เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>

ข้อมูลการเกษตร

วิทยาการเกษตร

ความรู้เกี่ยวกับอาหารสัตว์

การปลูกและจัดการแปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์

1. การเตรียมดิน

  • ควรเริ่มไถดินช่วงต้นฤดูฝนในเดือนเมษายน หรือพฤษภาคม เมื่อดินมีความชื้นพอเพียง
  • หว่านปุ๋ยหินฟอสเฟต 50 - 100 กก. / ไร่
  • ไถดินทันทีเมื่อหน้าดินมีความชื้นลึกถึง 50 ซม.
  • ไถดินอีกครั้งหากแปลงมีวัชพืชมาก
  • ขนเศษวัชพืชออกจากแปลงเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเจริญเติบโตอีก
  • คราดดินแล้วปลูกทันที
  • หากดินขรุขระมากควรคราดทางขวางอีกครั้ง
  • หากปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ในที่ที่เคยทำนามาเป็นเวลานาน ควรไถดินให้ลึก เพื่อทำให้ดินดานชั้นล่างแตก ซึ่งจะทำให้ดินมีการระบายน้ำดีขึ้น
  • การเตรียมดินควรทำให้หน้าดินเรียบพอสมควร

2. ซื้อเมล็ดพันธุ์

ควรซื้อเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี สะอาด เมล็ดพันธุ์ใหม่ มีความงอกสูง เมล็ดพันธุ์จะมีขายในเดือนมีนาคม / เมษายน แต่ควรสั่งจองเมล็ดพันธุ์ไว้แต่เนิน ๆ คือ ประมาณเดือนธันวาคม / มกราคม เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ในที่แห้งและไม่ถูกแสงแดดหรือความร้อน

ควรซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้าและถั่วผ่านกลุ่มเกษตรกรที่ท่านเป็นสมาชิกอยู่ หรือซื้อโดยตรงจาก

  • สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ
  • สถานีอาหารสัตว์ต่าง ๆ
  • ศูนย์วิจัยอาหารสัตว์
  • กองอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์
  • เกษตรกรที่ผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อขาย

เมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่ควรมีอายุอย่างน้อย 4 เดือน หลังเก็บเกี่ยว จึงจะงอกดี สำหรับหญ้ารูซี่ เมล็ดพันธุ์ที่ดีควรมีความงอกสูงกว่า 70% เมล็ดพันธุ์ถั่ว มักมีอัตราความงอกที่แตกต่างกันมาก แต่โดยทั่วไปควรมีอัตราความงอกมากกว่า 50 % เมื่อจะซื้อเมล็ดพันธุ์ควรถามคนขายว่ามีอัตราความงอกเท่าไร สำหรับพื้นที่ปลูก 1 ไร่ ต้องใช้เมล็ดพันธุ์หญ้า 1 กก. และเมล็ดพันธุ์ถั่ว 1 กก. หากมีอัตราความงอกต่ำต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากกว่านี้

สอบถามเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หากต้องการคำแนะนำต่าง ๆ

3. การผลิตเมล็ดพันธุ์ด้วยตนเอง

ในระหว่างปีแรกของการปลูกหญ้า สามารถปล่อยให้สัตว์เข้าไปกินหรือเกี่ยวให้สัตว์กินจนถึงเดือนสิงหาคม หลังจากนั้นใส่ปุ๋ยให้พอเพียง แล้วปล่อยให้หญ้าและถั่วเจริญเติบโตเพื่อผลิตเมล็ด เมล็ดพันธุ์ที่เก็บได้บางส่วนอาจจะขาย บางส่วนอาจจะเก็บไว้ปลูกขยายแปลงหญ้าของตนเอง

4. การเตรียมเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูก

เมล็ดพันธุ์ถั่ว

เปลือกหุ้มเมล็ดของถัวบางพันธุ์มีลักษณะแข้ง ซึ่งทำให้น้ำไม่สามารถซึมผ่านเข้าไปในเมล็ดได้ทำให้เมล็ดงอกได้ช้าลง จึงต้องมีการทำลายเยื่อแข้งนี้เพื่อช่วยให้เมล็ดงอกได้ดีขึ้นและเจริญเติบโตเร้วขึ้น

ถั่วเกรแฮมสไตโล

ควรทำให้เปลือกหุ้มที่ผิวเมล็ดเกิดรอยขีดข่วน เพื่อให้น้ำสามารถซึมผ่าน ซึ่งจะทำให้เมล็ดงอกได้ การเร่งความงอกนี่สามารถทำได้ 2 วิธี คือ

1. การขัดถู เป็นวิธีที่ง่ายและโดยทั่วไปแนะนำให้ใช้วิธีนี้ โดย

- ใช้กระด้งไม้ไผ่หรือถาดโลหะ
- ใส่เมล็ดพันธุ์ครั้งละประมาณ 1 / 4 กก. (2 ขีดครึ่ง) ลงในกระด้ง
- ใช้กระดาษทรายชนิดละเอียดถู เมล็ดพันธุ์ในกระด้งอย่างเบา ๆ ประมาณ 3 นาที
- เก็บเมล็ดพันธุ์ที่ถูขัดแล้วในที่แห้ง ไม่ให้ถูกแสงและความร้อน

2. การลวกในน้ำร้อน

- แช่เมล็ดในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส ประมาณ 5 นาที ใช้วิธีเดียวกันนี้กับถั่วฮามาต้า

ถั่วมาฮาต้า

การลวกด้วยน้ำร้อน

  • ต้มน้ำในหม้อหรือถังจนเดือด (100 องศาเซลเซียส)
  • ปล่อยทิ้งไว้ 3 นาที เพื่อให้น้ำมีอุณหภูมิลดลงเหลือ 80 องศาเซลเซียส
  • เทเมล็ดถั่วลงในน้ำร้อนและคนอย่างช้า ๆ
  • ปล่อยให้เมล็ดพันธุ์แช่อยู่ในน้ำร้อน 10 นาที
  • ผึ่งเมล็ดพันธุ์บนเสื่อซึ่งปูไว้ในที่ร่ม
  • ควรปลูกเมล็ดพันธุ์ทันทีหลังจากผึ่งให้แห้งแล้ว

เมล็ดพันธุ์หญ้า

  • เมล็ดพันธุ์หญ้าไม่ต้องขัดถูหรือลวกน้ำร้อน
  • เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ในที่แห้งและไม่มีแมลงรบกวน
  • เมล็ดพันธุ์ควรมีอัตราความงอกไม่ต่ำกว่า 60 % แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์หญ้า
  • ควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีอายุอย่างน้อย 4 เดือนหลังเก็บเกี่ยว จึงจะงอกดี แต่ไม่ควรเกิน 1 ปี เพราะจะทำให้สูญเสียความงอกหากไม่เก็บรักษาไว้ในที่แห้งและเย็น

5. ควรปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์เมื่อไร่

  • ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกคือต้นฤดูฝน (ฟฤษภาคมและมิถุนายน)
  • ต้องปลูกในช่วงที่ดินมีความชื้น หลังฝนตกควรปลูกทันที
  • หากดินที่ระดับความลึก 50 ซม. จากผิวดิน มีความชื้นดีจะทำให้เมล็ดมีความงอกดี
  • หากดินจากระดับความลึก 20 ซม. แห้งไม่ควรปลูก ควรรอฝนตกอีกรอบ
  • เมล็ดพันธุ์จะงอกภายใน 7 - 10 วัน หลังปลูก
  • ในปีแรกหญ้าจะเจริญเติบโตเร็วกว่าถั่ว แต่ปกติถั่วจะโตทันหญ้าในปีที่สอง
  • ระหว่างเดือนสิงหาคม - กลางเดือนกันยายน มักจะมีฝนตกหนัก หากปลูกหญ้าในช่วงนี้อาจจะทำให้เมล็ดพันธุ์มีอัตราความงอกต่ำเนื่องจากการพังทลายของดินและเมล็ดพันธุ์ถูกน้ำพัดหนี

6. อัตราเมล็ดพันธุ์

  • ควรใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตรา 2 กก. / ไร่ ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์หญ้า 1 กก. และเมล็ดพันธุ์ถั่ว 1 กก.
  • หากปลูกปลายฤดูฝนหรือเมล็ดมีความงอกต่ำ ควรเพิ่มอัตราเมล็ดพันธุ์เป็น 3 กก. / ไร่
  • หากปลูกถั่วโดยการหว่าน ถ้าจะให้ผลดีควรหว่านในอัตรา 2 กก. / ไร่

7. วิธีการปลูก การปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์สามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่

  • หยอดเป็นแถว
  • หญ้าบางชนิดสามารถปลูกด้วยต้นพันธุ์หรือท่อนพันธุ์
  • หว่านเมล็ดในแปลงที่เตรียมดินแล้ว

วิธีการปลูกที่แนะนำให้ปฏิบัติโดยทั่วไปคือการหยอดเมล็ดเป็นแถว

การปลูกโดยการหยอนเมล็ดเป็นแถวตามร่อง

  • แต่ละแถวควรห่างกัน 30 - 50 ซม.
  • หยอนเมล็ดหญ้า 2 แถว สลับกับเมล็ดถั่ว 1 แถว
  • วิธีการปลูกอีกวิธีหนึ่ง คือ การหยอดเมล็ดหญ้าตามแถวห่างกัน 30 ซม. แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ถั่วให้ทั่วแปลง แต่จะได้ผนที่ไม่แน่นนอน
  • หยอดเมล็ดหรือใช้ต้นพันธุ์ปลูกในหลุมระยะห่างกัน 25 - 30 ซม.
  • การหยอดเมล็ดพันธุ์ไม่ควรลึกเกิน 1 ซม. จึงจะทำให้เมล็ดงอกดี
  • ในการปลูกอาจจะใช้เครื่องมือหยอดเมล็ดก็ได้
  • การกลบเมล็ดพันธุ์หลังจากหยอดอาจใช้กิ่งไม้ (ที่มีใบด้วย) ลากไปตามร่องหรือใช้เท้ากลบก็ได้

การปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์

  • การปลูกด้วยท่อนพันธุ์จะได้ผลดีที่สุด เพราะปลูกแล้วหญ้าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตาย แต่การปลูกแบบนี้ต้องใช้แรงงานมาก จึงเหมาะสำหรับการปลูกหญ้าสวนครัวหรือหญ้าแปลงเล็ก
  • หญ้าที่ปลูกได้โดยวิธีนี้ได้แก่ หญ้ากินนี หญ้ารูซี่ หญ้าซิกแนล และหญ้าขน
  • ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ ระยะระหว่างแถว 30 - 50 ซม. และระยะระหว่างต้น 25 - 30 ซม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์หญ้า
  • ต้นหญ้าที่จะใช้ปลูกควรจะสดและปลูกหลังฝนตกในขณะที่ดินมีความชื้น
  • ควรหว่านเมล็ดพันธุ์ถั่วระหว่างแถวของหญ้าที่ปลูกแล้ว
  • หากความงอกของเมล็ดพันธุ์หญ้าไม่ดี ควรใช้ท่อนพันธุ์ปลูกในบริเวณที่เมล็ดไม่งอก ก่อนวัชพืชจะเจริญเติบโต

การหว่าน

  • การปลูกโดยใช้เมล็ด หากไม่จำเป็นไม่ควรใช้วิธีหว่าน เพราะจะทำให้ความงอกต่ำ และการกำจัดวัชพืชทำได้ยาก
  • หากจำเป็นต้องปลูกโดยการหว่าน ควรหว่านหญ้าและหว่านถั่ว ในอัตราอย่างละ 2 - 3 กก. / ไร่
  • หว่านเมล็ดพันธุ์อย่างสม่ำเสมอบนแปลงที่เตรียมดินดีพอสมควร โดยที่ดินควรมีความชื้นดีตั้งแต่ระดับผิวจนถึงระดับลึก 30 - 50 จึงจะทำให้เมล็ดงอกดี

8. การกำจัดวัชพืช

  • วัชพืชสามารถสร้างความเสียหายแก่แปลงหญ้าได้อย่างมาก หากไม่มีการควบคุมให้ดีในช่วง 2 เดือน แรกของการปลูก
  • วัชพืชอาจจะไม่ขึ้นปกคลุมต้นหญ้าและถั่วที่ยังเล็กอยู่ แต่วัชพืชจะแยงน้ำและอาหารจากพืชที่ปลูก

การควบคุมวัชพืช

ก่อนปลูกหญ้า ควรมีการไถกลบวัชพืช และควรไถแล้วคราดอีกที หลังจากเมล็ดวัชพืชงอก แล้วเก็บเศษวัชพืชออกจากแปลงเพื่อไม่ให้มีโอกาสเจริญเติบโตอีกต่อไป
หลังจากปลูกหญ้าแล้ว

  • ควรกำจัดวัชพืชในระยะ 3 - 4 สัปดาห์ หลังเมล็ดงอก
  • กำจัดวัชพืชหลังจากนั้นอีก 2 เดือน
  • ถ้าปลูกแปลงหญ้าเป็นแถว ควรจะกำจัดวัชพืชโดยการใช้จอบถาก หรืออาจจะใช้สัตว์ลากคราดไประหว่างแถว

การกำจัดวัชพืช ควรทำขณะที่ดินแห้ง เพื่อให้วัชพืชตายง่าย วัชพืชจะทำให้ผลผลิตหญ้าเลี้ยงสัตว์ลดลง จึงควรกำจัดก่อนที่วัชพืชจะออกดอกและผลิตเมล็ด ไม่ควรใช้สารกำจัดวัชพืชในแปลงหญ้า เพราะจะเป็นอันตรายต่อสัตว์

9. การใส่ปุ๋ย

ปุ๋ยคอก

ปุ๋ยคอกจะช่วยให้อินทรีย์วัตถุในดินสูงขึ้น และทำให้หญ้าเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ใช้ปุ๋ยคอกในแปลงที่ปลูกหญ้าเป็นแถวจะทำให้กำจัดวัชพืชง่าย

การใส่ปุ๋ยเคมี

ปีที่ 1

ก่อนปลูก ควรหว่านปุ๋ยหินฟอสเฟต ในอัตรา 50 - 100 กก. / ไร่ แล้วไถกลบหินฟอสเฟตจะให้ธาตุฟอสฟอรัส โดยจะค้อย ๆ สลายตัวและเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ อยู่ถึง 2 หรือ 3 ปี หลังจากหว่านแล้ว

ใส่ปุ๋ยสูตร 15 - 15 - 15 ให้ทั่วทุกแถว ในอัตรา 30 กก. / ไร่ หากมีการแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกควรใส่หลังจากงอกได้ 2 สัปดาห์ ในอัตรา 10 กก. / ไร่ และครั้งที่ 2 ใส่หลังจากตัดหญ้าครั้งแรก โดยใส่ในอัตรา 20 กก. / ไร่

ปลายฤดูฝนราวเดือนกันยายน ควรใส่ปุ๋ยยูเรียในอัตรา 10 กก. / ไร่ แต่ควรใส่ตามแถวหญ้าเท่านั้น ไม่ใช่หว่านทั่วแปลง

ปีที่ 2 และ 3

หลังจากตัดหญ้าทุกครั้งควรใส่ปุ๋ยยูเรียในอัตรา 10 กก. / ไร่ หากแปลงหญ้ามีสีเหลืองแสดงว่าขาอธาตุไนโตรเจน ควรใส่ปุ๋ยยูเรีย แต่หากมีการปลูกถั่วรวมกับหญ้าในสัดส่วนที่เหมาะสม ถัวจะให้ธาตุไนโตรเจนแก่หญ้าเองโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยยูเรียอีก

» การผลิตเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่
» การผลิตเมล็ดพันธุ์หญ้ากินนีสีม่วง
» การผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วฮามาต้า
» การผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเกรแฮมสไตโล
» การผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเซนโตรซีมา
» การปลูกและการจัดแปลงหญ้า
» แปลงหญ้าประเภทใดที่ควรปลูก
» ควรปลูกหญ้าพันธุ์ใด
» ควรปลูกถั่วอาหารสัตว์พันธุ์ใด
» การปลูกและจัดการแปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์
» การใช้แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์
» ควรปลูกหญ้ากี่ไร่ต่อสัตว์ 1 ตัว
» การปลูกหญ้าสลับกับพืชไร่
» การสำรองอาหารสัตว์สำหรับช่วงฤดูแล้ง
» การทำหญ้าหมักในถุงพลาสติก
» การทำฟางปรุงแต่ง
» วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นและการนำมาใช้เลี้ยงสัตว์
» วัตถุดิบอาหารที่ให้พลังงาน
» วัตถุดิบอาหารที่ให้โปรตีน
» วัตถุดิบอาหารประเภทแร่ธาตุ
» วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรม

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย