ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
(รัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 3)
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
การปกครองของไทยสมัยรัตนโกสินทร์
กฎหมายและการศาล
เศรษฐกิจสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
สภาพสังคมและการศึกษา
การศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณี
วรรณกรรมและศิปลกรรม
การป้องกันเอกราชของประเทศ
ความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตกในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบจลาจลภายในกรุงธนบุรีและสร้างความมั่นคงภายในประเทศแล้ว พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาและตั้งชื่อใหม่ว่ากรุงเทพฯ ทั้งนี้เนื่องด้วยสาเหตุหลายประการ คือ
- พระราชวังเดิมของกรุงธนบุรีคับแคบ มีวัดขนาบอยู่ทั้ง 2 ด้าน คือ วัดแจ้ง
(วัดอรุณราชวราราม) และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม)
ทำให้ไม่สามารถขยายอาณาเขตของพระราชวังให้กว้างขวางขึ้นได้
- พระองค์ไม่ทรงเห็นด้วยที่จะให้พระนครแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาผ่ากลางเป็นเสมือนเมืองอกแตก ดังเช่น เมืองพิษณุโลก
สุพรรณบุรี เพราะหากข้าศึกยกทัพมาตามลำน้ำ ก็สามารถบุกตีใจกลางเมืองหลวงได้
ทำให้ยากแก่การป้องกันพระนคร ครั้นจะสร้างป้อมปราการทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ
ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองมาก
ทำให้ยากแก่การเคลื่อนพลจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการยากลำบากมาก
ดังนั้นพระองค์จึงย้ายพระนครมาอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเพียงแห่งเดียว
โดยมีแม่น้ำเป็นคูเมืองทางด้านตะวันตก และใต้
ส่วนทางด้านตะวันออกและทางด้านเหนือ โปรดเกล้าฯ
ให้ขุดคลองขึ้นเพื่อเป็นคูเมืองป้องกันพระนคร
- พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม
สามารถขยายเมืองให้กว้างขวางออกไปได้เรื่อยๆ
ตรงบริเวณที่ตั้งพระนครพื้นที่เป็นแหลม
โดยมีแม่น้ำเป็นกำแพงกั้นอยู่เกือบครึ่งเมือง
- ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่เป็นท้องคุ้ง น้ำกัดเซาะตลิ่งพังทลายอยู่เสมอ จึงไม่เหมาะแก่การสร้างอาคารหรือถาวรวัตถุใดๆ ไว้ริมฝั่งแม่น้ำ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีรับสั่งให้สร้างเมืองใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ตั้งแต่บริเวณหัวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา คือ บริเวณพระบรมมหาราชวังในปัจจุบัน
พระราชทานนามเมืองใหม่นี้ว่า กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธนา
มหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถานอมรพิมาน อวตารสถิต
สักกทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนจากคำว่า
บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์
ในการสร้างพระมหาบรมราชวัง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดขึ้นภายในด้วย คือ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว แล้วให้อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นประดิษฐาน
ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่กรุงเทพฯ