สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
กฎหมายสิ่งเสพติดกับการลงโทษ
พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534
แม้ว่า กฎหมายหลักที่ใช้บังคับหลักที่ใช้บังคับอยู่ ซึ่งได้แก่
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 และพระ
ราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ได้บัญญัติโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตไว้ก็ตาม
การปราบปรามยาเสพติดก็ยังไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ ควร
เพราะนักค้ายาเสพติดได้พัฒนาขีดความสามารถเป็น " องค์กรอาชญากรรม " (Organized
Crime ) และขยายตัวออกไปสู่ระดับประเทศในรูป ของ " อาชญากรรมสากล " ( Universal
Crime) มีการดำเนินการอย่างสลับซับซ้อน ยากต่อการแสวงหาพยานหลักฐาน
ให้เพียงพอแก่การพิจารณา สั่งโทษของศาลได้ แม้ในบางครั้งอาจจะจับกุมและศาลลงโทษ
แต่ก็ไม่สามารถปราบปรามได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจาก " เงิน " ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ
ในวงจรการค้ายาเสพติด ยังไม่ได้ถูกำจัดด้วย สำนักงาน ป.ป.ส.
ได้มีส่วนผลักดันให้มีการตรากฎหมาย
"พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534"
ขึ้นมาใช้บังคับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โดยเฉพาะการมุ่งเอาผิดต่อผู้ค้ายาเสพติดระดับ นายทุน
และตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการกระทำผิด
และริบทรัพย์สินที่ได้รับมาจากการค้ายาเสพติดเพื่อขจัดแหล่งเงินทุนในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โดยกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2534 ซึ่ง มีมาตรการสำคัญ 2
ประการ คือ
1.มาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดฐานสมคบ
โดยกำหนดให้การกระทำที่เป็นการสมคบ
หรือตกลงกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นความผิดทางอาญา
ซึ่งเป็นการเพิ่มฐานความผิดทางอาญา เพื่อให้มีโอกาสจับกุมนายทุน
หรือตัวการสำคัญมาลงโทษได้มากขึ้น และเนื่องจากความผิดในข้อหานี้
มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้ดำเนินการกับตัวการใหญ่หรือนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง
และเพื่อป้องกันการนำมาตรการพิเศษนี้ไปใช้ในทางที่ผิดกฏหมาย
จึงกำหนดให้การดำเนินการตามมาตราการนี้ ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการ ป.ป.ส. ก่อน
2.มาตรการริบทรัพย์สิน
แต่เดิมการริบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดยาเสพติด
เป็นไปตามประมวลกฏหมายอาญา โดยศาลมีอำนาจสั่งริบทรัพย์ที่ผู้ต้องหาหรือจำเลย
ใช้หรือมีไว้ในการใช้เกี่ยวกับ ยาเสพติดและทรัพย์สิน
ที่ได้รับมาจากการกระทำความผิดเท่านั้น
แต่ไม่สามารถริบทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีอยู่จำนวนมาก เช่น บ้าน ที่ดิน
เงินฝาก ยานพาหนะ เครื่องประดับ ตลอดจนทรัพย์สินมีค่า และสิทธิเรียกร้องอื่นๆ
ที่แปรสภาพมาจากรายได้จากการค้ายาเสพติด
ปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้ไขด้วยกระบวนการตรวจสอบทรัพย์สิน ตามที่บัญญัติใน พ.ร.บ.
มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ผู้ต้องหาหรือจำเลย
ได้รับมาหรือแปรสภาพมาจาก รายได้จากการค้ายาเสพติดได้ กล่าวโดยสรุป คือ
เมื่อใดก็ตามที่ผู้ค้ายาเสพติดถูกจับกุมดำเนินคดี
บรรดาทรัพย์สินที่บุคคลเหล่านั้นมีอยู่หรือได้มาจากการค้ายาเสพติด
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพเดิม เช่น เงินสด หรือเปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์สิน อื่น เช่น
เงินฝาก บ้าน ที่ดิน ยานพาหนะ เครื่องประดับ อัญมณี
หรืออยู่ในความครอบครองหรือถูกโอนไปเป็นของผู้อื่น เช่น บุตร ภรรยา ญาติพี่น้อง
หรือบุคคลภายนอก เป็นต้น จะถูกคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน หรือเลขาธิการ ป.ป.ส.
สั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเท
จากนั้นหากผู้ต้องหาหรือผู้เกี่ยวข้องเหล่านี้ไม่
สามารถพิสูจน์ได้ว่า ได้ทรัพย์สินเหล่านี้มาจากการประกอบอาชีพ
โดยสุจริตหรือซื้อมาโดยถูกต้อง
คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินก็จะขอให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาล
เพื่อให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งริบทรัพย์สินเหล่านั้น
ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งกองทุนจะได้
นำทรัพย์สินเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เนื่องจาก
ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด
ผู้กระทำความผิดมีหน้าที่ในรูปของขบวนการแบบมีเครือข่าย
มีการสมคบและวางแผนกันในการกระทำความผิด เมื่อได้ทรัพย์สินมาจากการค้ายาเสพติด
ก็จะนำไปขยายเครือข่ายอาชญากรรม และแสวงประโยชน์ในเศรษฐกิจส่วนตัว
ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่สุจริตอื่นๆ ตามกฏหมายฉบับนี้
จึงกำหนดให้มีความผิดฐานสมคบ
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถจับกุมและดำเนินคดีกับผู้เป็นตัวการค้ายาเสพติด
ซึ่งอยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดได้ นอกจากนี้
กฎหมายยังได้กำหนดให้มีมาตรการการริบทรัพย์สิน
ซึ่งเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ด้วยไม่ว่าทรัพย์สินนี้
จะได้เปลี่ยนสภาพไปกี่ครั้งก็ตาม
เพื่อเป็นการตัดแรงจูงใจและมิให้ผู้ค้ายาเสพติดได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าว
ความผิดในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
กำหนดให้บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป
ที่ทำการตกลงกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหาสำคัญ 5 ข้อหาคือ ผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย และครอบครอง
เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดมีความผิดต้องโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่
เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และถ้าได้มีการกระทำความผิดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันแล้ว จะต้องได้รับโทษ
หนักขึ้นเช่นเดียวกับผู้ที่ไปทำความผิดนั่นเองทีเดียว ( มาตรา 8)
เนื่องจากความผิดในข้อหาสมคบนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้กับผู้เป็นตัวการใหญ่หรือ
นายทุนที่อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด เท่านั้น
กฎหมายนี้จึงกำหนดให้การจับกุมหรือการแจ้งข้อหาสมคบรวมทั้งข้อหาสนันสนุนช่วยเหลือต้องได้อนุมัติจากเลขาธิการ
ป.ป.ส. ก่อน ( มาตรา 14 )
จึงเป็นการกลั่นกรองให้นำความคิดพิเศษนี้มาใช้ตรงตามความประสงค์ที่ตั้งไว้
และเป็นการป้องกันมิให้ มีการนำความผิดนี้ไปใช้เพื่อกลั่นแกล้งผู้บริสุทธิ์
การริบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
เมื่อบุคคลใดถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในแปดข้อหา คือ ผลิต นำเข้า
ส่งออก จำหน่าย ครอบครองเพื่อจำหน่าย สมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ
หรือพยายามกระทำความผิด ตามกฎหมายนี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน
ซึ่งประกอบด้วย บุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม
ให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหานั้น หรือของผู้อื่น ว่าเป็น
ทรัพย์สินใดเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว จะมีการริบ ยึด
หรืออายัดทรัพย์สินนั้นไว้ แล้วส่งให้อัยการยื่นคำร้องขอต่อศาล
ให้ริบทรัพย์สินนั้นต่อไป เว้นแต่ผู้ตรวจสอบหรือ เจ้าของทรัพย์สิน
จะนำสืบได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวกับการกระทำผิด
กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ทรัพย์สินที่จะตกเข้า กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มี 3 ประเภทคือ
ก. ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ซึ่งศาลสั่งริบ
ข. ทรัพย์สินของกลาง
ค. ทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนโดยผลทางกฏหมาย ซึ่งได้แก่
ทรัพย์สินที่พนักงานอัยการ มีคำสั่ง
เด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง แต่ไม่มีผู้ใดมาขอรับคืนภายใน 1 ปี รวมทั้งทรัพย์สิน ที่ไม่อาจดำเนินคดีได้ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิด และไม่อาจจับตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยได้ และทรัพย์สินที่ไม่อาจดำเนินคดีต่อไปได้ เพราะเหตุที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยถึงแก่ความตาย
» ยาเสพติด
» สิ่งเสพติดประเภทต่างๆ
- ฝิ่น (Opium)
- มอร์ฟีน (Morphine)
- เฮโรอีน (Heroin)
- สารระเหย (Inhalant)
- ยานอนหลับ (Sleeping potion)
- ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy)
- กระท่อม (Kratom)
- โคเคน (Cocaine)
- ยาบ้า
- แอลเอสดี (LSD : Lysergic acid diethylamide)
- D.M.T.
- เห็ดขี้ควาย(Magic Mushroom)
- ยาเค
- กัญชา (Cannabis)
» โทษพิษภัยของยาเสพติด
» สาเหตุทั่วๆไปของการติดสิ่งเสพติด
» ลักษณะบุคคลที่ติดสิ่งเสพติด
» อาการผู้ติดสิ่งเสพติด
» การรักษาผู้ติดสิ่งเสพติด
» สถานพยาบาลผู้ติดสิ่งเสพติด
» การป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติด
» กฎหมายสิ่งเสพติดกับการลงโทษ