เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผัก
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นการค้า
สามารถปลูกได้ทั้งที่ดอนและที่ลุ่ม ซึ่งถ้าปลูกในสภาพที่ดอน เรียกว่า "ไร่ผักบุ้ง"
เช่นที่จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ถ้าปลูกในที่ลุ่ม เรียกว่า "นาผักบุ้ง" เช่น
จังหวัดนครปฐมและสุโขทัย เป็นต้น ในด้านปริมาณและคุณภาพของผลผลิต
การปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่มแบบนาข้าวจะให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดีกว่าการปลูกในที่ดอน
โดยทั่วไปการปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่มแบบนาข้าวจะให้ผลผลิตเมล็ดพันธุ์ประมาณ 200-300
กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนในที่ดอนสภาพไร่จะให้ผลผลิตประมาณ 150-200 กิโลกรัมต่อไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ สภาพพื้นที่ปลูก และการปฏิบัติดูแลรักษา
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในที่ดอน (ไร่ผักบุ้ง)
เป็นการปลูกผักบุ้งจีนแบบหยอดเมล็ดลงปลูกในไร่โดยตรง เช่น
เดียวกับการปลูกพืชไร่ทั่วไป โดยมีการปลูกและปฏิบัติดูแล ดังนี้
การเลือกพื้นที่ปลูก
การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในสภาพที่ดอนนั้น ควรเลือกปลูกในพื้นที่ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก ไม่เป็นที่ตามแนวเขาหรือที่มีลักษณะลาดเทเกินไป พื้นที่ปลูกผักบุ้งจีนนั้นไม่ควรอยู่ใกล้กับแหล่งปลูกฝ้ายหรืออยู่ติดกับป่าเขามาก เพราะในพื้นที่ที่มีการปลูกฝ้ายหรือพื้นที่สภาพป่าจะมีแมลงศัตรูพืชอยู่มาก โดยเฉพาะฝ้ายจะมีหนอนกระทู้ผักหรือหนอนเจาะสมออเมริกันเข้าทำลายมาก ซึ่งหนอนเหล่านี้สามารถทภลายผักบุ้งจีนได้เช่นกัน ส่วนพื้นที่ใกล้ป่าเขาหรือป่าไม้ทั่วไปนั้น นอกจากจะมีหนอนที่กัดกินใบผักบุ้งจีนแล้วยังมีตั๊กแตนอีกหลายชนิดที่ชอบกัดกินใบผักบุ้งจีน ทำให้เสียแรงงานและค่าใช้จ่ายเป็นการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชสูง ซึ่งพื้นที่ใดที่เกษตรกรเคยปลูกถั่วเหลือง ถั่วเขียว หรือข้าวโพดได้ดี ก็สามารถปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ ได้ดีเช่นเดียวกัน
ฤดูปลูกที่เหมาะสม
การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์จะปลูกได้ปีละครั้ง
ซึ่งการปลูกผักุ้งจีนในสภาพที่ดอนจะต้องอาศัยน้ำฝนและน้ำค้างช่วยในการเจริญเติบโตเท่านั้น
และที่สำคัญผักบุ้งจีนจะออกดอกปีละครั้งในช่วงวันสั้นตรงกับฤดูหนาวพอดี
ถ้าปลูกเร็วเกินไป เช่น ปลูกในช่วงต้นฤดูฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
หรือต้นเดือนสิงหาคม
ผักบุ้งจีนอาจมีการเจริญเติบโตและทอดยอดได้ดีมากจนเกิดความจำเป็น
โดยยอดและใบผักบุ้งจีนที่ปลูกในช่วงดังกล่าวอาจเลื้อยทับกัน
หรือมีเถาซ้อนกันอยู่มาก
มีผลทำให้เกิดโรคใบจุดหรือโรคเถาเน่าได้ง่ายกว่าก่อนถึงช่วงออกดอกติดผลและเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์
ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงสูง ฉะนั้น
ช่วงการปลูกผักบุ้งจีนในที่ดอนที่เหมาะสมควรเริ่มปลูกตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมในแหล่งที่ฝนตกน้อย
และปลูกตั้งแต่กลางเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ในแหล่งที่มีฝนตกมาก
การเตรียมดิน
ใช้รถแทรกเตอร์ไถดะตากไว้ประมาณ 15-30 วัน หรือจะมากกว่านี้ก็ได้
ต่อจากนั้นทำการไถแปรหรือไถพรวนดินปลูกให้ร่วนพร้อมที่จะหยอดเมล็ดลงปลูกได้
การปลูก
หลังจากไถพรวนดินจนร่วนดีแล้วจึงนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่จัดเตรียมไว้มาปลูกลงแปลงหลุมละ
3-5 เมล็ด ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 50 เซนติเมตร
แต่ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ดีจะใช้ระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 100 เซนติเมตร
ก็ได้โดยพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 3 กิโลกรัม
เมื่อขุดหลุมปลูกและหยอดเมล็ดผักบุ้งจีนแล้วให้ใช้ดินกลบหลุมปลูกด้วย หนาประมาณ 2-3
เซนติเมตร แต่ถ้ามีเครื่องหยอดเมล็ดแบบเครื่องหยอดถั่วเหลือง
หรือถั่วเขียวก็สามารถนำมาใช้ในการปลูกผักบุ้งจีนได้ หลังจากปลูกแล้วประมาณ 3-5 วัน
ถ้าดินปลูกมีความชื้นหรือมีฝนตกผักบุ้งจีนจะเริ่มงอกเป็นต้นกล้าต่อไป
การปฏิบัติดูแล
การถอนแยกและการตัดแต่งยอด หลังจากปลูกผักบุ้งจีนลงแปลงได้ประมาณ 10-15 วัน ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนที่ไม่สมบูรณ์หรือมีจำนวนตันขึ้นมากออกให้เหลือหลุมละ 3 ต้น ส่วนหลุมที่ไม่ขึ้นอาจจะใช้วิธีการหยอดเมล็ดปลูกซ่อมหรือจะใช้วิธีการถอนต้นจากหลุมข้างเคียงที่มีหลายต้นมาปลูกซ่อมก็ได้ ไม่ควรปล่อยให้หลุมปลูกว่างเปล่า หลังจากปลูกได้ 3 อาทิตย์ จนถึง 1 เดือน ถ้ามีเวลาว่างหรือแรงงานเพียงพอ ควรใช้กรรไกรตัดปลายยอดผักบุ้งจีนออกทุกต้นเพื่อกระตุ้นให้มีการแตกแขนงหรือออกยอดทางด้านข้างมากขึ้นหลาย ๆ ยอดในเวลาใกล้เคียงกันทุกต้นทั้งไร่ ซึ่งถ้าผักบุ้งจีนแต่ละต้นแตกแขนง หรือทอดยอดจากต้นในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อถึงช่วงการออกดอกติดเมล็ดผักบุ้งจีนทั้งไร่จะมีเมล็ดที่สมบูรณ์ดี และสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเวลาใกล้เคียงกันทำให้ได้ผลผลิตสูงและเมล็ดมีคุณภาพดีอีกด้วย
การพรวนดินและกำจัดวัชพืช หลังจากปลูกผักบุ้งจีนไปแล้วประมาณ 10-15 วัน หรือก่อนที่ผักบุ้งจีนจะแตกแขนงทอดยอด ควรมีการพรวนดินและกำจัดวัชพืชในไร่ผักบุ้งจีนให้สะอาด ส่วนสารเคมีกำจัดวัชพืชหลังจากปลูกต้องเลือกชนิดที่ไม่เป็นอันตรายกับผักบุ้งจีน โดยฉีดพ่นประมาณ 1-3 ครั้ง จนถึงช่วงผักบุ้งจีนเลื้อยคลุมแปลงก็ไม่ต้องพรวนดินกำจัดวัชพืชอีกเพราะอาจจะเหยียบย่ำเถาผักบุ้งเสียหายได้
การใส่ปุ๋ย ในแหล่งปลูกที่หาปุ๋ยคอกมาใส่แปลงปลูกได้ไม่ยากนัก เช่น ปุ๋ยคอกจากมูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย ควรมีการใส่ปุ๋ยคอกก่อนปลูก โดยจะใช้วิธีหว่านแล้วไถกลบ หรือจะใส่รองก้นหลุมก็ได้เพื่อให้โครงสร้างขอดินปลูกดีขึ้น อีกทั้งปุ๋ยคอกจะมีธาตุไนโตรเจนสูง ทำให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโตได้ดีกว่าไม่มีการใส่ปุ๋ยคอกเลย ส่วนปุ๋ยเคมีนั้นควรใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ รองพื้นก่อนปลูกและเมื่อผักบุ้งจีนมีอายุได้ 60 วัน หรือใกล้ช่วงออกดอกติดผลให้ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทางใบ โดยเลือกปุ๋ยที่มีธาตุอาหารตัวกลางสูง ๆ เช่น 20-30-20 เป็นต้น จะช่วยให้ผักบุ้งจีนออกดอกและติดเมล็ดด้ดีขึ้น
การจัดเถา เมื่อผักบุ้งจีนเริ่มทอดยอดหลายยอดแล้ว ควรมีการจัดเถาผักบุ้งจีนให้เลื้อยคลุมแปลงหลายทิศทางเต็มพื้นที่ ไม่ควรปล่อยให้ผักบุ้งจีนทอดยอดหรือเลื้อยไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป เพราะยอดหรือเถาผักบุ้งจีนจะทับถมกันมาก ส่วนเถาหรือใบที่อยู่ด้านล่างจะเป็นโรคใบจุดหรือเน่าเสียหายได้ง่าย สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีน
การป้องกันกำจัดโรคและแมลง การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในสภาพที่ดอนจะใช้เวลาปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ประมาณ 4 เดือน ซึ่งช่วงดังกล่าวอาจมีโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนเข้าทำลายทำให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโต ออกดอกและติดเมล็ดไม่สมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตและเมล็ดมีคุณภาพต่ำ หรือเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้เลย ดังนั้นผู้ปลูกควรดูแลเอาใจใส่ในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนอยู่เสมอ
การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ หลังจากปลูกผักบุ้งจีนได้ 4 เดือน เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนจะเริ่มแก่ และเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ได้ โดยสังเกตจากใบผักบุ้งจีนจะมีสีเหลืองเถาเริ่มเหี่ยว ผักบุ้งจีนหยุดการออกดอก ผักที่ติดเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าผักบุ้งจีนแก่ได้ประมาณ 80 เปอร์เซนต์ ของต้นทั้งไร่แล้ว ให้นำจอบมาถากที่โคนต้นทิ้งไว้ 2-3 วัน ต่อจากนั้นให้ม้วนเถาผักบุ้งจีนมากองรวมกันผึ่งแดดไว้จนแห้ง
การนวดและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
หลังจากตากเถาผักบุ้งจีนจนแห้งสนิทดีแล้ว
ให้นำเถาผักบุ้งจีนที่ม้วนไว้ไปนวดกับเครื่องนวดเมล็ดพันธ์
โดยอาจจะใช้เครื่องนวดข้าวหรือเครื่องนวดถั่วเหลืองที่ได้ดัดแปลงตะแกรงให้มีขนาดเหมาะสมกับเมล็ดพันธุ์
เพื่อนวดเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนออกจากฝัก แล้วทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์
คัดเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ ถูกแมลงทำลายหรือมีสิ่งเจือปน เช่น
ก้อนหินและก้อนดินเล็ก ๆ ออกให้หมด
จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนมาบรรจุกระสอบเพื่อจัดส่งตลาดต่อไป
ส่วนเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่จะเก็บไว้ทำพันธุ์ในปีต่อไปนั้นให้นำมาคลุกกับปูนขาว
โดยใช้ปูนขาว 10 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน 1 กิโลกรัม
หรือจะเก็บไว้ในปิ๊บใส่ขนมปังที่ทำความสะอดาแล้ว โดยใส่ลงไปในปิ๊บสูงประมาณ 3-5
นิ้ว แล้วนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาปิดทับ
จากนั้นให้นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ใส่ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษมาวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์
ก็จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนไว้ทำพันธุ์ หรือไว้ปลูกเพื่อการบริโภคสดได้
นอกจากนี้อาจจะนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนมาคลุกด้วยเมทาแลคซิล เช่น เอพรอน 35
เพื่อป้องกันกำจัดโรค และใช้สารคาร์บาริล เช่น เซฟวิน 85
เพื่อป้องกันกำจัดแมลงทำลายเมล็ดพันธ์ด้วย
ทั้งนี้การเก็บเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนไม่ว่าจะเก็บไว้จำหน่ายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์จะต้องเก็บไว้ในร่มอย่าให้เปียกฝน
ไม่กองทับถมกันมาก ไม่เก็บไว้ในที่ร้อนหรือชื้นเกินไป และจะต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก
เนื่องจากเมล็ดผักบุ้งจีนจะเสื่อมความงอกได้เร็วมาก
ทำให้ไม่สามารถนำไปปลูกเพื่อการบริโภคสดหรือใช้ทำพันธุ์ต่อไปได้
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในที่ลุ่ม (นาผักบุ้ง)
เป็นการปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่มโดยการปักดำยอดผักบุ้งหรือท่อนพันธุ์ผักบุ้งลงปลูกในนาเช่นเดียวกับการทำนาข้าว
ซึ่งมีวิธีการปลูกและปฏิบัติดูแลดังนี้
การเลือกพื้นที่ปลูก
การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในที่ลุ่มนั้น
ควรเลือกปลูกในพื้นที่ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวกเช่นเดียวกับการปลูกผักบุ้งจีนในสภาพที่ดอน
แหล่งใดที่ปลูกข้าวได้ดีก็สามารถนำผักบุ้งจีนไปปลูกได้
แต่นาข้าวในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีผักบุ้งไทยอยู่มาก
ฤดูปลูกที่เหมาะสมโดยทั่วไปจะเริ่มเพาะกล้าหรือหยอดเมล็ดลงเพาะกล้าตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
พอถึงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม จึงสามารถตัดยอดผักบุ้งจีนลงปลูกในนาต่อไป
การเตรียมดิน
โดยการใช้รถแทรกเตอร์ไถดะตากดินไว้ประมาณ 15-30 วัน แล้วไถแปรเอาน้ำเข้าแปลง
ใช้รถแทรกเตอร์แบบไถเดินตามคราดย่อยดิน ทำเทือกแบบนาข้าว
หรือจะทำการเตรียมดินแบบทำนาข้าวก็ได้
การเพาะกล้า
ต้องนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งพันธุ์การค้าที่จะผลิตเมล็ดพันธุ์มาหยอดเมล็ดเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3-5 เมล็ด ระยะระหว่างต้น 1 เมตร ระหว่างแถว 1 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกผักบุ้งจีนได้ 1,600 หลุม ก่อนหยอดเมล็ดให้รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหลุมละ 1-2 กำมือ รดน้ำให้ความชื้นแก่แปลงเพาะกล้าอยู่เสมอ เมื่อผักบุ้งจีนมีอายุได้ 10-15 วัน ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนที่ไม่สมบูรณ์และไม่แข็งแรงออก แล้วใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเร่งการเจริญเติบโต และเมื่อผักบุ้งจีนมีอายุได้ประมาณ 20-30 วัน ให้ใช้กรรไกรตัดยอดผักบุ้งจีนออกทุกต้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผักบุ้งจีนมีการแตกแขนงหรือมีการทอดยอดทางด้านข้างจำนวนมากขึ้น โดยแปลงเพาะกล้าในพื้นที่ 1 ไร่ สามารถตัดยอดผักบุ้งจีนไปปักดำได้ประมาณ 5-8 ไร่
การเตรียมท่อนพันธุ์
ก่อนที่จะนำท่อนพันธุ์ผักบุ้งจีนลงปลูกในนาข้าว 2-3 วัน
ควรมีการตัดยอดผักบุ้งจีนออกจากแปลงเพาะกล้า โดยตัดจากยอดลงมาหาโคนต้นยาวประมาณ
50-60 เซนติเมตร หรือให้มีข้อ 5-6 ข้อ และช่วงยอดที่ถัดมาหาโคนต้นข้อที่ 7-12
ก็สามารถตัดมาเป็นท่อนพันธุ์ได้
ท่อนพันธุ์ส่วนที่มียอดให้ตัดยอดออกแล้วนำมารวมกับท่อนพันธุ์ช่วงที่ตัดต่อ
ห่อด้วยใบตองหรือถุงพลาสติกขนาดใหญ่ รดน้ำให้ความชื้นแล้วเก็บไว้ในที่ร่มประมาณ 1-2
เดือน
จะมีรากงอกออกมาตามข้อของผักบุ้งจีนก็สามารถนำท่อนพันธุ์ดังกล่าวไปปลูกลงแปลงได้ท่อนพันธุ์ที่มีรากออกมาแล้วจะตั้งตัวได้เร็วขึ้น
ในแหล่งปลูกผักบุ้งจีนที่มีโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนอยู่มากควรนำท่อนพันธุ์ผักบุ้งจีนมาจุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงชนิดดูดซึมก่อนนำไปปลูก
การปลูกหรือการปักดำผักบุ้งจีน
หลังจากเตรียมดินทำเทือกในนาผักบุ้งจีนแล้วให้ระบายน้ำออกจากแปลง
จากนั้นนำยอดหรือท่อนพันธุ์ผักบุ้งจีนมาปักดำแบบนาข้าวใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 1 เมตร
ระหว่างแถว 1 เมตร การปลูกผักบุ้งจีนแต่ละจุดหรือแต่ละครั้งจะใช้ท่อนพันธุ์ 1-3
ท่อน ขึ้นอยู่กับว่าจะปลูกช้าหรือเร็วกว่าช่วงปกติ
ถ้าปลูกเร็วกว่าปกติมากใช้ท่อนพันธุ์ 1 ท่อนก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้าปลูกช้ากว่าปกติมากก็ควรมีการเพิ่มจำนวนท่อนพันธุ์ต่อหลุมหรือต่อหนึ่งปักดำให้มากขึ้น
เพื่อให้ผักบุ้งจีนมีการทอดยอดเต็มนาได้เร็วขึ้น
ซึ่งวิธีการนี้จะสิ้นเปลืองท่อนพันธุ์ผักบุ้งจีนมากกว่าการปลูกยอดหรือท่อนพันธุ์ท่อนเดียวมาก
ในการปักดำผักบุ้งจีนแต่ละครั้งควรหันยอดพันธุ์ผักบุ้งจีนไปในทิศทางเดียวกัน
เช่นให้ยอดพันธุ์เฉียงออกทางด้านขวามือของผู้ปักดำทั้งหมดเป็นต้น
และหลังจากปักดำผักบุ้งจีนแล้วควรมีการควบคุมวัชพืชในนาผักบุ้งจีนด้วย
การปฏิบัติดูแล
การให้น้ำ หลังจากปลูกผักบุ้งจีนได้ประมาณ 5-7 วัน ท่อนพันธุ์ผักบุ้งจีนจะเริ่มตั้งตัวได้ก็ให้นำน้ำเข้าแปลงเพียงเล็กน้อย ระดับน้ำสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร หลังจากปลูกได้ 30 วันขึ้นไป ก็นำน้ำเข้าแปลงให้มีระดับน้ำสูง 40-50 เซนติเมตร เมื่อผักบุ้งจีนอายุประมาณ 90-100 วัน จะทอดยอดคลุมทั้งนาผักบุ้งและมีการออกดอกติดผลเต็มที่แล้วให้ระบายน้ำออกจากแปลงทั้งหมด เมื่อเมล็พันธุ์ผักบุ้งจีนแก่สามารถเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ได้ พื้นที่ปลูกผักบุ้งจีนก็จะแห้งพอดีทำให้สะดวกในการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์
การกำจัดวัชพืช หลังจากปักดำท่อนพันธุ์ผักบุ้งจีนลงแปลงนาแล้วควรมีการกำจัดวัชพืชโดยวิธีถอนด้วยมือ หรือฉีดพ่นสารเคมีคุมการงอกของวัชพืชด้วยทุกครั้ง เพราะจะสะดวกและประหยัดแรงงานกว่าการกำจัดวัชพืชด้วยมือ
การใส่ปุ๋ย ในแหล่งปลูกผักบุ้งจีนแบบนาผักบุ้งที่สามารถหาปุ๋ยคอกมาใส่แปลงปลูกได้ไม่ยากนัก เช่น ปุ๋ยคอกจากมูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย เป็นต้น ควรมีการใส่ปุ๋ยคอกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยหว่านลงแปลงหลังจากใช้รถแทรกเตอร์ไถดะเตรียมแปลงครั้งแรก พอถึงช่วงการไถครั้งที่ 2 หรือช่วงการคราดดินทำเทือก จะคราดปุ๋ยกลบลงไปในแปลงปลูกผักบุ้งจีนได้ ส่วนปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านรองพื้นก่อนปลูก และเมื่อผักบุ้งจีนมีอายุได้ 60 วัน หรือใกล้ช่วงออกดอกติดผล ควรมีการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบที่มีธาตุอาหารครบทั้ง 3 ตัว (เอ็น-พี-เค) โดยการเลือกปุ๋ยที่มีธาตุอาหารตัวกลางสูง ๆ เช่น 20-30-20 จะช่วยให้ผักบุ้งจีนมีการออกดอกและติดผลได้ดีขึ้น
การจัดเถา เมื่อผักบุ้งจีนเริ่มทอดยอดหลายยอดแล้ว ควรมีการจัดเถาผักบุ้งจีนให้เลื้อยคลุมแปลงเต็มพื้นที่ ไม่ควรปล่อยให้ผักบุ้งจีนทอดยอดไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไปเพราะยอดหรือเถาผักบุ้งจีนจะทับกันมากทำให้เป็นโรคใบจุดหรือเน่าเสียหายได้ง่าย สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนมากขึ้น
การป้องกันกำจัดโรคและแมลง
การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์แบบนาผักบุ้งนั้น
จะใช้เวลาตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ประมาณ 4-5 เดือน
ซึ่งช่วงดังกล่าวอาจมีโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนเข้าทำลายใบ ลำต้น ดอกผล และเมล็ด
ทำให้ผลผลิตต่ำ เมล็ดพันธุ์มีคุณภาพไม่ดี หรือไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ฉะนั้นผู้ปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่มจะต้องมีการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนอยู่เสมอ
ทั้งในแหล่งปลูกหรือในบริเวณใกล้เคียงออกให้หมดเพื่อป้องกันไม่ให้มีการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างผักบุ้งจีนกับผักบุ้งไทยเพราะจะทำให้เมล็ดผักบุ้งจีนมีคุณภาพต่ำและมีการกลายพันธุ์ได้
การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์
หลังจากปลูกผักบุ้งจีนได้ 4-5 เดือน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปีจะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ได้ โดยสังเกตจากฝักผักจีนจะแห้งมีสีน้ำตาลจำนวนมากประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของต้นที่ปลูก ก็ให้นำน้ำออกจากแปลง พอดินแห้งดีให้ใช้จอบถากที่โคนต้นหรือจะใช้เคียวเกี่ยวข้าวเกี่ยวที่โคนต้นก็ได้แล้วปล่อยทิ้งไว้ที่แปลง เมื่อผักบุ้งจีนแห้งให้ม้วนเถามากองรวมกัน ผึ่งไว้จนแห้งแล้วนำมานวดด้วยเครื่องนวดและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้เช่นเดียวกับผักบุ้งจีนที่ปลูกในที่ดอน
โรคและแมงศัตรูของผักบุ้งจีน
โรคที่สำคัญของผักบุ้งจีน
1. โรคราสนิมขาว จะเกิดกับทั้งผักบุ้งจีนที่บริโภคสดและที่นำมาผลิตเมล็ดพันธุ์ สาเหตุเกิดจากเชื้อราอัลบูโก ไอโปเมีย แพนดูราเต้ (Albugo ipomoeae-panduratae) ระบาดมากในช่วงฤดูฝน หรือช่วงที่แปลงปลูกมีความชื้น
ลักษณะอาการ จะเกิดเป็นจุดหรือตุ่มนูน ๆ สีขาวอยู่ใต้ใบ ถ้าเป็นมาก ๆ จะพบตุ่มนูนขาวที่ใบเต็มไปหมด และหลังใบจะเป็นจุดสีเหลือง ทำให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโตและไม่น่ารับประทาน
การป้องกันกำจัด ในแปลงปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสด มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น
ควรคลุกเมล็ดก่อนปลูกด้วยสารเมทาแล็คซิล เช่น เอพรอน 35 อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์
1 กิโลกรัม หรือจะใช้สารไดเทนเอ็ม 45 อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นในช่วงที่มีโรคระบาด
ส่วนในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนซึ่งมีอายุการปลูกยาวนานกว่าการปลูกเพื่อบริโภคสด
ควรใช้สารเมทาแล็คซิล เช่น ริโดมิล อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นเมื่อพบมีการระบาดของโรคราสนิมขาว
2. โรคเน่าคอดิน
จะพบมากในแปลงปลูกที่มีการหว่านเมล็ดพันธุ์แน่นเกินไปและดินปลูกมีความชื้นสูงมาก
สาเหตุเกิดจากเชื้อราไฟเที้ยม (Pythium spp.)
ลักษณะอาการ จะเกิดแผลเน่าที่โคนต้นกล้าของผักบุ้งจีนที่ขึ้นมาใหม่ทำให้ต้นกล้าเหี่ยวตายอย่างรวดเร็ว
การป้องกันกำจัด ควรมีการคลุกเมล็ดผักบุ้งจีนก่อนปลูกด้วยสารเมทาแล็คซิล เช่น
เอพรอน 35 อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน 1 กิโลกรัม หรือใช้สารฟอเซฟิล เช่น
อาลิเอท อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเมื่อพบมีการระบาดของโรคเน่าคอดิน
3. โรคใบจุด
จะพบระบาดทั้งผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดและเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
แต่ผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ซึ่งใช้เวลาปลูกหลายเดือนจะพบมีโรคใบจุดมากกว่า
สาเหตุเกิดจากเชื้อราเชอโคสปอร่า (Cercospora spp.)
ลักษณะอาการ จะเริ่มมีจุดวงกมหรือจุดสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลแดงบนใบผักบุ้งจีน ต่อมาแผลจะขยายเป็นจุดใหญ่ บริเวณตรงกลางแผลจะสังเกตเห็นมีจุดไข่ปลาสีดำเล็ก ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อราขึ้นเป็นกระจุก ถ้าเป็นมากใบผักบุ้งจีนจะเหลืองและแห้ง
การป้องกันกำจัด
ในแปลงปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล้ดพันธุ์ควรมีการจัดเถาผักบุ้งจีนบ้าง
อย่าให้เถาผักบุ้งจีนทอดยอดเลื้อยมาทับถมกันมาก และควรมีการฉีดพ่นสารเบนโนมิล เช่น
เบนเลท อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อพบมีการระบาดของโรคใบจุด
4. โรครากปม จะระบาดเฉพาะแหล่งโดยจะพบทั้งในผักบุ้งจีน
เพื่อการบริโภคสดและเพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ สาเหตุเกิดจากไส้เดือนฝอย
ลักษณะอาการ รากของผักบุ้งจีนจะมีลักษณะเป็นปมขนาดต่าง ๆ กัน ทำให้ต้นแคระแกร็น และชะงักการเจริญเติบโต
การป้องกันกำจัด ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพื่อบำรุงดิน
และก่อนปลูกควรหว่านสารคาร์โบฟูเรน เช่น ฟูราดาน
แต่ถ้าพบการระบาดมากควรเปลี่ยนพื้นที่ปลูกใหม่หรือมีการปลูกพืชหมุนเวียนหลาย ๆ พืช
แล้วกลับมาปลูกผักบุ้งจีนใหม่
แมลงศัตรูที่สำคัญของผักบุ้งจีน
1. ตั๊กแตน
จะกัดกินใบผักบุ้งจีนเสียหายทั้งในแปลงผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดและแปลงผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล้ดพันธุ์
ในแหล่งปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ ในแหล่งปลูกผักบุ้งจีนที่มีวัชพืชรอบ ๆ
แปลงปลูกมาก หรือบริเวณที่อยู่ใกล้ป่าเขาจะพบตั๊กแตนหลายชนิดกัดกินใบผักบุ้งจีนมาก
การป้องกันกำจัด หมั่นทำความสะอาดวัชพืชรอบ ๆ แปลงปลูกผักบุ้งจีน
หรือใช้สารคาร์บาริล เช่น เชฟวิน 85 อัตรา 15 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นในช่วงที่พบการระบาดของตั๊กแตน
2. ด้วงเต่าแตง
เป็นแมลงปีกแข็ง ขนาดลำตัวยาว 0.8 เซนติเมตร สีแดงอมแสดและสีน้ำตาลเกือบดำ
ปีกคู่แรกแข็งเป็นมัน เคลื่อนไหวช้า เป็นแมลงที่ระบาดเฉพาะแหล่ง
พบมากในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
โดยด้วงเต่าแตงจะกัดกินใบผักบุ้งจีนให้เสียหายได้
การป้องกันกำจัด
หมั่นตรวจดูแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในเวลาเช้าขณะที่แดดไม่จัด
ถ้าพบด้วงเต่าแตงให้จับทำลาย แต่ถ้ามีการระบาดมากให้ฉีดพ่นด้วยสารคาร์บาริล เช่น
เชฟวิน 85 อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
3. หนอนกระทู้ผัก
เป็นหนอนผีเสื้อ ลำตัวอ้วนป้อม ตัวโตเต็มที่ยาว 3-4 เซนติเมตร
ผิวหนังเรียบคล้ายหนอนกระทู้หอม
มีการระาดเฉพาะแหล่งพบมากในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
โดยหนอนกระทู้ผักจะกัดกินใบผักบุ้งจีนให้เป็นรูพรุนไปหมด
การป้องกันกำจัด ใช้สารโพรทีโอฟอส เช่น โตกุไธออน อัตรา 40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
หรือใช้สารเดลทาเมทริน เช่น เดชิส อัตรา 15 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นในช่วงที่มีการระบาดของหนอนกระทู้ผัก
4. ด้วงเจาะฝักและเมล็ดพันธุ์
พบมากในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
โดยจะเข้าทำลายตั้งแต่ฝักอ่อนจนถึงเมล็ดพันธุ์ ทำให้ผลผลิตต่ำเมล็ดไม่ได้คุณภาพ
การป้องกันกำจัด ใช้สารเมทโธมิล เช่น แลนเนท อัตรา 6-8 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
หรือใช้สารคาร์โบซัลแฟน เช่น พอสซ์ อัตรา 30 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นในช่วงที่พบด้วงเจาะฝักและเจาะเมล็ดระบาด
สำหรับเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการเก็บรักษาควรมีการคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารคาร์บาริล เช่น
เชฟวิน 85 อัตรา 15-20 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม
5. เพลี้ยอ่อน
เป็นแมลงขนาดเล็ก ขนาดตั้งแต่ 1.5-2 มิลลิเมตร ลำตัวมีสีเขียวชอบอยู่เป็นกลุ่ม
ๆ จะดูดน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ผักบุ้งจีนอ่อนแอ
ถ้าดูดกินช่อดอกจะทำให้ผักบุ้งจีนไม่ติดฝักหรือเมล็ดไม่สมบูรณ์
เป็นแมลงที่ระบาดเฉพาะแหล่ง พบในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
การป้องกันกำจัด ถ้าระบาดไม่มาก ให้ตัดใบหรือลำต้นไปเผาทำลาย แต่ถ้าระบาดมากให้ใช้สารโมโนโครโตฟอส เช่น นูวาคอน อัตรา 25 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร หรือใข้สารคาร์บาริล เช่น เชฟวิน 85 อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในช่วงที่มีการระบาดของเพลี้ยอ่อน
»
หลักการผลิตเมล็ดพันธุ์ผัก
» การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
»
การปลูกข้าวโพดหวานเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
»
การปลูกผักกาดหอมเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
»
การปลูกแตงกวาเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์