ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
พุทธปรัชญาในคัมภีร์มิลินทปัญหา
ประวัติคัมภีร์มิลินทปัญหา
ทรรศนะของนักปราชญ์เกี่ยวกับคัมภีร์มิลินทปัญหา
คัมภีร์มิลินทปัญหาหลายฉบับ
พระเจ้ามิลินท์คือใคร
หาผู้ตอบปัญหาให้หายสงสัยไม่ได้
พระนาคเสนคือใคร
การประลองเชิงและตั้งกติกาการโต้วาทะ
การวิเคราะห์ลักษณะพิเศษ
เอกสารอ้างอิง
คัมภีร์มิลินทปัญหาหลายฉบับ
เนื่องจากมิลินทปัญหาเป็นปกรณ์ที่เก่าแก่และสำคัญมาก จารึกเป็นภาษสันสกฤต
แล้วต่อมาจึงมีนักปราชญ์จารึกเป็นภาษาอื่น ๆ อีกมาก มิลินทปัญหาฉบับภาษาบาลีนั้น
เท่าที่ปรากฏอยู่ในบัดนี้ก็มีฉบับอักษรสิงหล อักษรโรมัน อักษรไทย อักษรพม่า
และอักษรขอมหรือเขมร ฉบับหลัง ๆ นี้ก็เชื่อแน่ว่าได้มาจากฉบับอักษรสิงหลทั้งนั้น
แต่ปรากฏว่าแต่ละฉบับก็มีวิธีจัดระเบียบเนื้อเรื่องไม่เหมือนกัน
และมีข้อความบางตอนแปลกกันออกไปบ้าง เช่น
ฉบับอักษรโรมันต่างกับฉบับอักษรไทยทั้งทางการจัดระเบียบและข้อความบางตอน เป็นต้น
การที่แปลกกันออกไปนั้น บางท่านได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า
อาจถูกเปลี่ยนโดยผู้คัดลอกทางยุโรป หรือผู้คัดลอกทางพม่า ลังกา ไทย ก็ได้
หรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงตั้งแต่คราวแปลจากภาษาสันสกฤตมาเป็นภาษาบาลีแล้ว
ต่อมาได้มีผู้ค้นพบว่า มีมิลินทปัญหาฉบับแปลเป็นภาษาจีนด้วย
โดยแปลออกจากภาษาท้องถิ่นของอินเดีย และแปลถึง 3 คราว คือ ในคริสต์ศตวรรษที่ 3
(พุทธศตวรรษที่ 8 ที่ 9 และ 10) ที่ 4 และที่ 5 บรรดาฉบับที่แปลเป็นภาษาจีนเหล่านี้
2 ฉบับที่แปลครั้งที่ 2 คือที่แปลในคริสต์ศตวรรษที่ 4
เท่านั้นที่ยังเหลือตกทอดมาถึงพวกเรา โดยเรียกว่านาค-เสนภิกษุสูตร (นาเสียนปีคิว)
ตอนที่ 2-3 และบางส่วนของตอนที่ 1 เท่านั้นที่ตรงกับฉบับภาษาบาลี สำหรับตอนที่ 4
ถึง 7 นั้น เพิ่มเข้ามาใหม่ในลังกา โดยเฉพาะตอนที่ 4 นั้น
ได้มีขึ้นหลังจากพุทธศตวรรษที่ 5 แล้ว และเนื่องจากความที่ไม่เหมือนกันนี้เอง
ก็เป็นหลักฐานพอที่จะกล่าวได้ว่า มิลินทปัญหาอันยืดยาวและมีชื่อเสียงนั้น
ได้ถูกเพิ่มเติมเนื้อหาเข้ามาอีกในภายหลัง
ซึ่งอย่างน้อยก็ส่วนที่จัดระเบียบไว้ไม่เหมือนกันในฉบับต่าง ๆ
เกี่ยวกับฉบับแปลเป็นภาษาจีนนั้น ศาสตราจารย์ปอล เดอมีวิลล์
ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้แปลมิลินทปัญหาเป็นภาษาฝรั่งเศสกล่าวว่า
เป็นที่เชื่อกันว่าท่านคุณภัทร (พ.ศ. 394-468) ชาวอินเดีย
ได้นำเอามิลินทปัญหาเข้าไปในประเทศจีนนั้น มีอยู่ถึง 11 สำนวน
ซึ่งคงจะได้แปลกันมาตั้งแต่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-13 (ราว พ.ศ. 1000- 1800)
และคงแปลจากต้นฉบับที่เป็นภาษาสันสกฤต
เพราะจีนแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาจีนจากต้นฉบับที่เป็นภาษาสันสกฤต
อันเป็นที่นิยมใช้กันในอินเดียเหนือและเอเชียกลาง
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายสรวาสติวาท และนิกายธรรมคุปต์
และความจริงก็ปรากฏว่าคัมภีร์พระพุทธศาสนาพากย์ภาษาจีนที่แปลจากต้นฉบับที่เป็นภาษาบาลีนั้น
มีเพียง 2 เรื่องเท่านั้น คือ สมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย และวิมุตติมัคค์
เท่านั้น อีกประการหนึ่ง เมื่อนำเอาคัมภีร์ต่าง ๆ ที่เป็นภาษาสันสกฤต บาลี และจีน
มาเปรียบเทียบกันแล้ว ก็จะเห็นว่าฉบับที่เป็นภาษาบาลีจีนนั้นแตกต่างกันมาก
แต่ฉบับภาษาจีนกลับไปเหมือนกันมากที่สุดกับฉบับภาษาสันสกฤต
เมื่อนำฉบับภาษาจีนมาเทียบกับฉบับภาษาบาลีแล้ว
ปรากฏว่าแตกต่างกันมากจนไม่น่าเชื่อได้ว่าจะเป็นฉบับเดียวกัน แต่ ดร.ทิช มิน เชา
พระภิกษุชาวเวียตนาม
ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ในภาษาบาลีและภาษาจีนเป็นอย่างดีได้ทำการค้นคว้าเทียบเคียงระหว่างฉบับภาษาบาลีกับฉบับภาษาจีนด้วยการเทียบข้อความบรรทัดต่อบรรทัดแล้ว
ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ได้มาจากต้นฉบับอันเดียวกัน
นักปราชญ์ชาวญี่ปุ่นและชาวยุโรปหลายท่านก็มีความเห็นเช่นเดียวกับ ดร.ทิช มิน เชา
คือ มิลินทปัญหาฉบับภาษาจีน ซึ่งมีเพียง 3 ส่วนแรกของฉบับภาษาบาลีนั้น
ได้แปลจากต้นฉบับเดิมโดยตรง ส่วนที่นอกเหนือไปจากนี้
ซึ่งมีปรากฏอยู่ในฉบับภาษาบาลีนั้น
เป็นของที่เพิ่มเติมเข้ามาในภายหลังตามลำดับกาลที่ผ่านมาหลายศตวรรษ
ซึ่งเป็นสิ่งที่คันถรจนาจารย์และอรรถกถา-จารย์ชาวอินเดียในยุคต้น ๆ นิยมกระทำกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.ทิช มิน เชา
ซึ่งได้ศึกษาค้นคว้าและเทียบเคียงอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว กล่าวว่า
มิลินทปัญหาฉบับภาษาจีนกับฉบับภาษาบาลีนั้น เป็นฉบับเดียวกัน
มีต้นกำเนิดมาจากคัมภีร์เดียวกัน
แต่ฉบับภาษาจีนได้แปลโดยตรงจากต้นฉบับดั้งเดิมที่เป็นภาษาสันสกฤต
ส่วนฉบับภาษาบาลีนั้นก็แปลจากฉบับภาษาสันสกฤตเช่นเดียวกัน
แต่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปี
ฉะนั้นฉบับภาษาบาลีจึงมีข้อความแตกต่างไปจากฉบับภาษาจีนบ้าง
และมีมากกว่าฉบับภาษาจีน คือ ฉบับภาษาจีนแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
แต่เรื่องติดต่อกันไปโดยไม่มีอารัมภกถาและอวสานกถา ไม่แบ่งออกเป็นหัวข้อหรือย่อหน้า
ส่วนฉบับภาษาบาลี แบ่งออกเป็น 7 ส่วน มีการจัดเป็นวรรค เป็นหัวข้อ และย่อหน้าต่าง ๆ
ฉะนั้น 4 ส่วนสุดท้ายในฉบับภาษาบาลีจึงไม่มีในฉบับภาษาจีน สำหรับ 3
ส่วนที่มีเหมือนกันนั้น มีข้อความทั่ว ๆ ไป เหมือนกัน
ต่างเฉพาะเรื่องอดีตชาติของพระนาคเสนกับพระเจ้ามิลินท์ และข้อปลีกย่อยต่าง ๆ
เท่านั้น ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า ทั้งสองฉบับนี้เป็นฉบับเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเท่าที่นักปราชญ์ทั้งหลายได้แสดงทัศนะที่ว่า
มิลินทปัญหาฉบับภาษาบาลีนั้น ได้ผ่านการแก้ไขปรับปรุงโดยการเพิ่มเติมบ้าง
ตัดทอนบ้าง มาหลายครั้งหลายคราว กว่าจะตกทอดมาถึงฉบับอักษรสิงหลและฉบับอักษรไทย
ในปัจจุบันนี้ ก็เป็นทัศนะที่ยืนยันว่า มิลินทปัญหาเป็นคัมภีร์สำคัญและเก่าแก่
เกิดหลังสังคายนาครั้งที่ 3 เพียง 200 ปีเท่านั้น