วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>

วรรณคดีไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

รื่นฤทัย สัจจพันธุ์

1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11

2

บทละครเรื่องรามเกียรติ์

 พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

วรรณคดีเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นการปรับวรรณคดีมุขปาฐะเป็นวรรณคดีลายลักษณ์ที่สมบูรณ์ เพราะต้นฉบับของบทละครเรื่องรามเกียรติ์ที่หลงเหลือมาจากสมัยอยุธยา นอกจากไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ยังน่าจะเป็นตัวบทสำหรับการขับร้องเพื่อการแสดง มิใช่สำหรับอ่าน การรังสรรค์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี อ้างว่าเพื่อ “ถนอมถนิมประดับโสต ประโยชน์ฉลองเฉลิม เจิมจุฑาทิพย์ประสาท ประกาศยศเอกอ้าง องค์บพิตรพระเจ้าช้าง เผือกผู้ครองเมือง” และในโคลงท้ายบท มีข้อความใน 2 บาทท้ายว่า “ ริ ร่ำพร่ำประสงค์ สมโภช พระนา บูรณ์ บำเรอรมย์ให้ อ่านร้องรำเกษมฯ” หมายความว่าเหตุที่ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องนี้

  1. เพื่อเฉลิมพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ตามราชประเพณี ที่ถือเอาความมั่นคงทางวัฒนธรรมเป็นความมั่นคงของแผ่นดิน
  2. เพื่อรวบรวมวรรณคดีอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไว้ไม่ให้สูญ และ
  3. เพื่อสร้างวรรณคดีสำหรับ “อ่านร้องรำเกษม” คือใช้เป็นมหรสพบันเทิงแก่ประชาชน

ข้อความในโคลงข้างท้าย บ่งชี้ว่าพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ใช้สำหรับ อ่าน ร้อง หรือ รำ ก็ได้ แต่จะเห็นได้ว่าตัวบทไม่เหมาะแก่การนำไปแสดงโดยตรง ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ สำนวนใหม่ โดยตัดตอนเฉพาะบางตอน คือ ตอนหนุมานถวายแหวนจนถึงทศกัณฑ์ล้มตอนหนึ่งประกอบด้วย ตอนหนุมานถวายแหวน เผาลงกา ขับพิเภก สุกระสารปลอมพล นางลอย จองถนน ตั้งพลับพลา องคตสื่อสาร สุครีพหักฉัตร ไมยราพสะกดทัพ ศึกกุมภกรรณ ครั้งที่ 1 ศึกกุมภกรรณ ครั้งที่ 2 ศึกกุมภกรรณ ครั้งที่ 3 ศึกอินทรชิต ครั้งที่ 1 ศึกมังกรกัณฐ์ ศึกแสงอาทิตย์ ศึกพรหมาสตร์ สีดาไปสนามรบ สุขาจารแปลงเป็นสีดา พิธีกุมภนิยา ศึกทศกัณฐ์กับสิบรถ ศึกสหัสสเดชะ พิธีอุมงค์ ศึกสัทธราสูร ศึกวิรุญจำบัง ท้าวมาลีวราชว่าความ พิธีเผารูปเทวดา ศึกทศกัณฐ์กับพระลักษณ์ พิธีหุงข้าวทิพย์ ศึกทศกัณฐ์ขาดเศียรขาดกร หนุมานอาสา ทศกัณฐ์ล้ม ศึกประลัยกัลป์ อภิเษกพระราม ตอนฆ่าสีดาจนถึงอภิเษกเขาไกรลาสอีกตอนหนึ่ง ประกอบด้วยตอนพระรามคลั่งฆ่านางสีดา ปล่อยม้าอุปการ หรือเรียกว่าตอนบุตรลบ พระรามเข้าโกศ และอภิเษกไกรลาส รวม 36 เล่มสมุดไทย พระองค์ทรงปรับบทเพื่อให้นำไปใช้ในการแสดงละครได้เหมาะสม ดังตัวอย่างตอนนางสีดาผูกคอตาย


สำนวนรัชกาลที่ 1

เอาภูษาผูกศอให้มั่น แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่
หลับเนตรดำรงปลงใจ อรไทก็โจนลงมา
บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
ครั้นเห็นองค์อัครกัลยา ผูกศอโจนมาก็ตกใจ
ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวี ร้อนจิตดั่งหนึ่งเพลิงไหม้
โลดโผนโจนตรงลงไป ด้วยกำลังว่องไวทันที

สำนวนรัชกาลที่ 2

เอาภูษาผูกศอให้มั่น แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่
หลับเนตรดำรงปลงใจ อรไทก็โจนลงมา
บัดนั้น วายุบุตรแก้ได้ดังใจหมาย

จะเห็นได้ว่า วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ฉบับพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2 มีความกระชับ ใช้แสดงได้สมจริง ในขณะที่ฉบับพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 1 จะเก็บความครบถ้วน ให้รายละเอียดตามขนบวรรณศิลป์

ความแตกต่างของบทละครเรื่องรามเกียรติ์ทั้งสองสำนวนนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวินิจฉัยไว้ในพระราชบันทึกเรื่องบายศรีว่า (อ้างถึงในเสาวลักษณ์ อนันตศานต์, 2525 : 89)

“พระราชนิพนธ์พระพุทธยอดฟ้า ตั้งใจจะให้ถี่ถ้วนตามแบบอย่างด้วย ต้องการจะให้ถ้อยคำลึกและไพเราะทั้งเป็นอัศจรรย์ด้วย ไม่รังเกียจข้อที่จะยืดยาวจนเล่นละครดูเบื่อ

พระราชนิพนธ์พระพุทธเลิศหล้าฯ คิดย่อให้สั้น ไม่ให้บทยาวเยิ่นเย้อดูละครเบื่อเป็นที่ตั้ง แต่เลือกคำให้ไพเราะ ให้ถูกต้องด้วยแบบธรรมเนียม แต่ไม่พยายามที่จะว่าให้ครบครัน ยอมให้เลยไปตามกลอนบ้าง”

หน้าถัดไป >>>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย