ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>
โสคราตีส
โสคราตีสเป็นบุคคลที่อุทิศชีวิตเพื่อการแสวงหาความรู้ทางปรัชญา
นิยมการอภิปรายสนทนาประเด็นปัญหาทางปรัชญาและในที่สุดต้องยอมสละชีวิตเพื่อยืนยันอุดมการณ์ทางปรัชญาของตน
ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและปรัชญาของโสคราตีสตกทอดมาถึงยุคปัจจุบันก็เพราะบทสนทนาที่พลาโต้ได้เขียนเอาไว้
ประวัติ
โสคาตีส (Socrates พ.ศ.73-144) เกิดที่กรุงเอเธนส์
บิดาชื่อโวโฟรนิสคุส เป็นช่างแกะสลัก มารดาชื่อเฟนารีเตเป็นหมอตำแย
โสคราตีสเรียนวิชาแก่สลักจากบิดาและประกอบอาชีพเจริญรอยตามบิดาอยู่ไม่นานก็เลิกทำ
ต่อมาเมื่อเอเธนส์ประกาศสงครามชิงความเป็นใหญ่กับสปาร์ตา
โสคราตีสสมัครเป็นทหารไปรบในกองทัพเอเธนส์ถึง 3 ครั้ง
ในการออกรบครั้งแรกที่โปติเดอา โสคราติสได้ช่วยชีวิตอัสซิเบียเดสเอาไว้
โสคราตีสอายุได้ 50 ปี ได้แต่งานกับซานธิปปี มีบุตรด้วยกัน 3 คน
ภรรยาของท่านเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าปากร้าย โสคราตีสไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร
ยิ่งแก่ตัวลงท่าก็ยิ่งจน งานประจำของท่านคือออกไปพบปะประชาชน ทุกๆ
เช้าโสคราตีสจะออกไปตามท้องตลาดหรือย่านชุมชน แล้วตั้งวสนทนาขึ้นที่นั่น
ท่านสนทนากับคนทุกประเภทในทุกเรื่อง ในการสนทนาแต่ละครั้ง
โสคราตีสพูดเป็นพระเอกอยู่ตลอดเวลา ท่านเชี่ยวชาญในการตอนคู่สนทนาไปจนมุมจนคำพูด
เทคนิคการสนทนาของท่านมีชื่อว่า วิธีการของโสคราตีส
โสคราตีสจึงเป็นนักพูดขวัญใจของเด็กหนุ่มชาวเอเธนส์
หลายคนฝากตัวเป็นศิษย์ของโสคราตีส
ซึ่งท่านก็ถ่ายทอดความรู้ให้โดยไม่เรียกเก็บค่าเล่าเรียนแต่อย่างใด
บั้นปลายชีวิต โสคราตีสพบกับความยุงยาก สาเหตุสำคัญนั้นเนื่องมาจาก
ภายหลังที่รัฐบาลทรราชถูกโค่นล้ม
รัฐบาลประชาธิปไตยกลับคืนสู่อำนาจโดยความเห็นชอบของสปาร์ตา
ผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดใหม่ไม่อาจปฏิบัติการล้างแค้นเอากับคณะสามสิบทรราชโดยตรง
ดังนั้นเป้าแห่งความประสงค์ร้ายจึงเบนไปที่กลุ่มบุคคลผู้เคยสนับสนุนคณะทรราช
หรือแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยเนื่องจากโสคราตีสคัดค้านประชาธิปไตยอันไร้สติของเอเธนส์
ประกอบกับโสคราตีสเองได้สร้างศัตรูไว้มากมาย
เหตุนี้เองโสคราตีสจึงต้องรับเคราะห์จากการปฏิบัติการจองเวรของนักการเมือง
นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยชื่อนีตุส นักกวีชื่อเมเลตุส
และนักพูดชื่อไลคอน ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องโสคราตีสด้วยข้อกล่าวหาว่า
โสคราตีสไม่นับถือเทพเจ้าประจำชาติ โสคราตีสสร้างเทพเจ้าองค์ใหม่ขึ้นแทน
และโสคราตีสมอมเมาจิตใจเยาวชน ศาลของเอเธนส์ในยุคนั้นเรียกว่า ศาลประชาชน
เพราะมีผู้พิพากษาถึง 500 คน การตัดสินใช้การลงคะแนนเสียงจากผู้พิพากษา
คะแนนเสียงข้างมากเป็นฝ่ายชนะ
โจทก์และจำเลยจะต้องพยายามสุดเหวี่ยงในการพูดโน้นำจิตของคณะผู้พิพากษา
โจทก์และจำเลยจะต้องพูดสุดเวี่ยงในการโน้มนำจิตใจของคณะผู้พิพากษา
โจทก์และจำเลยจะต้องพูดเอง
สุดท้ายโสคราตีสต้องแพ้คดีจึงต้องถูกโทษประหาร ด้วยการดื่มยาพิษ
ปรัชญาของโสคราตีส
ปรัชญาของโสคราตีสเกิดขึ้นมาก็เพื่อหักล้างคำสอนของโซฟิสต์โดยตรง
ความคล้ายคลึงกันประการเดียวระหว่างโสคราตีสกับโซฟิสต์ก็คือ
ทั้งสองฝ่ายไม่สนใจปรัชญาธรรมชาติที่แพร่หลายอยู่ในสมัยเริ่มต้นของปรัชญากรีก
โสคราตีสมีทัศนะว่าเหตุผลเป็นเครื่องแสวงหาความรู้ที่ช่วยให้คนเราค้นพบความจริงแบบปรนัยหรือมโนภาพของสิ่งทั่งหลาย
ศัทพ์ที่ใช้ในปรัชญาของโสคราตีสที่ควรรู้คือ สัญชาน(Perception)
ได้แก่การรับรู้ที่เกิดจากกรกระทบระหว่างประสาทสัมสัมผัส (Senses) ทั้งห้า
สัญชานจึงเป็นความรู้ระดับผัสสะ ความรู้ระดับสัญชานจึงเป็นการรู้จักสิ่งเฉพาะ
จินตภาพ(Image)คือภาพของสิ่งเฉพาะที่ปรากฎในใจ มโนภาพ(Concept)
คือความรู้จักสิ่งสากล
โซฟิสต์ยอมรับเฉพาะสัญชานเท่านั้นว่าเป็นบ่อเกิดแห่งความรู้
ความรู้ของโซฟิสต์เป็นความรู้จักสิ่งเฉพาะในทฤษฎีนี้ความจริงสากลจึงไม่มี โซฟิสต์
ความรู้เป็นเพียงทัศนะอัตนัย
ทฤษฎีความรู้ของโสคราตีส
ถือว่าเหตุผลเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ ในปรัชญาของโสคราตีส
เหตุผลช่วยให้ค้นพบมโนภาพ ความรู้ทุกอย่างจึงเป็นความรู้ที่ได้มาจากมโนภาพ
มโนภาพคือความรู้สากล จะค้นพบมโนภาพได้ก็โดยอาศัยการสร้างคำจำกัดความ(Definition)
เพราะมโนภาพหมายถึงสิ่งเดียวกันกับคำจำกัดความ
ปรัชญาของโสคราตีส ความรู้คือการรู้มโนภาพของสิ่งทั้งหลาย
ค้นพบมโนภาพของสิ่งต่างๆ ได้โดยอาศัยกรรมวิธีของการสร้างคำจำกัดความ
โสคราตีสเชื่อว่าทุกคนมีมโนภาพเกี่ยวกับสิ่งทั้งหลายอยู่แล้ว
ท่านไม่ได้ยัดเยียดความรู้ใหม่แก่คนอื่น
แต่ท่านช่วยคู่สนทนาให้ค้นพบมโนภาพที่ตนมีอยู่แล้ว
งานของท่านจึงคล้ายกับอาชีพของหมอตำแย ท่านเรียกงานของท่านว่า
การผดุงครรภ์ทางปัญญา เทคนิคการผดุงครรภ์ของท่านมีชื่อเรียกว่า
วิธีการของโสคราตีส
วิธีการของโสคราตีส
ศิลปะการสนทนาที่โสคราตีสใช้ประคับประคองการสนทนาให้ดำเนินไปสู่คำตอบของปัญหาที่กำลังอภิปราย
โดยทั่วไปเรียกว่า วิพาษวิธี(Dialectic) ซึ่งประกอบด้วยลักษณะสำคัญ 5 ประการ คือ
- สังสัย (Sceptical) ไปถามผู้ที่รู้ในเรื่องนั้นและถามข้อสงสัยในเรื่องนั้นกับผู้ที่รู้
- สนทนา (Conversation) เพื่อหาคำจำกัดความในการสนทนาหาประเด็นหลักของการสนทนาในเรื่องนั้น
- หาคำจำกัดความ(Defintionl) หาคำจำกัดความที่คิดว่าถูกต้องที่สุดเพื่อจะหาสิ่งที่เป็นสากลหรือเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
- อุปนัย(Inductive) การสร้างคำจำกัดความจะเริ่มจากสิ่งเฉพาะไปสู่สิ่งสากลต่างๆ ในสังคม เพื่อมาสร้างเป็นคำนิยาม
- นิรนัย(Deductuve) คือ การสรุปจากสิ่งสากลทั่วไปที่คนยอมรับไปสู่สิ่งเฉพาะ
จริยศาสตร์
คนที่มีความรู้ทุกคนจะเป็นคนประพฤติดี
คนประพฤติดีเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก โสคราตีสสกล่าวว่า ความรู้คือคุณธรรม
(Knowledge is Virtue) นั่นคือ คนที่รู้ผิดชอบชั่วดีย่อมจะทำความดี
เป็นไปไม่ได้ที่คนที่รู้ว่าความดีคืออะไรแล้วยังฝืนทำความชั่ว
ส่วนคนทำความชั่วก็เพราะขาดความรู้ผิดชอบชั่วดี เหตุนั้น โสคราตีสจึงกล่าวว่า
ไม่มีใครทำผิดโดยจงใจ
*
เหตุที่ทำให้โสคราตีสต้องถูกประหารชีวิตเพราะความเข้าใจผิดที่คิดว่าโสคราตีสเป็นกลุ่มนักคิดของพวกโซฟิส
แต่แท้ที่จริงโสคราตีสไม่ได้เป็นกลุ่มโซฟิส
ข้อแตกต่างที่ทำให้เห็นว่าโสคราตีสไม่ใช่กลุ่มโซฟิส มีดังนี้
- โสคราตีสไม่ได้เก็บค่าเล่าเรียนกับผู้ที่มาเรียนอย่างกลุ่มโซฟิส
- ความคิดเห็นเรื่องทฤษฎีความรู้ที่ต่างกัน โซฟิสสัญชานเท่านั้นเป็นบ่อเกิดของความรู้ โสคราตีสเห็นว่าความรู้มาจากการใช้เหตุผล
- โสคราตีสไม่ได้เป็นอาจารย์ที่เร่ร่อนไปสอนตามสถานที่ต่างๆ
โปรแทกอรัส (Protagoras พ.ศ.63-133)
โสคราตีส
พลาโต้ (Plato พ.ศ.116-196)
อาริสโตเติล (Aristotle)