เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>

ข้อมูลการเกษตร

ไม้ผล ไม้ยืนต้น

การปลูกชมพู่

การกำจัดวัชพืช

การกำจัดวัชพืชช่วยให้ชมพู่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ลดปริมาณโรคแมลงที่อาศัยอยู่กับวัชพืชได้ สามารถจำแนกออกเป็น 3 วิธี ดังนี้

1. วิธีกล โดยการถอน ดาย ถาง วัชพืชออกจากทรงพุ่ม และแปลงปลูกชมพู่ วิธีนี้ควรหมั่นทำตั้งแต่วัชพืชมีขนาดเล็กไปเรื่อย ๆ เหมาะสมกับการปลูกชมพู่แปลงเล็ก วิธีนี้นอกจากจะไม่ต้องลงทุนมากแล้ว ยังช่วยลดปัญหาสารพิษตกค้างได้อีกด้วย

2. วิธีทางเขตกรรม วิธีนี้เป็นวิธีใช้การปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของวัชพืชในแปลงปลูก สามารถใช้ได้กับชมพู่ที่มีขนาดเล็ก พืชที่นิยมปลูกกันได้แก่ พืชผักต่าง ๆ รวมทั้งพืชตระกูลถั่ว ซึ่งจะทำให้ดินมีไนโตรเจนมากขึ้น เมื่อชมพู่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องปลูกพืชหมุนเวียนอีกต่อไป

3. วิธีทางเคมี เป็นวิธีหนึ่งที่สะดวกรวดเร็ว อาจจะส่งผลให้มีสารพิษตกค้างในดินและน้ำได้ การกำจัดวัชพืชวิธีเคมีสามารถจำแนกเป็น 2 ระยะ

  • ก่อนทำการปลูกชมพู่ ซึ่งสามารถใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชได้
  • ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชชนิดเลือกทำลาย ในช่วงชมพู่โตแล้วควรฉีดนอกชายพุ่ม ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้สารเคมีกำจัดวัชพืชนั้น อัตราความเข้มข้นควรเป็นไปตามคำแนะนำ
    การตัดแต่งกิ่ง

การตัดแต่งกิ่งนอกจากทำให้ได้ทรงพุ่มตามต้องการแล้ว ยังช่วยลดปริมาณโรคแมลง อีกทั้งทำให้ชมพู่ออกดอกติดผลดีมีคุณภาพอีกด้วย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1. การตัดแต่งเพื่อบังคับทรงพุ่ม ควรเริ่มทำเมื่อชมพู่มีขนาดเล็กหลังจากปลูกใหม่ โดยการเลี้ยงลำต้นประธานเพียงต้นเดียว และที่ความสูงจากพื้นดิน 50 เซ็นติเมตร ให้ตัดยอดชมพู่จะทำให้กิ่งที่แตกแขนงมาใหม่ 2 กิ่ง ที่ระยะ 6 - 12 นิ้ว ให้ตัดกิ่งทั้ง 2 แล้ว ให้แตกเพิ่มเป็น 4 กิ่ง ทำอย่างนี้ไปจะได้กิ่งแขนง 8 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ต้นชมพู่มีโครงสร้างแข็งแรง และไปรอแสงส่องผ่านกิ่งโคนต้นได้ การปฏิบัติงานใต้ทรงพุ่มสะดวก

2. การตัดแต่งเพื่อการออกดอกและติดผลที่มีคุณภาพ การตัดแต่งแบบนี้จะใช้ในชมพู่ที่ให้ผลแล้ว ซึ่งควรทำปีละ 2 ครั้ง โดยเลือกตัดแต่งกิ่ง ดังนี้

  • กิ่งแก่ที่เคยให้ผลแล้ว และไม่สามารถให้ผลอีกต่อไป
  • กิ่งแซมในทรงพุ่มขนาดเล็ก
  • กิ่งไขว้ หรือกิ่งซ้อนทับกัน ให้เลือกกิ่งที่เป็นโครงสร้างหลักไว้
  • กิ่งที่โรคแมลงหรือกาฝากอาศัย
  • กิ่งฉีกหัก หรือกิ่งแห้ง
  • กิ่งน้ำค้างหรือกิ่งกระโดงที่เจริญเติบโตจากในทรงพุ่มทะลุออกเหนือทรงพุ่ม
  • ส่วนยอดที่สูงจากพื้นดินเกิน 2 เมตร

การปลิดผล

ในการออกดอกชมพู่จะออกบริเวณกิ่ง ในทรงพุ่มหลังจากดอกได้รับการผสมแล้วก็จะติดเป็นผล ที่มีขนาดเล็กมีลักษณะคล้ายถ้วย หลังจากนั้นผลจะขยายใหญ่มีสีเข้มขึ้น เกษตรกรควรทำการปลิดผลที่ถูกโรคแมลงทำลาย ผลที่มีขนาดเล็กหรือรูปร่างผิดปกติออก โดยเหลือไว้ช่อละ 3 - 4 ผลเท่านั้น กรณีที่ช่อผลอยู่ติดกันมากไม่ควรเก็บไว้ ให้เลือกปลิดช่อที่มากเกินไปออกเสียบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งอาหารกันเองทำให้ผลมีขนาดเล็ก

การห่อผล

การห่อนี้ควรจะทำควบคู่กับการปลิดเลยในเวลาเดียวกัน ในการห่อผลนี้เกษตรกรจะเลือกถุงพลาสติกกรอบแกรบสีขาวขุ่นเจาะ 2 รู เพื่อให้น้ำออก ก่อนห่อควรพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงก่อน แล้วจึงห่อด้วยถุงพลาสติกดังกล่าว โดยผูกปากถุงด้วยเงื่อนชั้นเดียว ขนาดถุงควรเป็นขนาด 6 * 11 นิ้ว

ในบางกิ่งที่ผลชมพู่อาจได้รับอันตราย จากแสงแดดเผาให้ผิวเสียหาย ควรห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ด้านนอกอีกชั้นหนึ่งด้วย
เทคนิคช่วยให้ชมพู่มีคุณภาพดี

  1. ตัดแต่งช่อผลตั้งแต่เริ่มติดผล โดยไว้ผลประมาณ 3 - 4 ผลต่อช่อ และจำนวนช่อดอกไม่ควรมากเกินไป โดยให้สัมพันธ์กับทรงพุ่มและความสมบูรณ์ของต้น
  2. การใช้จีเอพ่นประมาณ 1 - 3 ช่วง คือช่วงเริ่มออกดอก ดอกเริ่มบาน และหลังดอกบานแล้ว 2 สัปดาห์ เพื่อทำให้ทรงผลยาวและขยายขนาดขึ้น
  3. การให้ปุ๋ยทั้งทางดินและทางใบอย่างเพียงพอ มิฉะนั้นอาจทำให้ผลร่วงได้ง่าย
  4. การห่อผลทำให้ผิวสวยป้องกันการทำลายของแมลงอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือแมลงวันทอง
  5. ควรงดการให้น้ำช่วงก่อนการเก็บเกี่ยว 3 - 5 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดิน ถ้าดินเหนียวควรงดการให้น้ำนานกว่านี้อาจเป็น 5 - 7 วัน

» สถานการณ์การผลิตและการตลาดชมพู่
» พันธุ์
» การขยายพันธุ์
» การปลูก
» การกำจัดวัชพืช
» การเก็บเกี่ยวและการจัดการผลชมพู่หลังการเก็บเกี่ยว
» การผลิตชมพู่นอกฤดู
» การใช้สารเคมี
» โรคและแมลงศัตรูชมพู่

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย