วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
ตอนที่ 1 เริ่มบทกวี
ตอนที่ 2 เหตุการณ์ทางเมืองมอญ
ตอนที่ 3 พระมหาอุปราชายกทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี
ตอนที่ 4 พระนเรศวรทรงปรารภเรื่องตีเมืองเขมร
ตอนที่ 5 สมเด็จพระนเรศวรทรงเตรียมการสู้ศึกมอญ
ตอนที่ 6 พระนเรศวรทรงตรวจเตรียมทัพ
ตอนที่ 7
พระมหาอุปราชาทรงปรึกษาการศึกแล้วยกทัพเข้าปะทะหน้าของไทย
ตอนที่ 8 ทัพหน้าไทยถอยไม่เป็นกระบวน
ตอนที่ 9 ทัพหลวงเคลื่อนพลฯ
ตอนที่ 10 ยุทธหัตถี และชัยชนะของไทย
ตอนที่ 11 พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร
ตอนที่ 12 สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ
ตอนที่ 8 ทัพหน้าไทยถอยไม่เป็นกระบวน
ขณะที่พราหมณ์ผู้ทำพิธีและผู้ชำนาญไสยศาสตร์
ทำพิธีเบิกประตูป่าและพิธีละว้าเซ่นไก่ หลวงมหาวิชัยรับพระแสงดาบอาญาสิทธิ์
ไปทำพิธีตัดไม้ข่มนามตามไสยศาสตร์
สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงสดับเสียงปืนซึ่งไทยกับมอญกำลังยิงต่อสู้กัน
แต่เสียงนั้นอยู่ไกลฟังไม่ถนัด จึงรับสั่งให้หมื่นทิพเสนารีบไปสืบข่าว
เห็นกองทัพไทยกำลังล่าถอย รับพลางถอยพลาง มอญพม่าตามมาอย่างกระชั้นชิด
หมื่นทิพเสนาได้นำขุนหมื่นผู้หนึ่งมาเฝ้าสมเด็จพระนเรศวร ขุนหมื่นผู้นั้นกราบทูลว่า
เมื่อเวลา 7 นาฬิกา ทัพไทยได้ปะทะกับทัพมอญที่ตำบลโคกเผาข้าว
ทัพไทยต้องถอยร่นตลอดเวลา เพราะกำลังข้าศึกมีมากกว่า สมเด็จพระนเรศวร
จึงตรัสปรึกษาแม่ทัพนายกองว่าควรคิดหาอุบายแก้ไขการศึก
บรรดาแม่ทัพนายกองกราบทูลขอให้พระองค์ส่งทัพไปยันไว้
ให้ข้าศึกอ่อนกำลังลงก่อนจึงเสด็จยกทัพหลวงออกต่อสู้ภายหลัง
สมเด็จพระนเรศวรตรัสตอบว่าทัพไทยกำลังแตกพ่ายอยู่ ถ้าจะส่งทัพไปต้านทานอีก
ก็จะพลอยแตกอีกครั้ง ควรที่จะล่าถอยลงมาโดยไม่หยุดยั้ง เพื่อลวงข้าศึกให้ละเลิงใจ
ยกติดตามมาไม่เป็นขบวน พอได้ทีให้ยกกำลังส่วนใหญ่ออกโจมตี
คงจะได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย แม่ทัพนายกองเห็นชอบด้วยกับพระราชดำรินั้น
สมเด็จพระนเรศวรจึงมีรับสั่งให้หมื่นทิพเสนากับหมื่นราชามาตย์ไปแจ้งทัพหน้าของไทยให้ล่าถอยโดยเร็ว
ทัพพม่า ไม่รู้อุบาย ก็รุกไล่ตามจนเสียกระบวน
พิธีทางไสยศาสตร์เกี่ยวกับศึกสงคราม
โขลนทวาร หรือประตูป่า
เป็นพิธีบำรุงขวัญทหารเมื่อยกทัพออกจากเมืองโดยทำซุ้มประตูให้ทหารลอดสองข้างประตูทำเป็นร้านนั่งให้พราหมณ์ประพรมน้ำมนต์ขณะที่ทหารลอดซุ้มประตูและมีพระสงฆ์สวดชยันโตเพื่อเป็นสิริมงคลและให้กำลังใจทหารที่ออกรบ
ละว้าเซ่นไก่ เป็นพิธีบำรุงขวัญทหารอีกพิธีหนึ่ง
พิธีนี้เป็นพิธีบวงสรวงเทวดาและเจ้าป่าของชาวละว้า ผู้ทำพิธีจะตั้งเครื่องสังเวย
บวงสรวงเทวดา
ขอให้งานสำเร็จลุล่วงแล้วเสี่ยงทายโดยถอดกระดูกคางไก่ที่ใช้เป็นเครื่องเซ่น
ถ้ากระดูกยาวเรียว มีข้อถี่ถือเป็นนิมิตดี
ตัดไม้ข่มนาม
เป็นพิธีบำรุงขวัญทหารก่อนทัพไปปราบศัตรูโดยจัดตั้งโรงพิธี วงสายสิญจน์
นำดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปคน สมมติเป็นข้าศึก เขียนชื่อ
ลงยันต์กำกับห่อด้วยกาบกล้วยนำเข้าพิธีปลุกเสก
นำไปติดกับต้นไม้ที่มีชื่อพ้องหรือใกล้เคียง กับชื่อข้าศึก
นำต้นไม้ไปปักลงหลุมในโรงพิธี
พอได้ฤกษ์ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากพระมหากษัตริย์จะเชิญพระแสงดาบ
อาญาสิทธิ์ในโรงพิธีไปฟันไม้และรูปปั้นข้าศึก
แล้วกลับไปทูลพระมหากษัตริย์ว่าได้เอาชนะข้าศึกตามพระกระแสรับสั่งแล้ว
เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค
เป็นการเคลื่อนทัพตามตำราพิชัยสงครามโดยกำหนดว่าวันที่เคลื่อนทัพนาคหันหัวไปทิศใดให้เคลื่อนทัพไปทางทิศนั้นจะเป็นสิริมงคลหากเดินทวนเกล็ดนาคถือว่าเป็นอัปมงคล