ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>

โลกทัศน์อภิปรัชญาของเพลโต

นิทานเปรียบเทียบ

โดยทั่วไป คนเราเชื่อว่าการรับรู้ที่เกิดจากประสาทสัมผัสหรือจิตเป็นบ่อเกิดของความรู้ ภาพที่เราเห็น เสียงที่เราได้ยิน เป็นของจริงแท้โดยไม่ต้องสงสัย คำสอนของ เพลโต้จึงอาจสวนทางกับความเชื่อของคนทั่วไปในสมัยกรีกโบราณ เพื่ออธิบายทฤษฎีความรู้ของเพลโต้ให้แจ่มชัด เพลโต้จึงผูกนิทานเรื่อง "ถ้า" (The Cave) ขึ้น นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า

คนหลายคนถูกกักขังอยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่งมาตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขาถูกบังคับให้นั่งหันหน้าเข้าหาผนังถ้ำด้านในสุด ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับปากถ้ำ คนเหล่านั้นนั่งหันหลังให้กับปากถ้าตลอดเวลา พวกเขาต้องนั่งเป็นรูปปั้นเพราะถูกล่ามโซ่ที่ขาและใส่ขื่อคาที่คอ จึงไม่สามารถแม้จะเหลียวมองเพื่อนนักโทษที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขานั่งประจันหน้าผนังถ้ำเหมือนผู้ชมหันหน้าเข้าหาจอภาพยนตร์ บริเวณด้านหลังนักโทษเหล่านั้น มียกพื้นลาดสูงขึ้นไปจนถึงปากถ้ำที่มีแสงสว่างจากโลกภายนอกสาดเข้ามารำไร ใกล้กับปากถ้ำมีกองไฟลุกโชนอยู่ แสงไฟแผ่ออกไปจับที่ผนังถ้าด้านหน้านักโทษ และในบริเวณระหว่างด้านหลังนักโทษกับกองไฟ มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินไปมาขวักไขว่ ในมือคนเหล่านั้นมีภาชนะรูปปั้นและหุ่นจำลองของสัตว์ต่าง ๆ เงาของคนที่เดินและสิ่งของในมือที่ไปทาบอยู่ที่ผนังถ้ำด้านหน้านักโทษทั้งหลาย พวกนักโทษเห็นเพียงเงาที่ผนังถ้ำ แต่ไม่อาจเหลียวมองดูที่มาของเงา เนื่องจากนักโทษเห็นเงาเหล่านั้นมาตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขาจึงไม่ได้คิดว่าภาพที่เห็นเป็นแค่เงา พวกเขาถือว่าสิ่งที่เห็นเป็นจริงในตัวเอง และเมื่อคนที่เดินอยู่ด้านหลังพูดคุยกัน นักโทษก็คิดว่าเป็นเสียงที่เปล่งออกมาจากภาพที่ผนังถ้ำ



ถ้านักโทษคนหนึ่งถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ เขาสามารถหันกลับไปด้านหลัง และมองเห็นกลุ่มคนอันเป็นที่มาของเงาบนผนังถ้ำ เขาประหลาดใจมากที่พบว่า คนเหล่านั้นกับเงาที่ผนังถ้ำเคลื่อนไหวไปมาพร้อมกัน เขาจะสรุปตามความเคยชินว่า สิ่งที่เขาค้นพบใหม่เป็นภาพลวงตา สิ่งที่ปรากฏอยู่บนผนังถ้ำต่างหากที่เป็นของจริง ต่อเมื่อคนอื่นมาอธิบายชี้แจงจึงเข้าใจว่า ตัวเองได้หลงผิดอยู่นานที่เคยเชื่อว่าเงาบนผนังถ้าคือของจริง เขาเดินออกจากถ้ำไปสู่โลกภายนอก ได้เห็นคน สัตว์ สิ่งของ และพระอาทิตย์ เขาได้รู้จักโลกดีกว่าแต่ก่อน แล้วหวนนึกถึงเพื่อนนักโทษผู้ยังติดอยู่ในถ้ำ เขาจึงกลับเข้าถ้ำไปหาคนเหล่านั้น แล้วพยายามชี้แจงแก่พวกชาวถ้ำว่าภาพที่พวกเขากำลังเห็นอยู่บนผนังถ้ำเป็นเพียงเงา จึงไม่ใช่ของจริงอย่างที่เขาเชื่อกันในสังคมชาวถ้ำ แต่เพื่อนนักโทษจะไม่ฟังคำพูดของเขา แล้วเพื่อนนักโทษกลับชี้ไปยังผนังถ้ำและบอกว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นบนผนังถ้ำทั้งหมดเป็นความจริง ทั้งยังคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว ท้ายที่สุดนักโทษเหล่านั้นก็ฆ่าเขา

นิทานของเพลโต้เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนส่วนมากก็เหมือนชาวถ้ำที่หลงนิยมชมชื่นอยู่กับ "เงา" วัสดุสิ่งของที่เราพบเห็นอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นเพียงสิ่งจำลองมาจากของจริงต้นฉบับ สิ่งที่เป็นแม่แบบหรือต้นฉบับนั้นได้แก่ "แบบ" (Forms) หรือ "มโนภาพ" (Ideas) จากนิทานที่เล่ามา เงามีความเป็นจริงน้อยกว่าของจริงเบื้องหลังนักโทษฉันใด สิ่งเฉพาะที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันมีความเป็นจริงน้อยกว่าแบบหรือมโนภาพฉันนั้น ทั้งนี้เพราะสิ่งเฉพาะเป็นสิ่งจำลองของมโนภาพ การรับรู้ที่เกิดจากประสาทสัมผัสหรือจิต ซึ่งเป็นกระบวนการรับรู้โดยตรงที่ไม่ผ่านกระบวนการคิด (สัญชาน) นั้น ให้เพียงแต่ความรู้เกี่ยวกับ สิ่งเฉพาะแต่ไม่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับมโนภาพแก่เรา

อภิปรัชญาของเพลโต้
นิทานเปรียบเทียบ

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย