สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
ทฤษฎีการดูแลของวัตสัน
(Watsons Caring Theory)
ปัจจัยการดูแล 10 ประการ
และกระบวนการปฏิบัติการด้วยความรักเพื่อการดูแล
ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น-พลังที่มีอยู่
เปิดรับพลังทางจิตวิญญาณ สิ่งลึกลับและยังไม่มีคำอธิบายอันเกี่ยวกับการมีชีวิต ความตาย :
ปัจจัยการดูแลและกระบวนการปฏิบัติการด้วยความรักเพื่อการดูแลข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและเข้าใจยากที่สุด ทั้งนี้เพราะศาสตร์สมัยใหม่ไม่สามารถให้คำตอบได้ถึงความสำคัญของชีวิตและการเสียชีวิต เพราะการมีชีวิตไม่ใช่เพียงการอยู่และแก้ไขปัญหาหากแต่การมีชีวิตยังเป็นความลึกลับซับซ้อนที่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ ด้วยความมีสติแห่งวามรัก พยาบาลต้องยอมรับในปาฎิหารย์ (Allow for a miracle) (Watson, 2008)
ผู้ป่วยมักจะมีความสับสน ว้าวุ่น วิตกกังวลต่อสภาพที่ต้องมีชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย ความเจ็บป่วยที่ประสบกับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน ทำให้ผู้ป่วยไขว่คว้าที่จะค้นหาความหมายของชีวิต ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลประคับประคองที่ดี ผู้ป่วยมักจะปกิเสธความเจ็บป่วย พลังจิตวิญญาณเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะช่วยให้บุคคลสามารถเข้าใจความหมายของชีวิตตามสถานภาพของการเป็นมนุษย์ที่ต้องมีเงื่อนไขและข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะข้อจำกัดที่ว่ามนุษย์ทุกคนต้องประสบกับความตาย
พยาบาลเป็นแหล่งที่มีคุณภาพและเป็นความแข็งแกร่งสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและให้การดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา พยาบาลจึงต้องค้นหาความหมายของชีวิตจากประสบการณ์ของตนในแต่ละวัน มีความเข้าใจในชีวิตและความเป็นไปของโลก มีพลังสติปัญญา พลังจิต และพลังกายที่ได้จากปรัชญา ความเชื่อ วัฒนธรรม การศึกษา และประสบการณ์ชีวิตของพยาบาล เพื่อถ่ายเทพลังนี้ให้กับผู้ป่วยและสนับสนุนช่วยเหลือผู้ป่วยในการเสริมสร้างพลังให้แก่ตนเอง เพื่อบำบัดเยียวยาตนเอง และพัฒนาแก่นที่อยู่ภายในตน (inner self) ให้แข็งแกร่ง สำหรับเผชิญกับภาวะของโรค ความทุกข์ทรมานและความตาย เพื่อรักษาความกลมกลืนทั้งภายในและภายนอกตนให้คงอยู่จวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต และได้จากไปอย่างสงบ
สิ่งที่พยาบาลควรปฏิบัติ ได้แก่ ช่วยผู้ป่วยให้ค้นพบคุณค่าของประสบการณ์ในอดีต ความศรัทธาในศาสนา ปรัชญาและสิ่งที่ดีงาม โน้มนำให้ผู้ป่วยค้นหาแก่นของชีวิต เข้าใจชีวิต และกำหนดเป้าหมายชีวิตในระยะเวลาที่มีอยู่จำกัด แนะนำและให้โอกาสผู้ป่วยแสดงออกซึ่งความเชื่อทางศาสนา แสดงความรักและมีสัมพันธภาพกับครอบครัวหรือผู้ที่เป็นแหล่งของความหวังและกำลังใจ นำ ผู้ป่วยให้ค้นพบแหล่งพลังจิตวิญญาณของตน ค้นพบสัจธรรมของชีวิต และนำเข้าสู่การใช้ระยะเวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างมีคุณค่า
นอกจากปัจจัยการดูแล 10 ประการ (Ten Carative factor) และกระบวนการปฏิบัติการด้วยความรักเพื่อการดูแล (Clinical caritas process) แล้วนั้น กระบวนการดูแลที่มีลักษณะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบอัตวิสัย (Subjective) ที่วัตสันเรียกว่ารูปแบบการดูแลที่เข้าถึงจิตใจระหว่างคนสองคน (Transpersonal caring model) นั้น มีลักษณะเป็นกระบวนการดูแลที่มีองค์ประกอบสามส่วนที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ กระบวนการดูแลมนุษย์ (Human care process) การดูแลมนุษย์บนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Human care transaction) และผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ (possible outcomes) ภายใต้กระบวนการที่เชื่อมโยงกันนี้ประกอบไปด้วยมโนทัศน์ต่างๆ ที่ปรากฏในทฤษฎีการดูแลของวัตสัน เช่น ปัจจัยการดูแล (Carative factor) ความรัก (Caritas) แนวคิดศีลธรรม (Moral idea) สถานการณ์การดูแลที่เกิดขึ้นขณะนั้น (Actual caring occasion) การดูแลที่เข้าถึงจิตใจกันระหว่างคนสองคน (Transpersonal caring) และการฟื้นหาย (Healing) (Sourial, 1996; Watson, 2008; Quin, 2009)
การดูแลที่เกิดขึ้นภายใต้ทฤษฎีการดูแลของวัตสันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นด้วยสัมพันธภาพของคนสองคน และเป็นกระบวนการการดูแลที่เข้าถึงจิตใจระหว่างคนสองคน (Transpersonal caring model) โดยกระบวนการดูแลเริ่มขึ้นด้วยการที่พยาบาลใช้ปัจจัยการดูแล และกระบวนการปฏิบัติการด้วยความรักเพื่อการดูแลเป็นกรอบแนวคิดเพื่อการปฏิบัติการพยาบาล ผนวกกับแนวคิดศีลธรรม (Moral idea) และความรัก ซึ่งจะทำให้พยาบาลเข้าถึงและเข้าใจผู้ป่วยอย่างท่องแท้ ภายใต้ความคิดเห็นที่ตรงกัน จนก่อให้เกิดขั้นตอนต่อไปของกระบวนการดูแลคือการดูแลมนุษย์บนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Human care transaction) ที่พยาบาลจะรับรู้ถึงและแลสัมผัสถึงพลังแห่งการดูแล อันเป็นความรู้สึกตระหนักถึงการดูแลว่าได้เกิดขึ้นและส่งให้เกิดความรักความเข้าใจผู้อื่น
ซึ่งวัตสันเรียกว่า caring occasion และนำไปสู่ การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างคนสองคนบนสนามปรากฏการณ์ (Phenomenal field) จนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้นหลอมรวมจนเกิดการเข้าถึงจิตใจระหว่างคนสองคน (Transpersonal) ทำให้คนทั้งสองคนค้นพบความหมายของสิ่งต่างๆ ที่เป็นสาระสำคัญของชีวิต ได้แก่ ความเจ็บป่วย ความทุกข์ทรมาน และความตาย ตามสภาพความเป็นจริงของชีวิต เพื่อให้เกิดยอมรับในตนเอง และยอมรับผู้อื่น จนทั้งพยาบาลและผู้ป่วยเกิดการเรียนรู้ร่วมกันต่างฝ่ายต่างอยู่เหนือความทุกข์ ปัญหาต่างๆ และเกิดสัมพันธภาพที่นำไปสู่การฟื้นหาย (Healing relationship) ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีพลังในการคงไว้ซึ่งภาวะสุขภาพ
- สร้างระบบค่านิยมการเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น และมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์
- สร้างความศรัทธาและความหวัง
- ปลูกฝังความไวต่อความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น
- สร้างสัมพันธภาพการช่วยเหลืออย่างไว้วางใจ
- ส่งเสริมและยอมรับความรู้สึกทางบวกและทางลบ
- ใช้วิธีการแก้ปัญหาและตัดสินใจอย่างเป็นระบบ เพื่อการตัดสินใจ
- ส่งเสริมการเรียนการสอนที่เข้าถึงจิตใจผู้อื่น
- ประคับประคอง สนับสนุน และแก้ไขสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ จิตสังคม และจิตวิญญาณ
- พึงพอใจที่จะช่วยเหลือเพื่อตอบสนองความต้องการของบุคคลอื่น
- ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น-พลังที่มีอยู่
ภูมิหลังของผู้พัฒนาทฤษฎี
ความเชื่อพื้นฐานของทฤษฎีการดูแลของวัตสัน
แกนหลักของทฤษฎีการดูแล
ปัจจัยการดูแล 10 ประการ
และกระบวนการปฏิบัติการด้วยความรักเพื่อการดูแล
มโนมติหลักของการพยาบาลในทฤษฎีการดูแลของวัตสัน
ประโยชน์และการนำไปใช้ทางการพยาบาล
การใช้ทฤษฎีการดูแลของวัตสันในการปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง
การใช้ทฤษฎีการดูแลของวัตสันเพื่อพัฒนาความรู้ทางการพยาบาลโดยการวิจัย
ความท้าทายของการใช้ทฤษฎีการดูแลของวัตสัน
เอกสารอ้างอิง