ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ทฤษฎีวิวัฒนการโลกตามหลักพุทธศาสนา
เกิดเพศหญิงและเพศชาย
ครั้นต่อมา สตรีก็มีเพศหญิงปรากฏ และบุรุษก็มีเพศชายปรากฏ นัยว่า
สตรีก็เพ่งดูบุรุษอยู่เสมอ บุรุษก็เพ่งดูสตรีอยู่เสมอ เมื่อคนทั้งสองเพศ
ต่างเพ่งดูกันอยู่เสมอ ก็เกิดความกำหนัดขึ้น เกิดความเร่าร้อนขึ้นในกาย
เพราะความเร่าร้อนเป็นปัจจัย เขาทั้งสองจึงเสพเมถุนธรรมกัน ฯ
ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ
ก็โดยสมัยนั้นสัตว์พวกใดเห็นพวกอื่นเสพเมถุนธรรมกันอยู่ ย่อมโปรยฝุ่นใส่บ้าง
โปรยเถ้าใส่บ้าง โยนมูลโคใส่บ้าง พร้อมกับพูดว่า คนชาติชั่ว จงฉิบหาย คนชาติชั่ว
จงฉิบหาย ดังนี้ แล้วพูดต่อไปว่า ทำไมขึ้นชื่อว่าสัตว์ จึงทำแก่สัตว์เช่นนี้เล่า
ข้อที่ว่ามานั้น จึงได้เป็นธรรมเนียมมาจนถึงทุกวันนี้ ในชนบทบางแห่ง คนทั้งหลาย
โปรยฝุ่นใส่บ้าง โปรยเถ้าใส่บ้าง โยนมูลโคใส่บ้าง
ในเมื่อเขาจะนำสัตว์ที่ประพฤติชั่วร้ายไปสู่ตะแลงแกง
พวกพราหมณ์มาระลึกถึงอักขระที่รู้กันว่าเป็นของดี อันเป็นของโบราณนั้นเท่านั้น
แต่พวกเขาไม่รู้ชัดถึงเนื้อความแห่งอักขระนั้นเลย ฯ
สมัยนั้นการโปรยฝุ่นใส่กันนั้นแล สมมติกันว่าไม่เป็นธรรม มาในบัดนี้
สมมติกันว่าเป็นธรรมขึ้น ก็สมัยนั้น การเสพเมถุนกัน
สัตว์พวกนั้นเข้าบ้านหรือนิคมไม่ได้ สิ้นสองเดือนบ้าง สามเดือนบ้าง
ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ เมื่อใดแล
สัตว์ทั้งหลายพากันเสพอสัทธรรมนั่นอยู่เสมอ เมื่อนั้น จึงพยายามสร้างเรือนกันขึ้น
เพื่อเป็นที่กำบังอสัทธรรมนั้น ครั้งนั้น สัตว์ผู้หนึ่ง เกิดความเกียจคร้านขึ้น
จึงได้มีความเห็นอย่างนี้ว่า ดูกรท่านผู้เจริญ เราช่างลำบากเสียนี่กระไร
ที่ต้องไปเก็บข้าวสาลีมา ทั้งในเวลาเย็นสำหรับอาหารเย็น
ทั้งในเวลาเช้าสำหรับอาหารเช้า อย่ากระนั้นเลย
เราควรไปเก็บเอาข้าวสาลีมาไว้เพื่อบริโภคทั้งเย็นทั้งเช้าเสียคราวเดียวเถิด
แต่นั้นมา
สัตว์ผู้นั้นก็ไปเก็บเอาข้าวสาลีมาไว้เพื่อบริโภคทั้งเย็นทั้งเช้าเสียคราวเดียวกัน
ฉะนี้แล ครั้งนั้น สัตว์ผู้หนึ่งเข้าไปหาสัตว์ผู้นั้นแล้วชวนว่า ดูกรสัตว์ผู้เจริญ
มาเถิด เราจักไปเก็บข้าวสาลีกัน สัตว์ผู้นั้นตอบว่า ดูกรสัตว์ผู้เจริญ
ฉันไปเก็บเอาข้าวสาลี ไว้เพื่อบริโภคพอทั้งเย็นทั้งเช้าเสียคราวเดียวแล้ว
ต่อมา สัตว์ผู้นั้นถือตามแบบอย่างของสัตว์ผู้นั้น
จึงไปเก็บเอาข้าวสาลีมาไว้คราวเดียวเพื่อสองวัน แล้วพูดว่าได้ยินว่า
แม้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันท่านผู้เจริญ ต่อมาสัตว์อีกผู้หนึ่ง เข้าไปหาสัตว์ผู้นั้น
แล้วชวนว่า ดูกรสัตว์ผู้เจริญ มาเถิด เราจักไปเก็บข้าวสาลีกัน สัตว์ผู้นั้นตอบว่า
ดูกรสัตว์ผู้เจริญ
ฉันไปเก็บเอาข้าวสาลีมาไว้เพื่อบริโภคพอทั้งเย็นทั้งเช้าเสียคราวเดียวแล้ว
ฯครั้งนั้นแล สัตว์ผู้นั้นถือตามแบบอย่างของสัตว์นั้น
จึงไปเก็บเอาข้าวสาลีมาไว้คราวเดียว เพื่อสี่วัน ครั้งนั้นแล สัตว์ผู้นั้น
ถือตามแบบอย่างของสัตว์นั้น จึงไปเก็บข้าวสาลีมาไว้คราวเดียว เพื่อแปดวัน
แล้วพูดว่า แม้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันท่านผู้แล้วพูดว่า แม้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน
ท่านผู้เจริญ
เมื่อใด
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นพยายามเก็บข้าวสาลีสะสมไว้เพื่อบริโภคกันขึ้น เมื่อนั้นแล
ข้าวสาลีนั้นจึงกลายเป็นข้าวมีรำห่อเมล็ดบ้าง มีแกลบหุ้มเมล็ดบ้าง
ต้นที่ถูกเกี่ยวแล้วก็ไม่กลับงอกแทน ปรากฏว่าขาดเป็นตอนๆ (ตั้งแต่นั้นมา)
จึงได้มีข้าวสาลีเป็นกลุ่มๆ ฯ
ในครั้งนั้น สัตว์เหล่านั้นพากันมาจับกลุ่มต่างก็มาปรับทุกข์กันว่า
ดูกรท่านผู้เจริญ เดี๋ยวนี้
เกิดมีธรรมทั้งหลายอันเลวทรามปรากฏขึ้นในสัตว์ทั้งหลายแล้ว ด้วยว่า
เมื่อก่อนพวกเราได้เป็นผู้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเอง
สัญจรไปได้ในอากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในวิมานนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน
บางครั้งบางคราวโดยระยะยืดยาวช้านาน เกิดง้วนดินลอยขึ้นบนน้ำ ทั่วไปแก่เราทุกคน
ง้วนดินนั้นถึงพร้อมด้วยสี กลิ่น รส พวกเราทุกคนพยายามปั้นง้วนดินกระทำให้เป็นคำๆ
ด้วยมือทั้งสองเพื่อจะบริโภค เมื่อพวกเราทุกคน พยายามปั้นง้วนดินกระทำให้เป็นคำๆ
ด้วยมือทั้งสองเพื่อจะบริโภคอยู่ รัศมีกายก็หายไป เมื่อรัศมีกายหายไปแล้ว
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ก็ปรากฏขึ้น เมื่อดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้น แล้ว
ดาวนักษัตรทั้งหลายก็ปรากฏขึ้น
เมื่อดวงดาวนักษัตรทั้งหลายปรากฏขึ้นแล้วกลางคืนและกลางวันก็ปรากฏขึ้น
เมื่อกลางคืนและกลางวันปรากฎขึ้นแล้ว เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ปรากฏขึ้น
เมื่อเดือนหนึ่งและกึ่งเดือนปรากฏขึ้นแล้ว ฤดูและปีก็ปรากฏ
พวกเราทุกคนบริโภคง้วนดินอยู่ รับประทานง้วนดิน
มีง้วนดินเป็นอาหารดำรงชีพอยู่ได้สิ้นกาลช้านาน
เพราะมีธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศลชั่วช้าปรากฏขึ้นแก่พวกเรา ง้วนดินจึงหายไป
เมื่อง้วนดินหายไปแล้ว จึงมีกระบิดินปรากฏขึ้น กระบิดินนั้นถึงพร้อมด้วยสี กลิ่น รส
พวกเราทุกคนบริโภคระบิดิน เมื่อพวกเราทุกคนบริโภคระบิดินนั้นอยู่ รับประทานระบิดิน
มีระบิดินเป็นอาหาร ดำรงอยู่ได้สิ้นกาลช้านาน
เพราะมีธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศลชั่วช้าปรากฏขึ้นแก่พวกเรา กระบิดินจึงหายไป
เมื่อระบิดินหายไปแล้ว จึงมีเครือดินปรากฏขึ้น เครือดินนั้นถึงพร้อมด้วยสี
กลิ่น รส พวกเราทุกคนพยายามบริโภคเครือดิน เมื่อพวกเราทุกคนบริโภคเครือดินนั้นอยู่
รับประทานเครือดิน มีเครือดินเป็นอาหาร ดำรงอยู่ได้สิ้นกาลช้านาน
เพราะมีธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศลชั่วช้าปรากฏขึ้นแก่พวกเรา เครือดินจึงหายไป
เมื่อเครือดินหายไปแล้ว จึงมีข้าวสาลีปรากฏขึ้นเองในที่ไม่ต้องไถ
เป็นข้าวที่ไม่มีรำ ไม่มีแกลบ ขาวสะอาด กลิ่นหอม มีเมล็ดเป็นข้าวสาร
ตอนเย็นพวกเราทุกคนไปนำเอาข้าวสาลีชนิดใดมาเพื่อบริโภคในเวลาเย็น
ตอนเช้าข้าวสาลีชนิดนั้นที่มีเมล็ดสุกก็งอกขึ้นแทนที่
ตอนเช้าพวกเราทุกคนไปนำเอาข้าวสาลีชนิดใดมาเพื่อบริโภคในเวลาเช้า ตอนเย็น
ข้าวสาลีชนิดนั้นที่มีเมล็ดสุกก็งอกขึ้นแทนที่ ไม่ปรากฏว่าบกพร่องไปเลย
เมื่อพวกเราทุกคนบริโภคข้าวสาลี ซึ่งเกิดขึ้นเองในที่ไม่ต้องไถอยู่
รับประทานข้าวสาลีนั้น มีข้าวสาลีนั้นเป็นอาหาร ดำรงอยู่ได้สิ้นกาลช้านาน
เพราะมีธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศลชั่วช้าปรากฏขึ้นแก่พวกเรา
ข้าวสาลีนั้นจึงกลายเป็นข้าวมีรำหุ้มเมล็ดบ้าง มีแกลบห่อเมล็ดไว้บ้าง
แม้ต้นที่เกี่ยวแล้วก็ไม่งอกขึ้นแทนที่ ปรากฏว่าขาดเป็นตอนๆ จึงได้มีข้าวสาลี
เป็นกลุ่มๆ อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมาแบ่งข้าวสาลีและปักปันเขตแดนกัน
เกิดความโลภขึ้นจึงขโมยข้าวสารีและเกิดการเบียดเบียนกัน
ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้งนั้นแล สัตว์ผู้หนึ่งเป็นคนโลภ
สงวนส่วนของตนไว้ ไปเก็บเอาส่วนอื่นที่เขาไม่ได้ให้มาบริโภค
สัตว์ทั้งหลายจึงช่วยกันจับสัตว์ผู้นั้น ครั้นแล้ว ได้ตักเตือนอย่างนี้ว่า
แน่ะสัตว์ผู้เจริญ ก็ท่านกระทำกรรมชั่วช้านัก ที่สงวนส่วนของตนไว้
ไปเก็บเอาส่วนอื่นที่เขาไม่ได้ให้มาบริโภค
ท่านอย่าได้กระทำกรรมชั่วช้าเห็นปานนี้อีกเลย สัตว์ผู้นั้นแล
รับคำของสัตว์เหล่านั้นแล้ว แม้ครั้งที่ 2 ... แม้ครั้งที่ 3
สัตว์นั้นสงวนส่วนของตนไว้ ไปเก็บเอาส่วนอื่นที่เขาไม่ได้ให้มาบริโภค
สัตว์เหล่านั้นจึงช่วยกันจับสัตว์ผู้นั้น
ครั้นแล้ว ได้ตักเตือนว่าไม่ให้ทำกรรมอันชั่วช้านั้น ที่สงวนส่วนของตนไว้
ไปเอาส่วนที่เขาไม่ได้ให้มาบริโภค ท่านอย่าได้กระทำกรรมอันชั่วช้าเห็นปานนี้อีกเลย
สัตว์พวกหนึ่งประหารด้วยฝ่ามือ พวกหนึ่งประหารด้วยก้อนดินบ้าง
พวกหนึ่งประหารด้วยท่อนไม้
ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ก็นัยเพราะมีเหตุเช่นนั้นเป็นต้นมา
การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้จึงปรากฏ การติเตียนจึงปรากฏ การกล่าวเท็จ
จึงปรากฏ การถือท่อนไม้จึงปรากฏ
ครั้งนั้นแล พวกสัตว์ที่เป็นผู้ใหญ่จึงประชุมกัน ต่างก็ปรับทุกข์ว่า
พ่อเอ๋ย การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้จักปรากฏ การติเตียนจักปรากฏ
การพูดเท็จจักปรากฏ การถือท่อนไม้ ( การเบียดเบียนกัน ) จักปรากฏ
ในเพราะบาปธรรมเหล่าใด บาปธรรมเหล่านั้นเกิดปรากฏแล้วในสัตว์
เปรียบเทียบระหว่างศาสนา
คริสต์ศาสนาสอนอย่างไร
การถูกพระเจ้าลงโทษ
สาระสำคัญของอัคคัญญสูตร
วิวัฒนาการคืออะไร
อัคคัญญสูตร
กำเนิดมนุษย์
เหตุแห่งการดูหมิ่น
ข้าวสารีเกิดขึ้น
เกิดเพศหญิงและเพศชาย
เกิดผู้นำในการปกครอง
เบื้องหน้าแห่งความตาย
กำเนิดโลกและความเสื่อม
อายุของโลก
สรุปเนื้อหาในอัคคัญญสูตร
การไปอุบัติในนรกและสวรรค์
ทฤษฎีวิวัฒนาการ
จักรวัตติสูตร
สาเหตุแห่งความเสื่อมของโลก
เหตุแห่งความเจริญของโลก
ความเจริญของอายุมนุษย์
ภิกษุควรมีธรรมเป็นที่พึ่งอย่างไร
ความเสื่อมของอายุสัตว์
สาระสำคัญ