ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

สมถะวิปัสสนา

กุศลฌานปัญจกนัย ฌาน ๕

ปฐมฌานปฐวีกสิณ ภิกษุในศาสนานี้ เจริญมรรคปฏิปทา เข้าถึงรูปภพ สงัดจากกาม จากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌานมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ อันประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีคิ สุข อันเกิดแต่วิเวกอยู่ ในสมัยใด ฌานมีองค์ ๕ คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาแห่งจิต มีในสมัยนั้นนี้เรียกว่า ปฐมฌาน ธรรมที่เหลือทั้งหลายเรียกว่าธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน

ทุติยฌานปฐวีกสิณ ภิกษุในศาสนานี้เจริญมรรคปฏิปทาเพื่อเข้าถึงรูปภพ บรรลุทุติยฌานมีปฐวีกสิณเป็นอารมณื ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ ใสมัยใดฌานมีองค์๔ คือ วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาแห่งจิตมีในสมัยนั้นนี้เรียกว่า ทุติยฌาน ธรรมทีเหลือนี้เรียกว่า ธรรมที่สัปยุตด้วยฌาน

ตติยฌานปฐวีกสิณ ภิกษุในศาสนานี้เจริญมรรคปฏิปทาเพื่อเข้าถึงรูปภพ บรรลุตติยฌานมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ เป็นไปภายใน เป็นธรรมชาติผ่องใส เพราะวิตก วิจาร สงบ เป็นธรรมเอกผุดขึ้นในใจ ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติ และสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ ในสมัยใดฌานมีองค์ ๓ คือ ปีติ สุข เอกัคคตาแห่งจิต มีในสมัยนั้นนี้เรียกว่า ตติยฌาน ธรรมทั้งหลายที่เหลือเรียกว่าธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน

จตุถฌานปฐวีกสิณ ภิกษุในศาสนานี้ เจริญมรรคปฏิปทา เพื่อเข้าถึงรูปภพ เพราะคลายปีติได้อีกด้วย จึงเป็นผู้มีจิตเป็นอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย บรรลุจตุถฌานมีปฐวีกสินเป็นอารมณ์ จึงเป็นฌานที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสรรเสริญว่าผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีจิตเป็นอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข มีในสมัยใดฌานมีองค์ ๒ คือ สุข เอกัคคตาแห่งจิต มีในสมัยนั้นนี้เรียกว่า จตุถฌาน ธรรมที่เหลือนี้เรียกว่า ธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน

ปัญจมฌานปฐวีกสิณ ภิกษุในศาสนานี้ เจริญมรรคปฏิปทาเพื่อเข้าถึงรูปภพ บรรลุปัญจมฌานมีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละทุกข์ ละสุขได้ เพราะโสมนัส และ โทมนัสดับสนิทในกาลก่อน มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่ในสมัยใดฌานมีองค์ ๒ คือ อุเบกขา เอกัคคตาแห่งจิต มีในสมัยนั้นนี้เรียกว่า ปัญจมฌาน ธรรมทั้งหลายที่เหลือ เรียกว่าธรรมที่สัมปยุตด้วยฌาน

<< ย้อนกลับ | สารบัญ | หน้าถัดไป >>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย