สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy)
ยาเสพติดประเภทกระตุ้นประสาท
ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) เป็นยาเสพติดกลุ่มเดียวกัน
จะแตกต่างกันบ้างในด้านโครงสร้างทางเคมี เท่าที่พบส่วนใหญ่
จะมีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญ คือ
3, 4- Methylenedioxymetham-phetamine (MDME),
3, 4- Methylenedioxyamphetamine (MDA) และ
3, 4- Methylenedioxyethylamphetamine (MDE หรือ MDEA)
ลักษณะของยาอี มีทั้งที่เป็นแคปซูลและเป็นเม็ดยาสีต่าง ๆ แต่ที่พบในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8-1.2 ซม. หนา 0.3-0.4 ซม. ผิวเรียบ และปรากฏสัญลักษณ์บนเม็ดยาเป็นรูปต่าง ๆ เช่น กระต่าย, ค้างคาว, นก, ดวงอาทิตย์, PT ฯลฯ เสพโดยการรับประทานเป็นเม็ด จะออกฤทธิ์ภายในเวลา 45 นาที และฤทธิ์ยาจะอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 6-8 ชม.
ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี เป็นยาที่แพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบเที่ยวกลางคืน ออกฤทธิ์ใน 2 ลักษณะ คือ ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทในระยะสั้น ๆ หลังจากนั้นจะออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง ฤทธิ์ของยาจะทำให้ผู้เสพรู้สึกร้อน เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง การได้ยินเสียง และการมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดไปจากความจริง เคลิบเคลิ้ม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ อันเป็นสาเหตุที่จะนำไปสู่พฤติกรรมเสื่อมเสียต่าง ๆ และจากการค้นคว้าวิจัยของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน พบว่า ยาชนิดนี้มีอันตรายร้ายแรง แม้จะเสพเพียง 1-2 ครั้ง ก็สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้ผู้เสพมีโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายและยังทำลายเซลส์สมองส่วนที่ทำหน้าที่ส่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการควบคุมอารมณ์ให้มีความสุข ซึ่งผลจากการทำลายดังกล่าวจะทำให้ผู้เสพเข้าสู่สภาวะของอารมณ์ที่เศร้าหมองหดหู่อย่างมากและมีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ
ฤทธิ์ในทางเสพติด :ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทในระยะสั้น ๆ จากนั้นจะออกฤทธิ์หลอนประสาท มีอาการติดยาทางจิตใจ ไม่มีอาการขาดยาทางร่างกาย
อาการผู้เสพ :เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ระบบประสาทการรับรู้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด (Psychedelic) ทำให้การได้ยินเสียงและการมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดไปจากความเป็นจริง เคลิบเคลิ้ม ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
โทษที่ได้รับ :การเสพยาอีก่อให้เกิดผลร้ายหลายประการดังนี้
1. ผลต่ออารมณ์ เมื่อเริ่มเสพในระยะแรกยาอีจะออกฤทธ์กระตุ้นประสาท
ให้ผู้เสพรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
เป็นสาเหตุให้เกิดพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ
2. ผลต่อการรับรู้ การรับรู้จะเปลี่ยนแปลงไปจากความเป็นจริง
3. ผลต่อระบบประสาท ยาอีจะทำลายระบบประสาท
ทำให้เซลล์สมองส่วนที่ทำหน้าที่หลั่งสารซีโรโทนิน (Serotonin)
ซึ่งเป็นสารสำคัญในการควบคุมอารมณ์นั้น ทำงานผิดปกติกล่าวคือ
เมื่อยาอีเข้าสู่สมองแล้ว จะทำให้เกิดการหลั่งสาร"ซีโรโทนิน"
ออกมามากเกินกว่าปกติส่งผลให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน
แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปสารดังกล่าวจะลดลง ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า
หดหู่อย่างมากอาจกลายเป็นโรคจิตประเภทซึมเศร้า (Depression)
และอาจเกิดสภาวะอยากฆ่าตัวตาย นอกจากนี้การที่สารซีโรโทนินลดลง
ยังทำให้ธรรมชาติของการหลับนอนผิดปกติ จำนวนเวลาของการหลับลดลง นอนหลับไม่สนิท
จึงเกิดอาการอ่อนเพลียขาดสมาธิในการเรียน และการทำงาน ผลต่อสภาวะการตายขณะเสพ
มักเกิดเมื่อผู้เสพสูญเสียเหงื่อมากจากการเต้นรำ ทำให้เกิดสภาวะขาดน้ำอย่างฉับพลัน
หรือกรณีที่เสพยาอีพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมาก หรือผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ
จะทำให้เกิดอาการช็อคและเสียชีวิตได้
» ยาเสพติด
» สิ่งเสพติดประเภทต่างๆ
- ฝิ่น (Opium)
- มอร์ฟีน (Morphine)
- เฮโรอีน (Heroin)
- สารระเหย (Inhalant)
- ยานอนหลับ (Sleeping potion)
- ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy)
- กระท่อม (Kratom)
- โคเคน (Cocaine)
- ยาบ้า
- แอลเอสดี (LSD : Lysergic acid diethylamide)
- D.M.T.
- เห็ดขี้ควาย(Magic Mushroom)
- ยาเค
- กัญชา (Cannabis)
» โทษพิษภัยของยาเสพติด
» สาเหตุทั่วๆไปของการติดสิ่งเสพติด
» ลักษณะบุคคลที่ติดสิ่งเสพติด
» อาการผู้ติดสิ่งเสพติด
» การรักษาผู้ติดสิ่งเสพติด
» สถานพยาบาลผู้ติดสิ่งเสพติด
» การป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติด
» กฎหมายสิ่งเสพติดกับการลงโทษ