ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>

แนวคิดทฤษฎีหลังสมัยใหม่
Postmodern theory

Foucault and the Critique of Modernity
ฟูโกและการวิจารณ์เกี่ยวกับความเป็นสมัยใหม่

"มันมีความจำเป็นไหมที่จะลากเส้นขึ้นมาเส้นหนึ่งระหว่าง คนเหล่านั้นที่เชื่อว่า เราสามารถที่จะวางความไม่ต่อเนื่องต่างๆ(discontinuities)ในปัจจุบันของเราต่อไปในขนบจารีตประวัติศาสตร์ และขนบจารีตที่เหนือธรรมดาของคริสตศตวรรษที่สิบเก้า กับ คนเหล่านั้นที่กำลังสร้างความพยายามที่ยิ่งใหญ่อันหนึ่งเพื่อปลดปล่อยตัวของพวกเขาเองให้เป็นอิสระ, และในท้ายสุด จากกรอบโครงสร้างแนวคิดอันนี้ มันจำเป็นไหม ?"(Foucault 1977: p.120)

"อะไรที่กำลังเป็นไปในช่วงนี้ ? อะไรที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกเรา ? อะไรคือโลกนี้, ยุคนี้, ช่วงขณะที่แท้จริงตอนนี้ซึ่งเรากำลังมีชีวิตอยู่ ?"(Foucault 1982a p.216)

"ความประทับใจเกี่ยวกับความสำเร็จและเกี่ยวกับขั้นตอนสุดท้าย ความรู้สึกที่ถูกห่อหุ้มไว้ ซึ่งนำพาและขับเคลื่อนความคิดของเรา และบางทีกล่อมให้เราหลับไหลด้วยพลังความสามารถของคำมั่นสัญญาของมัน... และทำให้เราเชื่อว่าบางสิ่งบางอย่างใหม่ๆจวนเจียนจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว บางสิ่งที่เราเหลือบแลเห็นซึ่งเป็นเพียงเส้นบางๆของแสงสว่างที่ปลายขอบฟ้า - ความรู้สึกและความประทับใจอันนั้น บางที จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยความไม่ยากเย็นเกินไปนัก" (Foucault 1973b: p.384)

การวิจารณ์ของฟูโกเกี่ยวกับความเป็นสมัยใหม่และลัทธิมนุษยนิยม พร้อมกับคำประกาศของเขาเกี่ยวกับความตายของมนุษย์และการพัฒนามุมมองหรือทัศนียภาพใหม่ๆในทางสังคม, ความรู้, วาทกรรม, และอำนาจ ได้ทำให้เขากลายเป็นทรัพยากรหลักของความคิดโพสท์โมเดิร์นคนหนึ่ง

ฟูโกแสดงการต่อต้านต่อขนบจารีตของยุคสว่าง(anti-Enlightenment) โดยปฏิเสธเรื่องของเหตุผล, การปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระ, และความก้าวหน้า, โดยถกถึงการเผชิญหน้ากันระหว่างรูปแบบสมัยใหม่ต่างๆของอำนาจและความรู้ ที่ได้มารับใช้ ตกแต่ง และสรรค์สร้างรูปแบบใหม่ๆของการครอบงำขึ้นมา.

ในชุดของการศึกษาที่เรียกว่า historico-philosophical studies (การศึกษาทางด้านปรัชญาประวัติศาสตร์) เขาได้พยายามที่จะพัฒนาและพิสูจน์ถึงแนวเรื่องอันนี้จากหลายหลากมุมมอง: ทั้งจากจิตเวชศาสตร์, การแพทย์, การลงโทษ, และอาชญวิทยา, การปรากฎตัวขึ้นมาของสาขาวิชาวิทยาศาสตร์มนุษย์ต่างๆ(human sciences), การก่อตัวขึ้นมาของเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่รักษาระเบียบวินัย(disciplinary)อย่างหลากหลาย, และการสร้างตัวขึ้นมาของอัตบุคคล(subject).

โครงการของฟูโกต้องการที่จะเขียนงานวิจารณ์เกี่ยวกับยุคประวัติศาสตร์ของเรา(1984: p.42) ซึ่งพิจารณาในฐานะที่เป็นปัญหารูปแบบสมัยใหม่ของความรู้, ความมีเหตุมีผล, สถาบันต่างๆทางสังคม, และความเป็นอัตบุคคล ที่ดูเหมือนจะได้มาและเป็นธรรมชาติ. แต่ในข้อเท็จจริง สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งสร้างทางสังคมประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้คาดหมายมาก่อนของอำนาจและการครอบงำ(contingent sociohistorical constructs of power and domination)

ในขณะที่ฟูโกมีอิทธิพลต่อทฤษฎีโพสท์โมเดิร์นอย่างเข้มแข็ง แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะย่อยซึมเรื่องราวทั้งหมดสู่กฎเกณฑ์นั้นได้ เขาเป็นนักคิดที่สลับซับซ้อนและกว้างขวางทางด้านข้อมูล ซึ่งได้ดึงความรู้จากทรัพยากรหลายๆแหล่งมาใช้และยากต่อการทำความเข้าใจ ขณะเดียวกัน ตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะทำให้มันมาอยู่บนระนาบของเส้นแนวเดียวกันได้

ถ้าหากว่านั่นเป็นภาพที่พิเศษในงานของเขา, คนเหล่านั้นที่เขาอ้างถึง อย่างเช่น Nietzsche และ Bataille ก็เป็นนักวิจารณ์เกี่ยวกับเหตุผลและความคิดตะวันตกเช่นกัน. Nietzsche ได้ตระเตรียมให้ Foucault และเกือบจะเหมือนๆกันกับบรรดานักคิดหลังโครงสร้างนิยมฝรั่งเศสทั้งหลาย(French poststructuralists) ด้วยการผลักดันและให้ไอเดียต่างๆของคนเหล่านี้ หลุดพ้นไปจากปรัชญา Hegelian และ Marxist.

 

นอกจากนี้ยังได้น้อมนำไปสู่แบบหรือวิธีคิดของ postmetaphysical(หลังอภิปรัชญา) และ poshumanist(หลังมนุษยนิยม), Nietzsche สอน Foucault ว่า เราสามารถที่จะเขียนประวัติศาสตร์วงศ์วานวิทยา(genealogical' history) เกี่ยวกับหัวข้อต่างๆที่ไม่ได้เป็นไปตามขนบประเพณีได้ อย่างเช่น เรื่องของ"เหตุผล", "ความบ้า" และ"อัตบุคคล" ซึ่งค้นหาสมุฏฐานการปรากฏตัวขึ้นมาของสิงเหล่านี้ได้ภายในที่ต่างๆที่มีการครอบงำ

Nietzsche แสดงให้เห็นว่า เจตจำนงต่อความจริงและความรู้เป็นสิ่งที่ไม่อาจตัดความสัมพันธ์เชื่อมโยงจากเจตจำนงต่ออำนาจได้(the will to truth and knowledge is indissociable from the will to power), และฟูโกได้พัฒนาข้ออ้างเหล่านี้ในงานวิจารณ์ของเขาต่อลัทธิมนุษยนิยมแบบ liberal humanism, วิทยาศาสตร์มนุษย์(human sciences), และในงานชิ้นหลังของเขาทางด้านจริยศาสตร์. ขณะเดียวกัน Foucault ไม่เคยเขียนงานของตนในลักษณะคติพจน์ในสไตล์เดียวกันกับ Nietzsche เลย เขายอมรับคำอ้างต่างๆของ Nietzsche ว่าระเบียบวิธีที่ทำให้เป็นระบบได้ทำให้งานวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์และสังคมลดทอนลงไป และความรู้นั้นมีลักษณะเป็นมุมมองหรือทัศนียภาพในธรรมชาติแบบภาพกว้าง ซึ่งต้องการแง่คิดหรือข้อสังเกตที่หลายหลากเพื่อตีความ"ความจริงที่ไม่ลงรอยเป็นเนื้อเดียวกัน"(heterogeneous reality)เหล่านี้

Foucault ยังได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจาก Bataille ด้วย ซึ่งได้โจมตีเหตุผลของยุคสว่าง(Enlightenment reason)อย่างรุนแรง และหลักการเกี่ยวกับความจริงของวัฒนธรรมตะวันตก. Bataille (1985, 1988, 1989)ให้การสนับสนุนขอบเขตปริมณฑลของความแตกต่างไม่เป็นเนื้อเดียวกัน(heterogeneity), พลังอำนาจที่ปะทุขึ้นและความปลื้มปิติอย่างเหลือล้นของความร้อนรนทางศาสนา, ความเป็นเรื่องของทางโลก(secularity), และประสบการณ์มึนเมา(intoxicated experience)ที่ล้มล้างและละเมิดต่อเครื่องมือของเหตุผล และความเป็นปกติวิสัยของวัฒนธรรมชนชั้นกลาง

การต่อต้านทัศนะของนักเหตุผลนิยมทางด้านเศรษฐกิจการเมืองและปรัชญา, Bataille แสวงหาสิ่งที่อยู่เหนือขึ้นไปจากการผลิตและความต้องการที่ถือเรื่องประโยชน์เป็นสำคัญ, ขณะเดียวกันก็ให้การยกย่องเศรษฐกิจทั่วไปอันหนึ่งเกี่ยวกับการบริโภค, ความสิ้นเปลือง-เปล่าประโยชน์, และการใช้จ่ายในฐานะที่เป็นนักปลดปล่อย(liberator). ลักษณะอันเร่าร้อนของ Bataille ผูกติดอยู่กับปรัชญาอัตบุคคลที่มีอำนาจปกครองตนเอง และการอ้าแขนของเขาไปโอบรัดประสบการณ์ต่างๆที่มีลักษณะฝ่าฝืนหรือละเมิด อันเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อ Foucault และบรรดานักทฤษฎีโพสท์โมเดิร์นคนอื่นๆ

โดยตลอดงานเขียนต่างๆของเขา, Foucault ได้ให้เหตุผลหรือแสดงให้เห็นคุณค่าในคนต่างๆ อย่างเช่น Holderlin, Artaud, และคนอื่นๆสำหรับการล้มล้างการครอบงำหรือความเป็นผู้นำของเหตุผลสมัยใหม่และบรรทัดฐานตางๆของมัน บ่อยครั้ง เขายังร่วมรู้สึกและเอาใจใส่ในเรื่องของความบ้า, อาชญากรรม, สุนทรียภาพ, และลักษณะชายขอบทุกๆชนิด

การทำความรู้จักกับปัญหาต่างๆกับป้ายฉลากที่ติดมากับผลงานของ Foucault, เราปรารถนาที่จะสำรวจถึงขอบเขตที่เขาได้พัฒนาฐานะสภาพที่แท้จริงของโพสท์โมเดิร์น. พวกเราจะไม่อ่านงานของ Foucault ในฐานะโพสท์โมเดิร์นนิสท์ที่ง่ายๆสั้นๆ, แต่อ่านงานของเขาในฐานะที่เป็นนักทฤษฎีคนหนึ่ง ผู้ซึ่งได้รวบรวมเอามุมมองและทัศนียภาพของ premodern, modern, และ postmodern มาไว้ด้วยกัน.

เรามองว่า Foucault เป็นนักคิดที่ขัดแย้งคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ความคิดของเขาได้ถูกฉีกทึ้งระหว่างความตรงข้ามกัน อย่างเช่น แรงกระตุ้นในลักษณะ totalizing / detotalizing และความตึงเครียดระหว่าง การทำให้เป็นทฤษฎีขึ้นมาของ discursive / extra-discursive, macro / microperspective, และ หลักวิภาษวิธีของ domination / resistance

Foucault and the Critique of Modernity
ฟูโกและการวิจารณ์เกี่ยวกับความเป็นสมัยใหม่

Deleuze and Guattari: Schizos, Nomads, Rhizomes

Baudrillard en route to Postmodernity
Baudrillard ในเส้นทางสู่ความเป็นหลังสมัยใหม่

Lyotard and Postmodern Gaming
Lyotard และการเล่นเกมโพสท์โมเดิร์น

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย