วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>

นิราศเมืองสุพรรณของสุนทรภู่

นิราศเมืองสุพรรณของสุนทรภู่และเสมียนมี
บันทึกการเดินทางและการอ่านเพื่อเข้าถึงเรื่องเล่าท้องถิ่น

วารุณี โอสถารมย์

กลุ่มชาติพันธุ์

ที่จริงแล้วประชากรในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางภาษา วัฒนธรรมและที่มาของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเขมร ลาว ญวน มอญและมลายู รวมถึงชาวจีน กวีทั้งสองในฐานะชาวกรุง จึงมีประสบการณ์คุ้นเคยกับลักษณะความหลากหลายนี้อยู่แล้ว การเดินทางและบันทึกในนิราศจึงมองเห็นและบันทึกความหลากหลายของชาติพันธุ์ในชุมชนท้องถิ่นหลายแห่งไว้ แต่การรับรู้ของกวีที่มีต่อชาวบ้านต่างชาติพันธุ์ ได้จัดลำดับความสำคัญรวมถึงทัศนคติที่มีต่อพวกเขา ภายใต้ข้อกำหนดอันเป็นโลกทัศน์ซึ่งเป็นมาตรฐานวัฒนธรรมทางสังคม ที่วางคุณค่าฐานะวัฒนธรรมราชสำนักและกระฎุมพีในกรุงให้อยู่เหนือกว่าชาติพันธุ์อื่น แม้จะมีการยอมรับกลุ่มประชากรต่างชาติพันธุ์ในฐานะพสกนิกรผู้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารก็ตาม ข้อมูลบันทึกลักษณะทางชาติพันธุ์ จึงสะท้อนความรู้สึกที่เป็นทัศนคติที่เปรียบเทียบกับมาตรฐานทางวัฒนธรรมของตนเอง

บันทึกชุมชนชาติพันธุ์ในนิราศ ทำให้เรามองเห็นว่าเมืองสุพรรณ ประกอบขึ้นด้วยหมู่บ้านที่มีผู้คนทั้งไทย ลาว มอญ จีน อยู่ในหรือใกล้เมือง และมีชาวกะเหรี่ยงและละว้าอยู่บนที่สูงและป่าลึกตอนในบางหมู่บ้านก็มีชาติพันธุ์เดียว หลายแห่งมีความหลากหลายทั้งไทย มอญ และจีน ซึ่งอยู่ร่วมกันในชุมชนใหญ่ ที่มีการผลิตเพื่อขาย แต่ไม่มีชุมชนชาวจีนเฉพาะในเมืองนี้ ชาวจีนจะแทรกตัวอยู่ร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ส่วนใหญ่มีอาชีพเพาะปลูกและจับปลา ยกเว้นชาวจีนจำนวนหนึ่งที่หันมาค้าขายและทำกิจการอุตสาหกรรมอย่างโรงขนมจีนและโรงเหล็ก (สุนทรภู่ 2509 : 34-35, 52)

มีข้อสังเกตว่ากวีทั้งสองมีทัศนคติเชิงวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มชาติพันธุ์ 2 กลุ่มคือ จีนและลาว นิธิเคยให้ข้อสรุปถึงโลกทัศน์การมองคนจีนของกระฎุมพีต้นรัตนโกสินทร์รวมถึงกวีทั้งสอง ว่าเป็นไปด้วยความงุนงง สับสนและอิจฉาระคนดูถูก จากการอพยพเข้ามาของคนจีน ที่สามารถสร้างฐานะรายได้จนมั่งมีอย่างรวดเร็วภายใต้อภิสิทธิจากระบบราชการในการประกอบการหลายประเภท และเป็นผู้ที่ใช้เงินซื้อทุกอย่างรวมถึงผู้หญิง คนจีนยังเดินทางเข้าไปพำนักในหัวเมืองต่างๆ รวมถึงสุพรรณ พร้อมกับดำเนินเศรษฐกิจแบบเงินตรา และมุ่งแสวงทรัพย์ตั้งแต่ทำการเกษตรเพื่อขาย ด้วยการปลูกพืชไร่และสวนผัก รวมถึงธุรกิจอุตสาหกรรม เสมียนมีแสดงความรู้สึกหมั่นไส้แถมดูถูกการแสดงออกของชาวจีน เป็นต้นว่าวิธีการเกี้ยวสาวของจีนลูกจ้างแจวเรือของตัวเอง หรือในขณะที่บรรยายถึงจีนเจ้าของโรงงานขนมจีนที่บ้านขนมจีน ด้วยความรู้สึกกึ่งอิจฉา ที่เห็นเขานั่งนับเงินระหว่างที่เมียสาวกำลังหวีผมเพื่อทำหางเปียให้ (หมื่นพรหมสมพัตสร (มี) 2544: 27 และสุนทรภู่ 2509 : 45)

 

ขณะที่ความรู้สึกที่มีต่อชาวลาว เป็นการดูถูกเรื่องการเปลือยกายไม่นุ่งผ้า ไม่ว่าเวลาอาบน้ำหรือจับปลาของลาวที่ “บ้านย่านยาว” บ้าน “ศีรษะเวียง” และ “บ้านโพหลวง” มากกว่าจะเป็นเรื่องสำเนียงภาษาหรือการไว้ผม สุนทรภู่กลับแสดงความรู้สึกเป็นมิตรกับชาวกะเหรี่ยงและละว้าที่เขาจัดเป็นกลุ่มคนชาวป่าเขามากกว่า เหตุผลสำคัญ คือ ในนิราศ คนทั้งสองกลุ่มเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ป่าเขาสูงที่สุนทรภู่ตระหนักถึงอันตรายต่อชีวิต บันทึกสุนทรภู่ทำให้เขาเห็นว่า ชาวบ้านเหล่านี้เป็นชาวป่าที่นอกจากมีน้ำใจแล้ว ยังมีท่าทีซื่อสัตย์และพร้อมที่จะให้ความจงรักภักดี ทั้งที่ของแลกเปลี่ยนที่สุนทรภู่มอบให้นั้น เป็นเพียงลูกปัดที่ไม่มีราคาค่างวดในเชิงเศรษฐกิจเลย แต่ชาวเขาทั้งสองกลุ่มก็เต็มใจช่วยเหลือการเดินทาง และยังให้การต้อนรับ เลี้ยงอาหารด้วยความเต็มใจ แม้ว่าในความเป็นจริง คนเดินทางชาวกรุงไม่คุ้นเคยและรังเกียจอาหารพื้นเมืองของพวกเขา อย่างแย้แช่เกลือและค่างปิ้งก็ตาม บันทึกทางชาติพันธุ์ที่เป็นการบรรยายสรีระและการแต่งกาย จึงถูกเลือกใส่อารมณ์ความรู้สึกที่เอ็นดูแกมล้อเลียน เช่น การเขียนถึงลักษณะขาสั้นทู่ เจาะหู ใส่ห่วง และพูดสำเนียงกะหน็องกะแหน็ง โดยไม่มีความรู้สึกดูถูกว่าต่ำกว่าหรือน่ารังเกียจอย่างเดียวกับที่แสดงต่อคนลาว (สุนทรภู่ 2509 : 43, 51 62, 65, 95-99 และหมื่นพรหมสมพัตสร (มี) 2544 : 44 -45)

มาตรฐานที่เป็นรสนิยมทางวัฒนธรรมแบบกระฎุมพีนี้ ยังถูกนำมาใช้วัดเปรียบเทียบความงามของผู้หญิงในยุคนั้นที่ยังอยู่ในแบบประเพณีหลายเมีย ตลอดการเดินทางของกวีทั้งสอง นอกจากการพูดถึงหญิงคนรักตามแบบแผนคำประพันธ์นิราศแล้ว ฉากที่ปรากฏบ่อยครั้ง คือ การชมผู้หญิงชาวบ้าน ภายใต้มาตรฐานความงามแบบหญิงชาววัง คือ ใช้ขมิ้น จับเขม่าและกันไร เหมือนที่สุนทรภู่ชมสาวสุพรรณว่า เป็นผู้หญิงสวยเพราะกัน “ไรจุก” ทุกบ้าน แม้ว่าจะอยู่ใน “ป่าต้นคนสุพรรณ” (สุนทรภู่ 2509 : 82-83) ในขณะที่มาตรฐานด้านคุณสมบัติ อันเป็นบทบาทผู้หญิงในทัศนะของสุนทรภู่ ที่นิธิเสนอไว้นั้นกลับเป็นภาพของผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน หากแต่เป็นกำลังทางเศรษฐกิจ เขาจึงชื่นชมกับผู้หญิงที่ค้าขาย ขยัน ซึ่งก็เป็นรสนิยมเดียวกับเสมียนมี (นิธิ เอียวศรีวงศ์ 2527 : 280, 283) เสมียนมีพูดถึงผู้หญิงบางระมาดว่าขยัน ทำให้เพื่อนเขาหลายคนมีเมียและตั้งรกรากที่นั่น (หมื่นพรหมสมพัตสร (มี) 2544 : 15) แม้กวีทั้งสองต่างอยู่ในแบบแผนทางสังคมแบบหลายเมีย โดยต้องการให้เมียทุกคนผ่อนผันเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย (หมื่นพรหมพัตสร (มี) 2544 : 33) แต่พวกเขาในฐานะผู้ชายก็ไม่ได้รังเกียจพฤติกรรมการเริ่มเกี้ยวหรือจีบผู้ชายก่อน เพียงแต่มองเห็นเป็นภาพขบขันสนุกสนาน หากจีบไม่สำเร็จ (สุนทรภู่ 2509 : 54 และหมื่นพรหมสมพัตสร (มี) 2544 : 56-57) รวมถึงการไม่รังเกียจผู้หญิงหม้ายที่จะแต่งงานใหม่ (หมื่นพรหมสมพัตสร (มี) 2544 : 38-39)

นิราศสุพรรณ บันทึกความยากลำบากของการเดินทาง
โครงเรื่องนิราศสุพรรณ
กรุง
เส้นทางสู่เมืองสุพรรณ
เมืองสุพรรณ
ป่า
เรื่องเล่าท้องถิ่น
การผลิตและภาวะความเป็นอยู่
ด่านและศาลอารักษ์
ตำนานท้องถิ่นสุพรรณ
วัฒนธรรมชาวกรุงพบวัฒนธรรมชาวบ้าน
กลุ่มชาติพันธุ์
ไหว้พระและศรัทธาพุทธ
ไม้ ปลา นก แร่ : ธรรมชาติวิทยาในนิราศสุพรรณ
คำอธิบายเพิ่มเติม
บรรณานุกรม

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย