึงเกิดทัศนคติของศาสนาใหม่
โดยการสวมใส่เครื่องประดับเพื่อเตือนว่าควรมีความรัก หินไม่มีค่า
แต่สามารถสักการบูชาได้
ชาวไบแซนไทน์จึงสวมเครื่องประดับที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวคริสเตียนต่อไป
อย่างมิได้ละทิ้งคำสอน
จึงได้ปรากฎวัสดุที่ให้ความรู้สึกที่มากถึงวิญญาณมากกว่าคุณค่าทางวัตถุ
» ลักษณะการนำต้นแบบมาพัฒนาใหม่ หรือมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับตะวันตกยุดก่อนประวัติศาสตร์
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับอารยธรรมโบราณ
» ศิลปะเครื่องประดับอียิปต์ (Egypt)
» ยุค Middle Kingdom หรือยุคอาณาจักรกลาง
» ยุค New Kingdom หรือยุคอาณาจักรใหญ่
» ศิลปะเครื่องประดับเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia)
» ศิลปะเครื่องประดับมิโนอัน - ไมซีเน (Minoan - Mycenae)
» ศิลปะเครื่องประดับกรีก (Greek)
» ศิลปะเครื่องประดับอีทรัสกัน (Etrucan)
» ศิลปะเครื่องประดับเชลติก (Celtic)
» ศิลปะเครื่องประดับโรมัน (Rome)
» ศิลปะเครื่องประดับไบแซนไทน์ (Byzantine)
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับตะวันตกยุคประวัติศาสตร์
» ศิลปะเครื่องประดับช่วงยุคกลาง
» ศิลปะเครื่องประดับโกธิค (Gothic)
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยเรอนาซองค์ (Renaissance)
» ศิลปะเครื่องประดับแมนเนอริส (Mannerist)
» นักออกแบบเครื่องประดับ Benvenuto Cellini
» การออกแบบเครื่องประดับเชิงนามธรรม
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยอลิซาเบธที่ 1
» ศิลปะเครื่องประดับบาร็อค (Baroque)
» ศิลปะเครื่องประดับนีโอคลาสสิค
» ศิลปะเครื่องประดับคาเมโอ (Cameo)
» ศิลปะเครื่องประดับนโปเลียนกับโจเซฟิน (Napoleon & Josephine)
» ศิลปะเครื่องประดับแบบคัทสติล (Cut Steel)
» ศิลปะเครื่องประดับแบบแชทเทิลเลน (Chatelaines)
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19
» ศิลปะเครื่องประดับอนุรักษ์นิยม
» นักออกแบบเครื่องประดับ Fortunato Pio Castellani
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อนาย Carlo Giuliano
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Peter Carl Faberge
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Eugene Fontenay
» ศิลปะเครื่องประดับอาร์ตนูโว (Art Nouveau)
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Rene Lalique
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Charles Lewis Tiffany
» ศิลปะเครื่องประดับวิคตอเรีย (Victoria)
» ศิลปะเครื่องประดับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
» นักออกแบบเครื่องประดับ Fulco di Verdura
» ศิลปะเครื่องประดับอาร์ตเดโค (Art Deco)
» นักออกแบบเครื่องประดับเทียมชื่อ McClelland Barclay
» บริษัทที่ออกแบบเครื่องประดับเทียมชื่อ Trifari
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Coro
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Boucher
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Haskell
» บริษัทเครื่องประดับแท้ชื่อ Cartier
» บริษัทเครื่องประดับแท้ชื่อ Van Cleep & Arpels
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Daniel Swarovski
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Eisenberg
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Hobe
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Bulgari
» ศิลปะเครื่องประดับหลังสมัยใหม่
» ศิลปะเครื่องประดับมินิมอล (Minimalism)