ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>
ลักษณะทั่วไปของปรัชญาตะวันตก ปรัชญาตะวันออก
ลักษณะทั่วไป
ความแตกต่างระหว่างปรัชญาตะวันออก ตะวันตก
ลักษณะปรัชญาอินเดีย
ปรัชญาอินเดียกับปรัชญาตะวันตก
เปรียบเทียบ ปรัชญาอินเดียกับปรัชญากรีก
เปรียบเทียบ ปรัชญาอินเดียกับปรัชญาสมัยกลาง
เปรียบเทียบ ปรัชญาอินเดียกับปรัชญาสมัยใหม่
ปรัชญาเปรียบเทียบ
ศิลปะในวิธีการศึกษา
เปรียบเทียบ ปรัชญาอินเดียกับปรัชญาสมัยใหม่
- ความคิดของเบคอน (1561-1626) คล้ายกับลัทธินยายะ ไวเศษิก
กล่าวคือความคิดทางวิทยาศาสตร์ของเขาคล้ายนยายะและสสารนิยมของเขาก็คลายกับไวเศษิก
นอกจากนี้เบคอนยังเชื่อพระเจ้าด้วย (ศตวรรษที่ 17)
- เดดาริต (1596-1650) ก็เสนอความคิดแบบทวินิยมเหมือนลัทธิสางขยะ
เพราะฉะนั้นความคิดของเดดาริตจึงมิใช่ของใหม่อย่างที่ชาวโลกเชื่อถือกัน
ความคิดเรื่องจิตกับกายของเดดาริตก็เหมือนกับความคิดเรื่องบุรุษกับประกฤติ
ส่วนความคิดเรื่องพระเจ้าของเขาก็เหมือนกับปรัชญาเวทานตะ
แต่ความคิดทางกลไกลของเขาละเอียดกว่าของอินเดีย (ไวเศษิก)
- สสารนิยมของฮอบส์ (1588-1679) ก็คล้ายกับความคิดของจารวาก
ถือว่าจิตเกิดจากสสาร ความคิดเน้นการเคลื่อนไหลของมันสมอง
- จิตนิยมของสปิโนช (1632-1677) ก็เท่ากับเอาเวทานตะมาผสมกับสางขยะ
ความคิดทางจริยศาสตร์ของเขาก็เหมือนกับของฮินดู
- ความคิดของล้อด (1632-1704) บางอย่างก็คล้ายกับพุทธศาสนา
เช่นเรื่องคุณภาพชั้นต้น อารมณ์หรือ ideal
ส่วนจิตวิทยาของเขาก็คล้ายกับของฮินดู
- ลัทธิโมนาดของไลม์นิช (1646-1716) กลับถอยหลังไปหาปรัชญาพระเวท
อย่างที่ฤคเวทกล่าว บุรุษยิ่งใหญ่กว่าสิ่งทั้งปวง
สถิตอยู่ในสิ่งทั่วไปทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
คำอธิบายเรื่องโมนาดย่อยโมนาดใหญ่ของเขาก็คือเรื่องชีวาตมันกับปรมาตมันนั้นเอง
- ความคิดเรื่องแรงโน้มถ่วงของนิวตัน (Newton) ก็มีอยู่ในลัทธิไวเศษิกแล้ว ความดึงดูดระหว่างสิ่งต่าง ๆ ก็มีกล่าวไว้ในอภิธรรมว่า คืออาโปชตุ ความคิดเรื่องอากาศของนิวตันก็มีอยู่ในปรัชญาฮินดู ความคิดเกี่ยวกับการแบ่งส่วนใหญ่ออกเป็นส่วนย่อยอันไม่มีที่สิ้นสุด (infinitesimal) ก็มีปรากฏอยู่ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของรูปนาม และเรื่องขณะจิตของพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าจึงเป็นคนแรกที่แบ่งสันตติของรูปนามออกเป็นขณะ ๆ นิวตันเชื่อว่ามีบางสิ่งที่อยู่กับที่ แต่พระพุทธเจ้าสอนว่าทุกสิ่งเคลื่อนไหว ส่วนเรื่องปฏิกิริยาเท่ากับกิริยานั้น ก็คล้ายกับคำสอนเรื่องกรรมและกรรมวิบากของพุทธศาสนานั้นเอง
- จิตนิยมของเนิดเล่ย์ (1685-1753)
ก็คล้ายกับความคิดของพุทธศาสนามหายานซึ่งเป็นผลของการปรับพุทธศาสนาให้เข้ากับเวทานตะ
แต่มหายานไม่ไกลกว่าเวทานตะเสียอีก คือปฏิเสธโลกภายนอกเอาเลยคือถือว่า รูปไม่มี
มีแต่นามอย่างเดียว
- ความคิดของฮิวม์ (1711-1776) ก็เหมือนกับอเหตุกทิฏฐิ อกิริยทิฏฐิ
และอุจเฉททิฏฐินั่นเอง เพราะฮิวม์บอกว่าไม่มีอะไรนอกจากความคิด (หรืออารมณ์)
ล้วนไม่มีสสาร ไม่มีจิต มีแต่ความคิด ทุกอย่างสลายไปกับความตาย
- คานต์ (1724-1804) ได้เสนอความคิดเรื่อง
กาลและอวกาศเป็นคนแรกในยุโรป แต่ความคิดนี้ก็มีอยู่ในลัทธิไวเศษิกแล้ว
และความคิดนี้ก็กลายเป็นคำสอนเรื่องบัญญัติของพุทธปรัชญาด้วย
คำสอนเรื่องโลกและวิญญาณของคานต์ก็คล้ายกับเรื่องบุรุษและประกฤติของสางขยะ
ความคิดเรื่องของคานต์ก็คล้าย ๆ กับเรื่องปัฏฐาน 24 ของพุทธศาสนา
- ความคิดของนักคิดเยอรมันคือ Fickte Sohelling Hegel (1775, 1770)
มีความคล้ายคลึงกับปรัชญาเวทานตะหรือพรามวิทยามาก ปรัชญาประวัติศาสตร์ของเฮเกล
คล้ายกับลัทธิอวตารของฮินดู
ส่วนความคิดเรื่องไดอะเล็กติกของเขาก็เหมือนกับความคิดเรื่อง สินาสยะของนยายะ
ซึ่งถือว่า ความจริงได้จากการพิจารณาเรื่องที่ขัดแย้งกัน
- ความคิดของนักคิดเรื่องสสารนิยมทางประวัติศาสตร์ของพวกมากซิสต์
ก็คล้ายกับความคิดเรื่องยุคต่าง ๆ ในปรัชญาฮินดู ที่แบ่งยุคออกเป็น กฤตยุค
ทวาพรยุค ไตรดายุค กลียุค แต่พวกมากซิสต์แบ่งกลียุคไว้ละเอียดกว่า
ส่วนความคิดเรื่องสังคมนิยมนั้น พวกพราหมณ์และพวกพุทธก็ได้กล่าวไว้นมนานมาแล้ว
สสารนิยมไดอะเล็กติกจึงเท่ากับเป็นพัฒนาการขั้นสูงสุดของลัทธิจารวาก
- ความคิดเรื่อง วิวัฒนาการของดาร์วิน (1809-1882)
ก็คล้ายกับความคิดเรื่องพืชนิยมของพุทธศาสนา
- ความคิดของพวกสัจนิยมในศตวรรษที่ 20 นี้ก็คล้ายกับความคิดของพุทธศาสนา คือยอมรับความมีอยู่ของสิ่งที่ปรากฏทั้งที่เป็นสสารและอสสาร โดยที่สิ่งทั้งสองมิได้สร้างซึ่งกันและกัน แต่ต่างก็มีอยู่ด้วยกัน