ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
เมื่อนาคอยากเป็นมนุษย์จึงรักษาอุโบสถศีล
เมื่อพระมหาสัตว์เจ้าเสวยนาคราชสมบัติอยู่ในนาคพิภพนั้น
ในเวลาต่อมาก็เกิดวิปฏิสาร คิดว่าประโยชน์อะไรด้วยกำเนิดดิรัจฉานนี้แก่เรา
เราจักอยู่รักษาอุโบสถกรรม พ้นจากอัตภาพนี้ไปสู่ดินแดนมนุษย์ จักได้แทงตลอดสัจธรรม
กระทำที่สุดแห่งทุกข์ดังนี้ นับจำเดิมแต่นั้น
ก็ทรงรักษาอุโบสถกรรมอยู่ในปราสาทนั้นทีเดียว
พวกนางมาณวิกาตกแต่งกายงดงามพากันไปยังสำนักของพระมหาสัตว์นั้น
ศีลของพระมหาสัตว์ก็วิบัติทำลายอยู่เนือง ๆ
จำเดิมแต่นั้นพระมหาสัตว์เจ้าจึงออกจากปราสาท ไปสู่พระอุทยาน
นางนาคมาณวิกาเหล่านั้นก็ติดตามไปแม้ในพระอุทยาน
อุโบสถศีลของพระมหาสัตว์ก็แตกทำลายอยู่ร่ำไป ลำดับนั้น
พระมหาสัตว์เจ้าทรงจินตนาการว่าควรที่เราจะออกจากนาคพิภพนี้ไปยังมนุษยโลกอยู่รักษาอุโบสถ
นับแต่นั้นมาเมื่อถึงวันอุโบสถ พระองค์ก็ออกจากนาคพิภพไปยังมนุษยโลก
ทรงประกาศสละร่างกาย ในทานว่า
ใครจะมีความต้องการอวัยวะของเรามีหนังเป็นต้นจงถือเอาเถิด
ใครต้องการจะทำให้เราเล่นกีฬางูก็จงกระทำเถิด
แล้วคู้ขดขนดกายนอนรักษาอุโบสถอยู่ที่ยอดจอมปลวกใกล้มรรคาแถบปัจจันตชนบทแห่งหนึ่ง
ชนทั้งหลายเดินผ่านไปมา
ในหนทางใหญ่เห็นพระโพธิสัตว์เจ้าแล้วพากันบูชาด้วยเครื่องสักการะมีของหอมเป็นต้นแล้วหลีกไป
ชาวปัจจันตชนบทไปพบแล้วคิดว่าคงจักเป็นนาคราชผู้มีมหิทธานุภาพ
จึงจัดทำมณฑปขึ้นเบื้องบน ช่วยกันเกลี่ยทรายรอบบริเวณ
แล้วบูชาด้วยสักการะมีของหอมเป็นต้นจำเดิมแต่นั้นมา
มนุษย์ทั้งหลายก็เลื่อมใสในพระมหาสัตว์เจ้า ทำการบูชาปรารถนาบุตรบ้าง
ปรารถนาธิดาบ้าง แม้พระมหาสัตว์เจ้าทรงรักษาอุโบสถกรรมถึงวันจาตุททสีและปัณณรสี
ดิถี 14 ค่ำ 15 ค่ำ ก็มานอนอยู่เหนือจอมปลวก ต่อในวันปาฏิบทแรมค่ำหนึ่ง
จึงกลับไปสู่นาคพิภพ
เมื่อพระมหาสัตว์เจ้ารักษาอุโบสถอยู่อย่างนี้เวลาล่วงไปเนิ่นนาน
อยู่มาวันหนึ่งนางสุมนาอัครมเหสีทูลถามพระมหาสัตว์ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
พระองค์เสด็จไปยังมนุษยโลกเข้าอยู่รักษาอุโบสถศีลนั้น ความจริง มนุษยโลกน่ารังเกียจ
มีภัยรอบด้าน หากว่าภัยจะพึงบังเกิดแก่พระองค์
เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกหม่อมฉันจะพึงรู้ได้ด้วยนิมิตอย่างไร
ขอพระองค์จงตรัสบอกนิมิตอย่างนั้นแก่พวกหม่อมฉันด้วยเถิด
พระมหาสัตว์จึงนำนางสุมนาเทวีไปยังขอบสระมงคลโบกขรณีแล้วตรัสว่า
ดูก่อนพระนางผู้เจริญ ถ้าหากใคร ๆ จักประหารทำให้เราลำบากไซร้
น้ำในสระโบกขรณีนี้จักขุ่นมัว ถ้าพญาครุฑจับเอาไปน้ำจักเดือดพลุ่งขึ้นมา
ถ้าหมองูจับเอาไปน้ำจักมีสีแดงเหมือนโลหิต พระโพธิสัตว์ตรัสบอกนิมิต 3 ประการ
แก่นางสุมนาเทวีอย่างนี้แล้ว ทรงอธิษฐานจาตุททสีอุโบสถเสด็จออกจากนาคพิภพไปมนุษยโลก
นอนเหนือจอมปลวก ยังจอมปลวกให้งดงามด้วยรัศมีแห่งสรีรกาย
แม้สรีรกายของพระมหาสัตว์นั้นก็ปรากฏขาวสะอาดผุดผาดดังพวงเงิน
ท่อนพระเศียรเบื้องบนคล้ายคลุมไว้ด้วยผ้ากัมพลแดง
อนึ่งในชาดกนี้สรีรกายของพระโพธิสัตว์มีขนาดเท่าศีรษะคันไถ ในภูริทัตตชาดก
มีขนาดเท่าลำขา ในสังขปาลชาดก มีขนาดเท่าเรือโกลนลำหนึ่ง
ในกาลครั้งนั้น
มีมาณพชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งไปเมืองตักกศิลาเรียนอาลัมภายนมนต์
ในสำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์
เดินทางกลับบ้านของตนโดยผ่านมรรคานั้นเห็นพระมหาสัตว์เจ้าแล้วคิดว่า
เราจักจับงูนี้บังคับให้เล่นกีฬาในคามนิคมราชธานีทั้งหลายยังทรัพย์ให้เกิดขึ้น
จึงหยิบทิพโอสถ ร่ายทิพมนต์ ไปยังสำนักของพระมหาสัตว์เจ้า
จำเดิมแต่พระมหาสัตว์เจ้าสดับทิพมนต์แล้วเกิดอาการเหมือนซี่เหล็กร้อนยอนเข้าไปในพระกรรณทั้งสอง
เบื้องพระเศียรปวดร้าวราวกะถูกเหล็กสว่านไช
พระมหาสัตว์เจ้าทรงรำพึงว่านี่อย่างไรกันหนอจึงยกพระเศียรขึ้นจากวงภายในขนดแลไป
ได้เห็นหมองูแล้วดำริว่าพิษของเรามากมาย ถ้าเราโกรธแล้วพ่นลมจมูกออกไป
สรีระของหมองูนี้จักย่อยแหลกไปเหมือนกองเถ้า
แต่เมื่อทำเช่นนั้นศีลของเราก็จักด่างพร้อย เราจักไม่แลดูหมองูนั้น
ท้าวเธอจึงหลับพระเนตรทั้งสอง ทอดพระเศียรไว้ภายในขนด
พราหมณ์หมองูเคี้ยวโอสถแล้วร่ายมนต์พ่นน้ำลาย
ลงที่สรีรกายของพระมหาสัตว์ด้วยอานุภาพแห่งโอสถและมนต์
เรือนร่างของพระมหาสัตว์ในที่ซึ่งถูกน้ำลายรดแล้ว ๆ ปรากฏเป็นเสมือนพองบวมขึ้น
ครั้งนั้นพราหมณ์หมองู จึงฉุดหางพระมหาสัตว์ลากลงมาให้นอนเหยียดยาว
บีบตัวด้วยไม้กีบแพะทำให้ทุพพลภาพ จับศีรษะให้มั่นแล้วบีบเค้น
พระมหาสัตว์จึงอ้าปากออก ทีนั้นพราหมณ์หมองูจึงพ่นน้ำลายเข้าไปในปากของพระมหาสัตว์
แล้วจัดการพ่นโอสถและมนต์ ทำลายพระทนต์จนหลุดถอน ปากของมหาสัตว์เต็มไปด้วยโลหิต
พระมหาสัตว์สู้อดกลั้นทุกขเวทนาเห็นปานนี้ เพราะกลัวศีลของตัวจะแตกทำลาย
ทรงหลับพระเนตรนิ่งมิได้ทำการเหลียวมองดู
พราหมณ์หมองูคิดว่าเราจักทํานาคราชให้ทุพพลภาพ
จึงขึ้นเหยียบย่ำร่างกายของพระมหาสัตว์ตั้งแต่หางขึ้นไปคล้ายกับจะทำให้กระดูกแหลกละเอียดไป
แล้วม้วนพับอย่างผืนผ้า ขยี้กระดูกให้ขยายเช่นอย่างกลายเส้นด้ายให้กระจาย
จับหางทบทุบเช่นอย่างทุบผ้า สกลสรีรกายของพระมหาสัตว์แปดเปื้อนไปด้วยโลหิต
พระมหาสัตว์นั้นสู้อดกลั้นมหาทุกขเวทนาไว้
ครั้นพราหมณ์หมองูรู้ว่าพระมหาสัตว์อ่อนกำลังลงแล้วจึงเอาเถาวัลย์มาถักทำเป็นกระโปรง
ใส่พระมหาสัตว์ลงไปในกระโปรงนั้นแล้วนำไปสู่ปัจจันตคามให้เล่นท่ามกลางมหาชน
พราหมณ์หมองูปรารถนาจะให้แสดงท่วงทีอย่างใด ๆ ในประเภทสีมีสีเขียวเป็นต้น
และสัณฐานทรวดทรงกลมหรือสี่เหลี่ยมเป็นต้น หรือขนาดเล็กใหญ่เป็นต้น
พระมหาสัตว์เจ้าก็กระทำท่วงทีนั้น ๆ ทุกอย่าง ฟ้อนรำทำพังพานได้ตั้งร้อยอย่าง
พันอย่าง มหาชนดูแล้วชอบใจ ให้ทรัพย์แก่พราหมณ์เป็นอันมาก
เพียงวันเดียวเท่านั้นได้ทรัพย์ตั้งพัน และเครื่องบริขารราคานับเป็นพัน
แต่ชั้นแรกพราหมณ์หมองูคิดไว้ว่า เราได้ทรัพย์สักพันหนึ่งแล้วก็จักปล่อยไป
แต่ครั้นได้ทรัพย์จำนวนเท่านั้นแล้วคิดเสียว่า
ในปัจจันตคามแห่งเดียวเรายังได้ทรัพย์ถึงขนาดนี้ ในสำนักพระราชาและมหาอำมาตย์
คงจักได้ทรัพย์มากมาย จึงซื้อเกวียนเล่มหนึ่งกับยานสำหรับนั่งสบายเล่มหนึ่ง
บรรทุกของลงในเกวียนแล้วนั่งบนยานน้อยพร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก
บังคับพระมหาสัตว์ให้เล่นในบ้านและนิคมเป็นต้นโดยลำดับไป
แล้วคิดว่าเราจักให้นาคราชเล่นถวายในสำนักของพระเจ้าอุคคเสนแล้วก็จักปล่อยดังนี้
แล้วก็เดินทางต่อไป พราหมณ์หมองูฆ่ากบนำมาให้นาคราชกินเป็นอาหาร
นาคราชรำพึงว่าพราหมณ์หมองูนี้ฆ่ากบอยู่บ่อย ๆ เพราะอาศัยเราเป็นเหตุ
เราจักไม่บริโภคกบนั้น แล้วไม่ยอมบริโภค เมื่อพราหมณ์หมอดูรู้ดังนั้น
ได้ให้ข้าวตอกเคล้าน้ำผึ้งแก่พระมหาสัตว์
พระมหาสัตว์คิดว่าถ้าหากเราจักถือเอาอาหารนี้ไซร้
เราคงจักตายภายในกระโปรงเป็นมั่นคง จึงมิได้บริโภคอาหารแม้เหล่านั้น
พราหมณ์หมองูไปถึงพระนครพาราณสีแล้ว ให้พระมหาสัตว์เล่นให้คนดู
ที่ใกล้ประตูเมืองได้ทรัพย์สินอีกเป็นจำนวนมาก
แม้พระราชาก็ตรัสสั่งให้พราหมณ์หมองูเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่าเจ้าจงให้งูเล่นให้เราดูบ้าง
เขาทูลสนองพระราชโองการว่าได้พะย่ะค่ะ ข้าพระพุทธเจ้าจักให้เล่นถวายพระองค์
ในวันปัณณรสี พรุ่งนี้
พระราชาตรัสสั่งให้พนักงานเภรีตีกลองประกาศว่า
พรุ่งนี้นาคราชจักฟ้อนรำที่หน้าชานชาลาหลวง มหาชนจงมาประชุมกันดูเถิด
แล้วในวันรุ่งขึ้น ตรัสสั่งให้ประดับตกแต่งชานชาลาหลวง
และตรัสสั่งให้พราหมณ์หมองูมาเฝ้า พราหมณ์หมองู นำพระมหาสัตว์มาด้วยกระโปรงแก้ว
ตั้งกระโปรงไว้ที่พื้นลาดอันวิจิตรนั่งคอยอยู่
ฝ่ายพระราชาเสด็จลงจากปราสาทแวดล้อมด้วยหมู่มหาชนประทับนั่งเหนือพระราชอาสน์
พราหมณ์หมองูนำพระมหาสัตว์ออกมาแล้วให้ฟ้อนรำถวาย
มหาชนพากันดีใจไม่อาจดำรงตนอยู่ได้ตามปกติ พากันปรบมือ โบกธงโบกผ้า
แสดงความรื่นเริงนับด้วยหมื่นแสน
ฝนรัตนะเจ็ดประการก็ตกลงมาตรงเบื้องบนพระโพธิสัตว์
เมื่อพระมหาสัตว์ถูกจับมานั้นครบหนึ่งเดือนเต็มบริบูรณ์
ตลอดเวลาเหล่านี้พระมหาสัตว์สู้ทนมิได้บริโภคอาหารเลย
- พญานาคที่ปรากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถา
- พระพุทธเจ้าเคยกำเนิดเป็นพญานาค
- เมื่อนาคอยากเป็นมนุษย์จึงรักษาอุโบสถศีล
- นาคเทวีตามหาพระสวามี
- พญานาคเชิญพระเจ้ากาสิกราชชมเมือง
- พระราชาเสด็จนาคพิภพ
- มนุษยโลกประเสริฐกว่านาคพิภพ