ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สมถะวิปัสสนา
การแบ่งเวลานั่งเข้าที่ภาวนา
พระโยคาวจร ควรแบ่งกลางคืน และกลางวันออกเป็น ๖ ส่วนแล้ว ตื่นอยู่ ๕ ส่วน นอนหลับ ๑ ส่วน เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า พระโยคาวจรไม่พึงทำความหลับให้มาก
พระโยคาวจร ควรชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรม เครื่องกางกั้น(นิวรณ์) ด้วยการจงกรม และการนั่งตลอดวัน ควรชำระจิตให้บริสุทธิ์ตลอดวัน และธรรมเป็นเครื่องกางกั้น ตลอดปฐมยามแห่งราตรี แล้วสำเร็จสีหไสยา คือนอน คือนอน โดยข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ทำสัญญาในการตื่นขึ้นไว้ในใจ ตลอดมัชฌิมยามแห่งราตรี กลับตื่นขึ้นแล้วควรชำระจิตให้บริสุทธิ์จากเครื่องกางกั้น ด้วยการจงกรมและการนั่ง ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี
พระโยคาวจรไม่พึงทำความหลับให้มาก พึงมีความเพียรส่องเสพความเป็นผู้ตื่น พึงละเว้นความเกียจคร้าน ความลวง ความหัวเราะ การเล่นเมถุนธรรมอันเป็นไปกับด้วยการประดับฯ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิเทส
พระพุทธเจ้า ทรงเตือนให้ ลุกขึ้นนั่งภาวนา
เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด เธอทั้งหลายจะได้ประโยชน์อะไรด้วยการหลับ เพราะความหลับจะเป็นประโยชน์อะไรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เร่าร้อนเพราะโรคคือ กิเลสมีประการต่าง ๆ ถูกลูกศร คือ ราคะ เป็นต้น
แทงแล้วย่อยยับอยู่ เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด จงหมั่นศึกษาเพื่อสันติเถิด มัจจุราช คือความตายอย่ารู้ว่าเธอทั้งหลายประมาทแล้ว ยังเธอทั้งหลายผู้ตกอยู่ในอำนาจ ให้ลุ่มหลงเลย เธอทั้งหลายจงข้ามตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เทวดาและมนุษย์ ผู้มีความต้องการอาศัยรูปเป็นต้นดำรงอยู่ ขณะเวลาอย่าได้ล่วงเธอทั้งหลายไปเสีย เพราะว่าผู้ล่วงขณะเสียแล้ว เป็นผู้ยัดเยียดกันในนรกเศร้าโศกอยู่ ความประมาทเป็นดุจธุลี ตกต้องแล้วเพราะความมัวเมาในวัย เพราะฉะนั้น กุลบุตร ผู้เป็นบัณฑิตพึงถอนลูกศรคือ กิเลสมีราคะเป็นต้นของตนเสีย ด้วยความไม่ประมาทและด้วยอวิชชา