วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>

มลพิษทางอากาศ

ก๊าซซัลเฟอร์ไดออก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)

ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นก๊าซหนักกลิ่นฉุน คล้ายกลิ่นไม้ขีดไฟขณะติดไฟ มีอำนาจกัดกร่อนและเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต เกิดจากเครื่องจักรเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทน้ำมันเตา น้ำมันดีเซล และถ่านหิน ซึ่งมีกำมะถันหรือซัลเฟอร์ผสมอยู่ นอกจากนี้อาจเกิดจากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมได้อีกด้วย ในธรรมชาติก๊าซนี้อาจเกิดในปริมาณได้เนื่องมาจากภูเขาไฟระเบิด ทั่วโลกประมาณกันว่าซัลเฟอร์ไดออกไซด์ราวร้อยละ 60 เกิดจากการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง แม้จะมีวิธีใหม่ที่ทำให้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงบริสุทธิ์ แต่ถ่านหินก็ยังมีกำมะถันปะปนมากมายอยู่ดี

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ เมื่อเราสูดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เข้าไป หลอดลมส่วนบนจะดูดซึมก๊าซนี้กระจายสู่เลือดทั่วร่างกาย ถ้าหากก๊าซนี้มีในระดับสูง อาจมีอาการชีพจรเต้นถี่ หายใจเข้าออกน้อยลง นอกจากนี้ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์มักระบายมาพร้อมกับฝุ่นพิษ เมื่อรวมกันทำให้เกิดอาการระคายคอแสบตา กระทั่งแน่นหน้าอก ผู้ที่เคยถูกควันดำของรถประจำทางหรือรถบรรทุกพ่นใส่ในระยะใกล้ติดต่อกันนาน ๆ อาจมีอาการทำนองนี้ได้ นอกจากนี้ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เมื่อฟุ้งกระจายไปในบรรยากาศ มักจะเปลี่ยนรูปเป็นซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ (SO3) รวมกับน้ำกลายเป็นกรดซัลฟูริค (H2SO4) ถูกฝนชะลงมากลายเป็นฝนกรด

ปัญหาของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์มักจะอยู่ตามเมืองใหญ่ ๆ ที่มีโรงงานอุตสาหกรรม และการจราจรคับคั่ง ในประเทศไทยเช่น ที่ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และในต่างจังหวัด ได้แก่ ที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง ในปี 2535 มลพิษทางอากาศจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ได้เป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศ เมื่อโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ระบายก๊าซดังกล่าวออกสู่บรรยกากาศในระดับสูง

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่แม่เมาะนี้ ใช้ถ่านหินลิกไนต์ซึ่งมี องค์ประกอบของสารกำมะถัน (ซัลเฟอร์) โดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 3 เป็นเชื้อเพลิง ส่งผลให้มีการระบายอากาศเสียที่มีการปนเปื้อนของก๊าซซัลเฟอร์ได-ออกไซด์ในระดับสูง โดยตรวจพบเฉลี่ย 1 ชั่วโมงสูงสุด 3,418 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงสุด 567 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่แม่เมาะเจ็บป่วยจำนวนมาก เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว อากาศในบริเวณพื้นที่แม่เมาะ มีความคงตัวสูง และมีการเคลื่อนตัวจากบริเวณโรงไฟฟ้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างช้า ๆ ก๊าซที่ระบายจากปล่องโรงไฟฟ้าไม่สามารถลอยตัวขึ้นสูงได้ตามปกติ และเคลื่อนตามกระแสลมไปทางทิศตะวันออกของโรงไฟฟ้า และไปตกในบริเวณบ้านสบป้าด บ้านสบเติ้น และบ้านแม่จาง สภาวะอากาศดังกล่าวส่งผล เหตุการณ์ดังกล่าวได้ทำให้ประชาชน กว่า 1,000 คน เจ็บป่วย พืชและสัตว์เลี้ยงได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก น้ำฝนที่ตรวจพบมีสภาพเป็นกรด คือ มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ประมาณ 4 (< 7 เป็นกรด) ซึ่งแพทย์และนักวิชาการสิ่งแวดล้อมสรุปว่า เป็นผลกระทบจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และออกไซด์ของไนโตรเจนจากโรงไฟฟ้า ทำให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ราษฎรในพื้นที่กว่า 9 ล้านบาท

ภายหลังจากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการติดตั้งระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Flue Gas Desulphurization ; FGD) โดยมีคณะกรรมการระดับชาติกำกับการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัญหาได้บรรเทาลงจนสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ดีในปี 2541 กลับเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง โดยพบก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในบรรยากาศ เฉลี่ย 1 ชั่วโมง สูงกว่าค่ามาตราฐาน (1,300 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรงเท่ากับปี 2535 แต่กลับได้รับปฏิกิริยาตอบจากชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งครั้งนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎรกว่า 30 ล้านบาท แม้กระนั้นค่าความเสียหายดังกล่าวไม่สามารถทดแทนความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ สำหรับสาเหตุสำคัญของปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดจากความผิดพลาดในการปฏิบัติงานที่ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรการที่กำหนด และขาดการเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุฉุกเฉินที่อาจก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศได้ทุกเมื่อ

 

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะมลพิษและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณโรงไฟฟ้าพลังความร้อน และเหมืองถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในปี 2535 ทันที เพื่อลดปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เกิดขึ้น โดยการลดกำลังการผลิตในช่วงเวลา 01.00-16.00 น. ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศเพื่อเฝ้าระวังจำนวน 16 สถานี พร้อมกับได้ศึกษาคาดการณ์คุณภาพอากาศโดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ศึกษาด้านการเลือกใช้เทคโนโลยีควบคุมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และด้านสุขภาพอนามัย นอกจากนี้ยังกำหนดเป็นมาตรการระยะสั้นและระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างถาวร ดังนี้

มาตรการระยะสั้น

  1. มาตรการเฉพาะกิจในฤดูหนาว เพื่อควบคุมปริมาณการระบายก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จากปล่อง ได้แก่ การลดกำลังการผลิตเหลือ 800-1,000 เมกะวัตต์หรือต่ำกว่า สำรองถ่านหินกำมะถันต่ำ (ไม่เกิน 2% ในปี 2535-2540 และ 1% ในปี 2541 เป็นต้นมา) ไว้ใช้ในฤดูหนาว และให้โรงไฟฟ้าปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรในฤดูหนาว เป็นต้น
  2. จัดเตรียมระบบเตือนภัยล่วงหน้า และ กำหนดค่ามาตรฐานเบื้องต้นของก๊าซซัลเฟอร์ได-ออกไซด์ในบรรยากาศ เฉลี่ย 1 ชั่วโมง ไม่เกิน 1,300 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นระดับที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนทั่วไป

มาตรการระยะยาว

ดำเนินการติดตั้งระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Flue Gas Desulphurization ; FGD) ในทุกหน่วยการผลิตสามารถลดปริมาณการระบายก๊าซซัลเฟอร์-ไดออกไซด์ได้มากกว่าร้อยละ 90 แต่ได้ยกเว้นการติดตั้งในหน่วย 1-3 ซึ่งมีขนาดเล็ก และปัจจุบันได้หยุดเดินเครื่องเป็นหน่วยสำรองแล้ว

อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2541 ทำให้มีการปรับมาตรการควบคุมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ให้เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยการกำหนดการควบคุมปริมาณการระบายก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จากปล่องในรูปมวลรวมของมลพิษ (Loading) ไม่เกิน 15 ตัน/ชั่วโมง และให้เข้มงวดมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยไม่ให้ระบายก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิน 7 ตัน/ชั่วโมงในช่วงเช้า และ 15 ตัน/ชั่วโมงในช่วงบ่าย นอกจากมาตรการต่างๆ ข้างต้น

การดำเนินการแก้ไขปัญหาก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่แม่เมาะ ปัจจุบันได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากผลการตรวจวัดปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในบรรยากาศ ที่ลดลงในระดับต่ำกว่า 780 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ดังนั้นกรมควบคุมมลพิษจึงดำเนินการปรับค่ามาตรฐานก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในบรรยากาศ ในพื้นที่แม่เมาะลงจาก 1,300 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เป็น 780 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

พร้อมกับกำหนดปริมาณการระบายก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในรูปมวลรวมของมลพิษ (Loading) ไม่เกิน 11 ตัน/ชั่วโมง โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะต้องรักษามาตรฐานในการปฏิบัติงาน การบำรุงรักษาและตรวจสอบการทำงานของการผลิตและการควบคุมปริมาณการระบายมลพิษอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาระดับมาตรฐานของคุณภาพอากาศไว้ให้ไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชนบริเวณนั้นสืบไป

องค์ประกอบบรรยากาศ
ชั้นบรรยากาศ
มลพิษทางอากาศ (Air Pollutions)
ฝุ่นละออง เขม่า ควัน
สารตะกั่ว (Pb)
ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO)
ก๊าซซัลเฟอร์ไดออก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)
ไฮโดรคาร์บอน (HC)
สารกรดในบรรยากาศ (ฝนกรด หรือ acid rain)

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย