เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
สีผสมอาหารจากธรรมชาติ
กรมส่งเสริมการเกษตร กลุ่มงานเคหกิจเกษตร
กองพัฒนาการบริหารงานเกษตร
การป้องกันพิษจากสีผสมอาหาร
อันตรายจากการใช้สีผสมอาหารที่ไม่ถูกต้องนั้นมีมาก การที่จะลดหรือป้องกัน อันตรายจากสีได้นั้นต้องอาศัยความร่วมมือของบุคคลหลายฝ่าย คือ
1. ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสีผสมอาหาร ต้องทำฉลากเป็นภาษาไทยให้อ่านได้ ชัดเจนและอย่างน้อยต้องมีข้อความดังต่อไปนี้
- คำว่า "สีผสมอาหาร"
- ชื่อสามัญ
- เลขทะเบียนอาหาร
- ปริมาณสุทธิเป็นระบบเมตริก
- ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต
- ชนิดของพืช หรือสัตว์ที่เป็นต้นกำเนิดของสีธรรมชาติ
2. ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ต้องเลือกสีชนิดที่ตัวมันเองไม่มีอันตรายหรืออันตรายน้อยที่สุด และต้องมีความบริสุทธิ์สูง คือเป็นสีที่สังเคราะห์ขึ้นพิเศษ เพื่อใช้ในการปรุงแต่งหรือผสมอาหารเท่านั้น เพราะสีพวกนี้มีโลหะหนัก หรือสารอื่นปนอยู่น้อยมาก
3. ผู้ประกอบการ ต้องใช้สีเฉพาะที่ใช้ผสมอาหารเท่านั้น (ไม่ใช้สีย้อมผ้าหรือสีชนิดอื่น) และต้องใช้ในปริมาณพอควร ซึ่งในการเลือกซื้อสีผสมอาหาร ควรสังเกตว่าที่ซองหรือกระป๋องสีนั้นมีข้อความว่า "สีผสมอาหาร" และมีเลขทะเบียน ปรากฎชัดเจนหรือเปล่า หากสีใดไม่มีฉลากข้อความดังกล่าวและไม่มีเลขทะเบียน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ห้ามนำมาใช้ผสมอาหารเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย หากจะใช้สีผสมอาหารให้ใช้เพียงแต่น้อย อย่าบ่อยครั้ง
4. ผู้บริโภค ควรเลือกบริโภคอาหารที่ไม่ใส่สี หรือเลือกบริโภคแต่อาหาร
ที่แน่ใจว่ามีสีผสมอาหารซึ่งปลอดภัยเท่านั้น
ตามปกติแล้วเราไม่ควรใช้สีผสมอาหาร แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ควรใช้สีที่ได้ จากธรรมชาติ
หรือสีอนินทรีย์ หากจำต้องใช้สีสังเคราะห์ ต้องใช้เฉพาะสีที่ทางการ กำหนดว่าปลอดภัย
เช่นสีขององค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข และใช้ในปริมาณไม่มาก
(ตามข้อบ่งใช้ที่ได้กล่าวแล้ว) พึงระลึกว่าการใช้สีที่ห้ามบริโภค
หรือบริโภคไม่ได้มาผลิตหรือผสมอาหารจำหน่าย อาจได้รับโทษตามกฎหมาย คือ
ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
»
การใช้สีผสมอาหาร
»
ชนิดของสีผสมอาหาร
»
สีสังเคราะห์
»
อันตรายจากการใช้สี
» การป้องกันพิษจากสีผสมอาหาร
»
สีจากธรรมชาติ