สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ต้นตอของขบวนการโลกาภิวัตน์
โครงสร้างอำนาจของทุน
การปรับโครงสร้างการผลิต
บทบาทของหนี้
โครงสร้างของโลกาภิวัตน์
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองของโลก
ความเปราะบางของระเบียบโลกใหม่
อัตลักษณ์และความรู้ : การเผชิญหน้ากับอนาคต
ความล้าสมัยของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฯ
กระบวนการทางการเมืองและระเบียบโลก
พลังท้าทายของสรรพสิ่งมีชีวิต
ทางออกสู่รูปแบบใหม่ของสังคมเศรษฐกิจ
เชิงอรรถ
ต้นตอของขบวนการโลกาภิวัตน์
เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทศวรรษ 1930
รัฐกลายเป็นเอเย่นต์ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถูกคุกคามจากความปั่นป่วนที่มาจากโลกภายนอก
ด้วยการพิทักษ์สวัสดิการสังคมและสร้างงานให้คนทำ บรรษัทนิยม (corporatism)
ซึ่งก็คือการที่รัฐร่วมมือกับนายทุนและแรงงาน ณ ระดับรัฐชาติ (ในรูปแบบต่าง ๆ
และมีชื่อเรียกที่หลากหลาย) กลายเป็นแบบจำลองการควบคุมเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ
สำหรับความสัมพันธ์และการค้าระหว่างประเทศนั้น ชาตินิยมทางเศรษฐกิจเป็นหลักปฏิบัติ
(การกีดกันการค้า) ที่พบเห็นได้ทั่วไป
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีการพยายามใช้ระบบเบรตตันวู้ด
เพื่อสร้างสมดุลระหว่างตลาดการค้าเสรีและความรับผิดชอบของรัฐเพื่อดูแลสวัสดิการภายในประเทศ
รัฐต้องอยู่ในกรอบขององค์กรเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น องค์การการเงินระหว่างประเทศ
(IMF) ธนาคารโลก และข้อตกลงว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้าระหว่างประเทศ (GATT)
ในเรื่องเกี่ยวกับการเปิดเสรีการค้า
เสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและระบบอัตราแลกเปลี่ยน
องค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้ให้บริการด้านการเงิน และให้เวลาประเทศต่าง ๆ
ปรับเศรษฐกิจภายในแต่ละประเทศ เพื่อมิให้ต้องลดทอนสวัสดิการของสังคมภายในประเทศ
กล่าวโดยย่อภายใต้ระบบเบรตตันวู้ดประเทศต่าง ๆ
สามารถดำเนินนโยบายภายในเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะของตน พร้อม ๆ กับที่มีความพยายาม ณ
ระดับนานาชาติที่จะสร้างระบบการค้าเสรีขึ้นในโลก
ภาวการณ์ดังกล่าวนำไปสู่ความจำเริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าด้านสังคมเป็นเวลา
3 ทศวรรษ แต่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1968-1975 จากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
สภาพรอมชอมที่ยอมให้เศรษฐกิจภายในประเทศเป็นตัวกำหนดนโยบายรัฐ เปลี่ยนแปลงไป
คือรัฐถูกจำกัดบทบาทวางนโยบายเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมสวัสดิการสังคมภายในประเทศ
และอยู่ภายใต้แรงกดดันให้เพิ่มความสำคัญกับเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนเพิ่มขึ้น พร้อม ๆ
กับที่มาตรการด้านการประกันสังคมและสวัสดิการสังคมที่นำมาใช้ช่วงทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ถูกยกเลิกหรือค่อย ๆ ลดความสำคัญลง
รัฐถูกกดดันให้ละทิ้งบทบาทเดิมที่ต้องรับผิดชอบกับสังคมของตนเอง
โดยต้องทำตามการชี้นำของเศรษฐกิจโลก ภายใต้การชี้นำของศัพท์แสงใหม่ ๆ
เรื่องโลกาภิวัตน์ การพึ่งพาซึ่งกันและกัน และการแข่งขันระดับโลก (globalization,
interdependence, competitiveness)
ภาวการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร? และเหตุใดจึงเกิดขึ้น?
คงจะมีการถกเถียงเพื่อแสวงหาคำตอบกันอีกนานทีเดียว แต่ในขั้นนี้กล่าวได้ว่า
เรากำลังถึงช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนจริง ๆ กล่าวคือเรากำลังอยู่ ณ
จุดที่โครงสร้างเก่านั้นอ่อนกำลังลง และโครงสร้างใหม่ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว
จะขอแจกแจงองค์ประกอบหลัก ๆ ของการเปลี่ยนแปลงในตอนต่อไป