สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
รางจืดสมุนไพรล้างพิษ
งานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและอาชีวอนามัย สสจ.บุรีรัมย์
ชื่อพฤกษศาสตร์: Thunbergia laurifolia Lindl.
วงศ์ : Acanthaceae
ชื่อสามัญ : รางจืด
ชื่ออื่น : กำลังช้างเผือก, ขอบชะนาง , ราง เอ็น , (เขาเขียวเถา) ,
เครือเขาเขียว , ยาเขียว (ภาคกลาง) , รางเย็น คาย (ยะลา) , ดุเหว่า (ปัตตานี),
ทิดพุด (นครศรีธรรมราช), น้ำนอง (สระบุรี),แอดแอ , ย้ำแย่( เพชรบูรณ์) จอลอดิเออ
ซั้งกะ บั้งกะละ พอหน่อเตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะของพืช : รางจืดเป็นไม้เถาขนาดกลาง ไม่มีเนื้อไม้
เถาอ่อนสีเขียวเป็นมัน ลำต้นจะเป็นเลื้อยพันกับ ต้นไม้อื่น
ใบ : ใบเดี่ยวแยกออกจากลำต้นเป็นคู่ตรงบริเวณข้อ มีสีเขียวเข้ม
รูปยาวรี หรือรูปไข่ ขอบขนาดกว้าง 4-7 เซนติเมตร ยาว 8-15 เซนติเมตร ปลายเรียวแหลม
โคนเว้าหรือยักรูปหัวใจ ขอบเรียบหรือยักตื้น ใบมี 5 เส้น ออกจากฐานใบเดียวกัน
ดอก : ดอกช่อ ช่อละ 3-4 ดอก สีม่วงอมฟ้าหรือน้ำเงิน
ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ห้อยลงมีใบ ประดับสีเขียว
ประกลีบของดอกมีลักษณะเป็นถ้วยรูปจานแยกเป็น 5 แฉก มีเกสรตัวผู้ 5 อัน
ผล : รูปทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 1 เซนติเมตร
ส่วนปลายสอบแหลมเป็นจงอยยาว 2-3 เซนติเมตร เมื่อแก่ตกออกเป็น 2 ซีกจากจงอยส่วนบน
สรรพคุณตามตำรายาไทย
จัดเป็นยารสเย็นใช้ปรุงเป็นยาเขียวลดไข้ถอนพิษผิดสำแดง และพิษอื่นๆ
ใช้แก่ร้อนใน กระหายน้ำ รักษาโรคหอบหืดเรื้อรัง และแก้ผื่นคันจากอาการแพ้ต่างๆ
ใช้แก่พิษเบื่อเมา เนื่องจากเห็ดพิษ สารหนู หรือยาฆ่าแมลง
การศึกษาทางพฤกษเคมี สาระสำคัญที่พบในรางจืดเมื่อทำการสกัด คือ กลุ่ม
fiavonoidphenolic, apigenin,cosmosin,deiphindin-3,5-di-O-B-D-glucoside,
clorogenic acid, caffeic acid การสกัดด้วยการต้ม พบว่าให้ปริมาณสาระสำคัญ
และทำให้ได้สารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุด
คุณสมบัติทางเภสัชวิทยาอื่น ที่น่าสนใจของรางจืด คือ
1.ต้านแบคทีเรีย
2.ต้านเชื้อไวรัสเริม
3.ต้านการอักเสบ
4.รักษาระดับน้ำตาลในเลือด
ข้อควรระวัง
ในกรณีของผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ โรคหอบหืด และหญิงตั้งครรภ์
การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรรางจืด
สามารถนำทั้งใบและรากของรางจืดมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น
ส่วนใบ นำใบรางจืดมาต้ม ดื่มคณะอุ่น หรือนำใบมาคั้นดื่ม รวมทั้งสามารถแปรรูปของยาชง
หรือชาชงรางจืด และส่วนราก ใช้รากที่มีอายุเกิน 1 ปีและมีขนาดเท่านิ้วชี้
(ซึ่งรากมีตัวยามากกว่าใบ4-7 เท่า) นำมาฝนกับน้ำ
แล้วดื่มเพื่อเป็นการล้างพิษในร่างกายรวมทั้งบรรเทาพิษเฉพาะหน้า ก่อนนำส่งโรงพยาบาล
น้ำคั้นสดจากใบสมุนไพรรางจืด
นำใบรางจืดที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปจำนวน 5-7 ใบล้างให้สะอาด
โคลกให้ละเอียดผสมกับน้ำดื่ม หรือน้ำซาวข้าว คั้นเอาแต่น้ำ รับประทานครั้งละ 1 แก้ว
วันละ 1 ครั้ง
ยาฝนจากรากสมุนไพรรางจืด
นำรากรางจืดที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป ขนาดเท่า นิ้วชี้ มาล้างให้สะอาด
โขลกหรืฝน ผสมกับน้ำสะอาด หรือน้ำซาวข้าว รับประทานครั้งละ 1 แก้ว วันละ 1 ครั้ง
น้ำต้มสมุนไพรรางจืด
นำใบรางจืดแบบสด จำนวน 4-7 ใบ ล้างให้สะอาด
นำไปต้มกับน้ำเต็มกาดื่มคณะอุ่น ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันล่ะ 4-5 ครั้ง
ชาชงสมุนไพรรางจืด
นำใบรางจืดมาล้างให้สะอาด หั่นใบรางจืดให้เป็นฝอย นำไปผึ่งลมให้แห้ง
ใช้ขนาด 6 กรัม นำมาชงในน้ำร้อนดื่ม
ยาชงสมุนไพรรางจืด
นำใบสมุนไพรรางจืด มาล้างให้สะอาด นำไปอบที่อุณภูมิ 50
องศาเซลเซียส จนแห้ง นำไปบด แล้วบรรจุในซองขนาด 5 x 5 เซนติเมตร จำนวน 2 กรัม
วิธีรับประทาน
-รับประทานครั้งละ 6 กรัม ชงกับน้ำร้อน 1 แก้ว (75 มิลลิลิตร) วันละ
1 ครั้ง ติดต่อกันอย่างน้อย 7 วัน เพื่อส่งเสริมสุขภาพ -รับประทานครั้ง 2 กรัม
ชงกับน้ำร้อน 1 แก้ว (75 มิลลิลิตร) วันละ 1 ครั้ง
» กานพลู
» สมุนไพรรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
» ประโยชน์และโทษ สรรพคุณสมุนไพรจีน
» ชะคราม วัชพืชสมุนไพรต้านอนุมูลอิสระในป่าชายเลน
» มะรุม
» สะระแหน่