สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

สงครามมหาเอเซียบูรพา

จดหมายเหตุ

หน้า 2

14 พฤษภาคม 2487
เนื่องจากเราได้เว้นการถูกโจมตีมา 8 วัน ทำให้เกิดความประมาท จึงเมื่อประมาณ 11.00 น. พนักงานได้นำคนงานมา ขนของลงไปหลบภัยหลังที่พัก ฉันได้บอกว่าไม่เป็นไรกระมัง วันนี้ไม่ต้องก็ได้เพราะท้องฟ้ามีเมฆเป็นพยับฝน จึงต่างก็ได้นั่งทำงานกันไปจน 12.00 น. จึงหยุด พอเวลา 12.10 น. อาหารได้ยกวางพร้อมบนโต๊ะ ฉัน นายบูรนะ และนายเกีรยติ ก็ได้เข้านั่งกินข้าว พอเปิบกันได้คนละช้อน 2 ช้อน ก็ได้ยินเสียงฆ้องสันญาณหลบภัยแม่สายดังขึ้น ผู้คนต่างพากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ฉันชักไม่พอใจเพราะการวิ่งหลบภัยของคนงานมักเป็นเด็กเลี้ยงแกระ (แตกตื่น) ไม่จิงอยู่บ่อย ๆ จึงได้ถามว่า วิ่งทำไมกัน เขาบอกว่ามีสันญาณหลบภัย ขณะนั้นพอดีได้ยินแตรเหตุสำคัญของทหารเป่าอีก ฉันก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อว่าเครื่องบินจะมา แต่ได้หิ้วกระเป๋าหนังขนาด 2 ฟุตครึ่ง ซึ่งได้ใส่เงินและสิ่งของใบสำคัญที่รวบรวมไว้จากการใช้จ่ายเงินตอนเชียงตุง - ระยะ - ยอง ยังไม่ได้ลงทะเบียนเข้าปึก จึงได้วางไว้ที่หัวบันไดก่อนแล้ววิ่งลงมาดู เพราะได้ยินเสียงหึ่ง ๆ

พอลงกลางถนน ก็เห็นเครื่องบินข้าสึกเป็นหมู่ ๆ เลยแม่สายไปตามลำน้ำโขง ประมาณ 16 เครื่อง กำลังแปรขบวนทำวงเลี้ยวกลับจิกหัวหาแม่สายเป็นหมู่ละ 3 เครื่อง ขณะนั้นฉันใจหาย ครั้งจะกลับขึ้นบ้านรวบรวมของก็ไม่ทันแล้ว จึงได้วิ่งเข้าหลุมข้างเสาธง ซึ่งได้ขุดทำขึ้นใหม่ เวลานั้นในหลุมที่ฉันอยู่ มีฉัน นายเกียรติ นายสมคิด พลทหาร 1 คน และคนงานไม่ทราบชื่ออีก 3 คน

ฝูงบินข้าสึกได้จิกหัวมาหมู่ละ 3 เครื่อง พอปรากฎเสียงเครื่องบิน บนหลุมก็มีเสียงกำปนาทของลูกระเบิด และปืนกลดังอย่างหูดับตับไหม้ เสียงเปรี้ยง ๆ แล้วก็ตึง ๆ ๆ ตูม อาการสะท้อนสะเทือนของอำนาดลูกระเบิดทั้งเล็ก และใหญ่ทำให้คนภายใน ซึ่งก้มฟุบอยู่ตามก้นร่องหลุม ตัวสั่นสะเทือน และกระท้อนขึ้นลง ดินที่ถมไว้บนหลุมได้ไหลพังลงเรื่อย ๆ หมู่นุ่งแล้ว ก็หมู่ต่อไป จนหมด 5 ฝูง ขณะนั้นผู้อยู่ภายในหลุมทุกคน ต่างระลึกและสาธยายคุณพระรัตนไตรกันพึมพำ บางขณะได้ยินเสียงร้องแสดงความตกใจ บ้างก็วิ่งออกมาข้างนอก

เนื่องจากความตื่นเต้นอย่างสุดขีด ฉันได้ยึดและปลุกขวันไว้ โดยให้สติว่า เราทุกคนทำงานด้วยความบริสุทธิ์ เพื่อชาติ - ศาสนา - พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ผลแห่งการปฏิบัติหน้าที่นี้ คงปกป้องบันดาลให้เราแคล้วคลาดได้โดยแน่นอน หลบอยู่ประมาณ 10 นาที เมื่อเงียบเสียงระเบิด ฉันจึงค่อย ๆ โผล่หัวออกมาจากหลุม เพราะเข้าใจว่า เครื่องบินข้าสึกกลับหมดแล้ว

ขณะนั้นได้มีนายสมคิด นายเกียรติ และทหารตามออกมาด้วย การณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ พอมองไปรอบ ๆ ถึงทางด้านแม่โขง - แม่สาย ปรากฎว่าเครื่องบินข้าสึกได้แยกออกปฏิบัติการเดี่ยวเป็นเครื่อง ๆ บินทำวงทยอดกันมาอีก จึงได้สั่งให้รีบเข้าหลุมเดิม ขณะนั้นมีเรื่องหน้าขันเกิดขึ้น คือนายสมคิดซึ่งได้ออกมาดูข้างนอก ต้องการจะเข้าหลุม แต่นายเกียรติยังอยากมองดูอีก จึงเกิดขวางทางกันตรงปากช่องเข้าหลุม นายสมคิดได้เอะอะนายเกียรติเสียงลั่น แม้จะขันบ้างแต่ไม่ปรากฎอาการแม้แต่ยิ้ม เพราะยิ้มไม่ออก

ฉันได้บอกให้นายเกียรติรีบเข้าไป เพราะเครื่องบินข้าสึก ได้ชักโขลงเรียงหนึ่งลงมาแล้ว เกือบจะช้าไปบ้างเพราะพอฉันซึ่งเป็นคนเข้าสุดท้ายเข้าไปในหลุม ก็ปรากฎเสียงปืนจากเครื่องบินข้าสึกดังขึ้น พร้อมด้วยลูกระเบิดตกที่สะพานแม่สาย ต่อจากนั้น ทั้งหลุมแทบจะหมดสติสมปรึดี เพราะลูกระเบิดได้ตกไม่ขาดระยะ ดินและต้นหญ้าที่ถมไว้บนหลุมหนาประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งได้ถูกระเบิด กระจาย กระเด็นออกในตอนแรก ๆ จนมีสีแดงเหมือนขุดใหม่ เหลือบางอยู่แล้วนั้น เมื่อได้ถูกซ้ำเติมอย่างชนิดลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ก็ย่อมกระเด็นกระจายไป..... ตูม - ตูม - ตูม ดินข้างหลุมได้พังถล่มไหลท่วมสีข้างฉันขึ้นมา มิหนำดินข้างบนได้รั่ว ร่วงพรู ไหลกลบมาบนหัวบนหลังอีก ฉันตกใจและขยับตัวขึ้น และยิ่งตกใจอย่างสุดขีด ที่คนงานคนหนึ่งได้ร้องขึ้นว่า "หลุมพังทับตายแล้ว" และจะวิ่งออกมา ฉันได้ให้นายเกียรติจับตัวไว้ เพราะเวลานั้นไม่เห็นกันเลย ควันดินระเบิดได้อบเต็มหลุมไปหมด หายใจแทบไม่ออก เมื่อเหลือบตาขึ้นข้างบน ก็เห็นแสงสว่างทะลุเข้ามาตามรูที่ระเบิด ดินไหลลงมาทับตัว รู้สึกเหมือนกับจะเป็นลม แต่ปากก็คงตะโกนห้าม และให้สติอยู่เสมอ ในปากและจมูก เต็มไปด้วยทราย ขณะนั้นขากรรไกรฉันได้หยุดแข็งขึ้นมาทันที และรู้สึกตัวว่า กระท้อนขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดขนาดหนัก ซึ่งฉันทราบภายหลังว่า ได้ตกที่หัวหลุม เพื่อนร่วมตายของฉันที่หลุมบนห่างประมาณ 5 เมตร หูดับหมด ดินก็ไหลเรื่อยจนฉันรู้สึกว่าเราจะถึงที่อับจนเสียงแน่ กระมั่ง

ขณะนั้นเสียงเครื่องบินข้าสึกได้ดังห่างไป เสียงระเบิดและอาการกระเทือนยังมีอยู่ทุกคนพยายามสงบใจนิ่ง เวลานั้นทุกคนเหมือนตายหมด ฉันสติดีขึ้นได้เอื้อมมือไปจับนายสมคิด เรียกก็ไม่ตอบ จึงเขย่าจึงได้รับตอบ และถามว่าใครเป็นอย่างไรบ้างก็เงียบ จึงเรียกนายเกียรติ ดีใจมากที่นายเกียรติปลอกภัย

พอเงียบเสียงเครื่องบินข้าสึกในอากาศว่าไปหมดหรือยัง เพราะขณะนั้นหูยังดับ ไม่ค่อยได้ยิน ก็ได้ยินเสียงแหลมของนายเกียรติ ร้องตะโกนดังสุดขีดว่า "ลูกระเบิดใหญ่ อยู่ริมหลุมข้างหลัง" แล้วก็ออกวิ่งตื๋อไป ฉันเหลียวขวับไปทันที "โอ้โห!" ดำอึ้ดทึ้ดแอบอยู่ข้างหลุม มองเป็น "ผีท้องขึ้น" ทีเดียว ฉันตกใจ ในหลุมก็แทบหมดสติสมปรึดีอยู่แล้ว เมื่อมาถูกเช่นนี้ รู้สึกคล้ายพบมัจจุราช เพราะขณะนั้นแม้เครื่องบินข้าสึกจะหายไปแล้วก็ดี แต่เสียงระเบิดก็ยังดัง ตูม - ตูม - ตูม..... อยู่เป็นระยะ ๆ ทั่วไป เพราะบางลูกเป็นระเบิดช้า รู้สึกคล้ายกับจะหมดกำลังเรี่ยวแรง แต่เมื่อเห็นพวกเรา ต่างวิ่งกันไม่คิดชีวิต ฉันก็ไปกับเขาได้เหมือนกัน ทีแรกว่าจะวิ่งขึ้นไปบนเขาหลังที่พักตามพวกเราไป แต่กำลังกายใจไม่ให้ทำได้ เมื่อได้วิ่งลุยซากบ้านเรือนที่พังไปถึงข้างหลุมเพื่อนเราที่หลุมบน ได้รีบร้องตะโกนบอกให้ออกจากหลุม เพราะไม่แน่ว่า อ้าย "ผีท้องขึ้น" นั้นจะระเบิดขึ้นมาเมื่อใด เมื่อบอกแล้วเข้าก็วิ่งขึ้นเขากันไปแล้ว

ฉันจึงไม่สามารถตามเข้าไปได้ จึงวกไปอาศัยหลุมตำรวจหลังบ้าน เมื่อลงไปในหลุม ปรากฎว่าหลุมเต็มปรี่ ก็อาศัยซุกหัวกันสะเก็ดระเบิดเขาหน่อย และได้บอกว่าลูกระเบิดขนาดใหญ่ยังไม่ระเบิด อยู่ที่ข้างหลุมฉันอีกหนึ่งลูก ขณะนั้นเสียงระเบิดยังดังตูมตาม และเสียงหวือหวือของสะเก็ดระเบิดยังคงปลิวว่อนอยู่ และพลตำรวจนายหนึ่งก็แย้มขึ้นมาว่าได้ยินเสียงตูมใกล้ ๆ หลุมนี้ครั้งหนึ่ง เข้าใจว่าลูกระเบิดตกแต่ยังไม่แตกเช่นกัน เลยไม่มีใครยอมออกจากหลุม จนเวลาได้ล่วงไปประมาน 30 นาที

ฉันทนไม่ไหว ประกอบด้วยเสียงระเบิดได้ห่างลงมากแล้ว จึงออกจากหลุม ก่อนอื่นรีบเพ่งสายตามองอ้ายผีท้องขึ้นก่อน ภาพที่เห็นปรากฎขณะนั้นคล้าย ๆ กับว่า มันนอนยิ้มเพล้อยู่ เลยไม่รู้จักทำอย่างไร จะไปข้างไหนก็ไม่กล้า จนเวลาล่วงไปอีกประมาน 15 นาที ก็เริ่มมีคนเดินถนนและจะผ่านไปทางอ้ายผีท้องขึ้นนั้น ฉันจึงรีบตะโกนบอก พอพวกเขาแลเห็นก็ออกวิ่งอย่างสุดฤทธิ์จนเวลาล่วงไปอีกราว 10 นาที บังเอิญมีทหารเหล่าช่างแสงชั้นร้อยเอกหนึ่งนายผ่านมา ฉันได้รีบบอกไปอีกและ ท่านผู้เสียสละชีพเพื่อชาติได้เตรียมเครื่องมือมาพร้อมแล้วได้รีบวิ่งเข้าไปไขชนวนออก พอเสร็จก็บอกว่าปลอดภัย ฉันหายในโล่งอก แต่เมื่อมองไปเห็นมันนอนอยู่ก็ยังคงไม่สบายใจอยู่นั่นเอง

จนกระทั่งทหารได้นำรถยนต์มา และขอคนช่วยยกขึ้นรถยนต์ ฉันรีบสั่งการเร็วจี๋ เพื่อขอให้มันพ้นไปเสียที ใช้คน 6 คน ก็ไม่ไหว ต้องใช้ถึง 8 คน ก็ล่อก็อึกอัก ฉันอยากช่วยเต็มแก่ แต่ใจยังไม่ดีและยังละเหี่ยอยู่มาก พอรถเอาไปแล้วก็สบายใจหน่อย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า มันจะมีพวกอ้ายผีท้องขึ้นนี้ไปนอนอึ้ดทึ้ดอยู่ที่ไหนอีก และการณ์ก็จริงดังว่า เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวดค้นในวันต่อมา ปรากฎว่ามีอ้ายผีท้องขึ้นชนิดนี้ประมาน 3 - 4 ลูก นอนกลิ้งอยู่ แต่ลูกที่ข้างหลุมฉันท่านร้อยเอกผู้กล้าหาญได้บอกว่าขนาดหนัก ประมาน 500 ปอนด์ หรือ กิโลกรัมไม่แน่

เมื่อเสร็จพิธีเชิญอ้ายผีท้องขึ้นไปรถแล้ว ปรากฎว่าฉันไม่สามารถปฏิบัติการอย่างไร..... บอกไม่ถูก มองไปทางใดก็ราบเรียบพังทลาย เสียงไฟไหม้โรงเรือนและควันยังขึ้นโขมงอยู่ จึงได้พากันไปดูบันดาเอกสารใบสำคัญ และสิ่งของต่าง ๆ ปรากฎว่า แตกหัก หลุด พัง กระจัดกระจายละเอียดไม่มีชิ้นดี กระเป๋าหนังขนาด 2 ฟุตครึ่ง ได้แตกละเอียดปลิวหายไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มองหาโต๊ะอาหารปรากฎว่า แหลก เขาไปทาง พื้นกระจาย ถ้วย จาน ชามแตกละเอียด จานสังกระสีขาดเหลือครึ่งใบบ้าง ปลิวหายไปบ้าง ซ่อมช้อนไม่มีเลย ข้าวก็ไม่ได้กินและก็ไม่หิวด้วย กระเป๋าหนังขนาด 2 ฟุตครึ่ง ซึ่งบันจุใบสำคัญและสิ่งของมีราคา อันเคยหิ้วลงหลุมพร้อมกันทุกคนนั้นแหลกละเอียด เพราะหิ้วไปไม่ทัน ได้เอาวางไว้หัวบันไดจึงแหลกหมด มองดูมุ้ง ที่นอนกระจุยกระจาย ท่อนไม้ กระเบื้อง ก้อนดิน เต็มไปหมด มีควันไฟพลุ่งขึ้นที่ใต้ถุน จึงพากันดับแล้วได้ช่วยกันรวบรวมเท่าที่มีเหลืออยู่เข้าเป็นกลุ่ม กองยัดใส่กระสอบ และปรึกสากันว่าจะไปนอนที่ไหน จะไปตั้งที่ทำการที่ใด เสบียง 99% ขอให้ย้ายออกนอกเขตสหรัฐไทยเดิม ฉันพยายามชี้แจงว่า ควรย้ายเข้าในเขตสหรัฐไทยเดิมเพราะใกล้เขตงาน ได้โต้แย้งเหตุผลกันอยู่นาน ไม่ตกลง

ฉันจึงตกลงใจสั่งให้ย้ายไปตั้งที่ทำการที่วัดบ้านแก้ว ในเขตสหรัฐไทยเดิมลึกเข้าไปอีก 11 กิโลเมตร และได้ให้ขนย้ายสำนักงานแต่ในคืนนั้น
ส่วนฉันคงนอนเฝ้าอยู่ท่าขี้เหล็กเพราะไม่มีคน สำหรับ 14 พฤษภาคม 2487 เครื่องบินข้าสึกได้โจมตีเฉพาะสะพาน และฝั่งท่าขี้เหล็กเท่านั้น พอรุ่งขึ้น 14 พฤษภาคม 2487 เช้า ต่างคนก็เตรียมหีบห่อไปเข้าถ้ำ ขึ้นเขา หลบภัยกันหมด เพราะกลัวเครื่องบินข้าสึกจะมาโจมตีซ้ำเติม ฉันคงยังอยู่เพราะไม่มีใครอยู่

พอ 11.00 น. ล่วงไปแล้ว อกในให้ระทึกอยู่ตุ๊บ ๆ หูก็แว่วได้ยินอยู่แต่เสียงเครื่องบิน เสียงรถยนต์วิ่งมาก็ขยับวิ่งจะเข้าหลุม พอเวลา 12.00 น. ก็ยังเงียบ วันนี้ฉันอยู่กับนายเกียรติ นายจัน พนังงานขับรถยนต์ นายส่ง พนักงานสถิติ และนายพล พนักงานขับรถบด เมื่อยังไม่มีวี่แววประการใด จึงได้ให้ 3 คนนี้ไปหุงหาอาหารกลางวัน เขาไปจัดการกันได้ประมาน 20 นาที ฆ้องสันญาณภัยอากาศที่แม่สายก็ดังขึ้น พวก 3 คน ได้พากันวิ่งมาที่หลุมที่ฉันอยู่ (หลุมของตำรวจ) ทิ้งกระทะผัดหมูไว้บนเตา มาอยู่ที่นั้นประมาน 2 นาที ก็ไม่ได้ยินอะไรฉันจึงบอกให้ไปเอากระทะลงเสีย เขาได้พากันเดินไป พอถึงถนนได้พากันมองไปทางเมืองระยะ ขณะนั้นฉันนั่งอยู่ที่โรงตำรวจ พอเสียงตึ้กตั๊ก ฉันเหลียวไปดูเขา 3 คน ได้วิ่งน่าตื่นกลับมา ละล่ำละลักบอกว่า "มันมาแล้ว" หลายหมู่ (วันนั้นมา 9 เครื่อง) ฉันจึงได้ยินเสียงกระหึ่มใกล้เข้ามา จึงได้ค่อยมองดู มันมาคราวนี้ได้บินตามแนวทาง ไม่ได้มาตามน้ำโขงอย่างคราวก่อน พอใกล้จะถึงท่าขี้เหล็ก - แม่สาย ก็ดำจิกหัวลงมาทีเดียว

ฉันสารภาพว่า วันนี้กำลังใจฉันเสื่อมทรามยิ่ง ความเข้มแข็งแทบจะไม่มีเหลืออยู่ เมื่อได้ลงอยู่ในหลุม ก็ได้แต่ระลึกถึงคุณพระรัตนไตร คุณบิดามารดา ต่าง ๆ และคิดว่าเราจะตายเสียวันนี้กระมัง ชักใจเสียมาก เมื่อมันบินผ่านคงได้เห็นว่าโรงเรือน กองทางสนามพังฉิบหายหมอแล้ว จึงมิได้ทำอะไร พอเลยไปเข้าใจว่าคงเห็นสะพานแม่สายยังอยู่ดี มันก็เลี้ยวกลับ และอาการสะท้อนกระเทือนก็ได้เกิดขึ้นทันที เพราะมันเริ่มโปรยลูกระเบิดทำลายขนาดหนักลงมาตั้งแต่หัวตลาดแม่สายฝั่งใต้ ถึงแถบฝั่งตะวันออก เป็นระยะห่างกันลูกละประมาน 50 เมตร จนถึงสะพานแม่สาย ก็ได้หย่อนขนาดหนักลงประหัดประหารสะพานอย่างเหี้ยมโหดเป็นครั้งที่ 4 เดชคุณพระรัตนไตร และไทยเทวาธิราช คุ้มครองสะพานแม่สาย จึงได้แคล้วคลาดไปได้ในครั้งนี้ ส่วนตลาดแม่สายฝั่งตะวันออก ได้เริ่มเกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรง แม้กระนั้นเครื่องบินข้าสึกก็มิได้หยุดยั้ง เวียนทิ้งระเบิดและยิงกราดด้วยปืนกลไปมาอยู่ตลอดเวลา จนเห็นว่าพระเพลิงได้กระพือฮือโหมโชติช่วงเป็นที่พอใจแล้ว เขาก็เกาะฝูงชักโขลงกลับด้วยความเบิกบานใจ

เมื่อเงียบเสียงเราต่างพากันโผล่ออกจากหลุมมองไปรอบ ๆ ได้เห็นควัน แสงไฟลุกพุ่งอยู่ที่ตลาดแม่สาย จะไปช่วยก็ไม่ได้เพราะไม่มีคนเฝ้าดูแลสิ่งของ ที่เรี่ยราดกระจัดกระจายทั่วไป ได้แต่นึกภาวนาเอาใจช่วยให้ไฟระงับลงเสียโดยเร็วเถิด แล้วได้พากันไปที่โรงพัสดุเพราะบ่ายลงมากแล้ว แต่ไม่มีอาการหิวเลย มีแต่โหยละเหี่ยใจ ตื้นตันเมื่อไปถึงปราดว่ากระทะไหม้คาเตาอยู่ จึงช่วยกันจัดทำอีกพักหนึ่งก็ร่วมวงกินกัน ปรากฎว่า ทุกคนกินไม่ลง ต่างนั่งกรอกไปตามมีตามเกิดกันหิว พอเสร็จอาหารแล้ว ฉันได้ชวนนายเกียรติไปตรวจสภาพสะพานแม่สาย

เมื่อเดินเกือบถึงสะพานได้เกิดเสียงระเบิดตูมใหญ่ขึ้นข้างหลัง กิ่งอำเภอ ได้ความว่าเป็นลูกระเบิดเวลาของเครื่องบินข้าสึกทิ้งไว้ จึงปรึกสากันว่าจะควรไปหรือไม่ ได้มีทหาร พลเรือน เดินกลับหลายคน แต่เราคงพากันเดินต่อไปจนถึงสะพาน เมื่อตรวจพิจารนาแล้วเห็นว่าสภาพเช่นวันก่อน จึงเดินเลยไปที่ตลาดไฟไหม้ เมื่อไปถึงไฟเริ่มโซมเพราะหมดไปหนึ่งแถบแล้ว เหลือหัวบ้านอีกเล็กน้อย ได้ไปเยี่ยมหน่วยโทรสัพท์ พบตายหนึ่งบาดเจ็บสาหัสหนึ่ง เจ็บเล็กน้อย 2 แล้วได้กลับขึ้นท่าขี้เหล็ก

พอตกบ่ายรถยนต์ซึ่งได้ไปหลบภัยก็วิ่งกลับมา ก็ได้ข่าวว่า ในเที่ยวกลับเครื่องบินข้าสึกได้ร่อนกราดตามทาง และหมู่บ้านข้างทางตลอดไป ฉันจึงขึ้นรถไปบ้านแก้ว ได้รับรายงานของนายบูรนะ และพนักงานทุกคนว่า อยู่ไม่ได้แล้ว และหน่วยกองทางสนามเป็นจุดหมายทำลาย เพราะมีเครื่องมือเครื่องใช้มาก ควรหลบหลีกให้ปลอดภัยเพราะในสหรัฐไทยเดิมดาดดื่นไปด้วยแนวห้า (หน่วยจารกรรมของฝ่ายข้าสึก) ฉันรับทราบแล้วได้กลับมานอนท่าขี้เหล็ก พิจารนาตกลงใจว่าควรจะย้าย จึงได้ออกตรวจหาสถานที่ในรุ่งขึ้นแต่เช้า พอข้ามสะพานแม่สายก็พบกับเสนาธิการกองทัพพายัพ และผู้บังคับหน่วยทหารช่างกองทัพพายัพ จึงได้รายงานเหตุการณ์ทั้งมวล เสนาธิการกองทัพพายัพบอกว่าควรจัดหาสถานที่ย้ายใหม่

ผู้บังคับหน่วยทหารช่างบอกว่าควรไปอยู่แถววัดขัวแคร่ ฉันได้ตอบว่า จะไปตรวจและพิจารนาดูก่อน จึงได้ลามาตรวดเห็นว่าที่วัดห้วยไคร้พอเหมาะดี และห่างเขตงานไม่มากนัก จึงได้จัดการย้ายที่ทำการมาจากบ้านแก้วแต่ในคืนวันที่ 16 ส่วนฉันยังนอนท่าขี้เหล็ก

หลังจากท่าขี้เหล็กถูกโจมตีเมื่อ 14 พฤษภาคม 2487 แล้วคืนนั้นทหารได้ส่ง ปตอ. (ปืนต่อสู้อากาศยาน) ได้ตั้งที่บนเขาหลังที่ทำการกองทางสนาม 2 กระบอก และได้เริ่มยิงต่อสู้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2487 จึงทำให้กองทางสนามเป็นที่หมายสำรอง ในการที่เครื่องบินข้าสึกจะโจมตีต่อสู้กับ ปตอ. ของเรา ซึ่งย่อมจะมีลูกหลงไม่ใช่น้อย จึงได้รีบย้ายน้ำมันในหลุมทุกชนิดในคืนนั้นโดยเร็ว การทำงานไม่สะดวก มีเวลาแค่กลางคืน การบันทึกก็มากไม่ได้เพราะสะพานแม่สายชำรุด คนงานหลบหนีหมดเกนไม่ได้เลย

แม้แต่พนักงานของเราก็ใจไม่ดี ส่วนมากฉันได้ขับรถและช่วยขน อำนวยการโดยเร่งรีบ และจำต้องปลูกสร้างขนย้าย ยุดโทปกรณ์ที่ชำรุด แม้นการตรวจสอบความเสียหายก็ไม่มีเวลา ซ้ำต่างก็ป่วยไข้ไปตาม ๆ กัน พอย้ายมาอยู่ห้วยไคร้ได้ 5 วัน ก็มีเครื่องบินตรวดการข้าสึกเข้ามาร่อนวนเวียนอีก ก่อให้เกิดความตื่นเต้นแก่พวกเรา และพออยู่ได้ 11 วัน ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2487 เวลา 12.00 น. ขณะที่ฝนกำลังตก ได้มีเครื่องบินข้าสึก 4 เครื่อง เข้าโจมตีสะพานแม่สาย และยิงกราดท่าขี้เหล็ก - แม่สาย เกิดความเสียหายแก่สะพานแม่สายเพิ่มขึ้น และสิ่งของเสื้อผ้าพนักงานที่อยู่เฝ้าโรงงานถูกยิงทะลุแตก ขาด เสียหาย คราวนี้เครื่องบินข้าสึกมุ่งทำลายเฉพาะสะพานเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ใคร่มีความเสียหายแก่หน่วยใด ๆ เกิดขึ้น

<< ย้อนกลับ

การเตรียมการของไทย
การดำเนินการเจรจาทางการทูต
การปฎิบัติของสหรัฐและอังกฤษ
การเตรียมการต่อสู้ภายในประเทศ
การดำเนินการของรัฐบาลไทย เมื่อญี่ปุ่นขอเดินทัพผ่านไทย
สถานการณ์ทางทหารและการเมือง
จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสั่งการ
ข้อตกลงระหว่างผู้แทนฝ่ายไทยและญี่ปุ่น
เหตุการณ์ขั้นต่อมา และข้อเรียกร้องของญี่ปุ่น
การร่วมวงศ์ไพบูลย์กับญี่ปุ่น
การประกาศสงคราม
การประกาศสงครามต่อบริเตนใหญ่ และสหรัฐอเมริกา
การดำเนินการของฝ่ายสัมพันธมิตร
การดำเนินสงคราม
การปฏิบัติการของกองทัพพายัพ
การจัดตั้งกองทัพพายัพ
การปกครองสหรัฐไทยเดิม
การปฏิบัติการทางอากาศ
การดำเนินการของฝ่ายไทยก่อนสงครามยุติ
ไทยประกาศสันติภาพ
ท่าทีของสัมพันธมิตรต่อไทยหลังสงครามยุติ
สภาวการณ์หลังสงคราม
การทำความตกลงสมบูรณ์แบบ
จดหมายเหตุ

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย