ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

สมถะวิปัสสนา

อุปมานิวรณ์ธรรม ๒

เปรียบเหมือนหนี้ เหมือนโรค เหมือนเรือนจำ เหมือนความเป็นทาส เหมือนทางไกลกันดาร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลายกิจที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปเป็นอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ล้อมฟาง เธอกลับจากบิณฑบาต ในภายหลังภัตแล้ว นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอละความเพ่งเล็งในโลกแล้ว ใจมีความปราศจากความเพ่งเล็งอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความเพ็งเล็งได้ ละความประทุษร้ายคือพยาบาทแล้ว ไม่คิดพยาบาท มีความกรุณาหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้ายคือ พยาบาทได้ ละถีนมิทธได้แล้ว เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธ มีความสำคัญหมายอยู่ที่แสงสว่าง มีสติสัมปชัญญะ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธได้ ละอุทธัจจะกุกกุจจะได้แล้วเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบ ณ ในภายในอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจะกุกกุจจะได้ ละวิจิกิจฉาได้แล้ว เป็นผู้ข้ามวิจิกิจจาได้แล้ว ไม่มีความคลางแคลงในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉาได้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงกู้หนี้ไป ประกอบการงาน การงานเหล่านั้นเขาถึงสำเร็จผล เขาพึงจะใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้น และทรัพย์ที่เป็นกำไรของเขาจะพึงมี เหลืออยู่สำหรับเลี้ยงภรรยา เขาพึงจะมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเรากู้หนี้ไปประกอบการงาน บัดนี้การงานของเราสำเร็จผลแล้ว เราได้ใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้นแล้ว และทรัพย์ที่เป็นกำไรของเรายังมีอยู่สำหรับเลี้ยงภรรยา ดังนี้ เขาพึงจะได้ ความปราโมท ถึงความโสมนัส มีความไม่มีหนี้นั้นเป็นเหตุ ฉันใด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเปรียบเหมือนบุรุษจะพึงเป็นผู้มีอาพาธ ถึงความลำบาก เจ็บหนัก บริโภคอาหารไม่ได้และไม่มีกำลังกายสมัยต่อมา เขาพึงหายจากอาพาธนั้น บริโภคอาหารได้ และมีกำลังกาย เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน เราเป็นผู้มีอาพาธถึงความลำบาก เจ็บหนัก บริโภคอาหารไม่ได้ และไม่มีกำลังกาย บัดนี้ เราหายจากอาพาธนั้นแล้วบริโภคอาหารได้ มีกำลังกาย ดังนี้เขาจะถึงความปราโมท ถึงความโสมนัส มีความไม่มีโรคนั้นเป็นเหตุฉันใด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงถูกจองจำในเรือนจำ สมัยต่อมาเขาพึงพ้นจากเรือนจำโดยสวัสดี ไม่เสียทรัพย์อะไรเลย เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่าเมื่อก่อน เราถูกจองจำในเรือนจำบัดนี้ เราพ้นจากเรือนจำโดยสวัสดีไม่มีภัยแล้ว ไม่ต้องเสียทรัพย์อะไร ๆ เลย ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมท ถึงความโสมนัส มีการพ้นจากเรือนจำนั้นเป็นเหตุฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษพึงเป็นทาสพึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งผู้อื่นไปไหนตามความพอใจไม่ได้ สมัยต่อมาเขาพึงพ้นจากความเป็นทาสนั้น พึ่งตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น เป็นไทแก่ตัวไปไหนได้ตามความพอใจ เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นทาส พึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งผู้อื่นไปไหนตามความพอใจไม่ได้ บัดนี้เราพ้นจากความเป็นทาสนั้นแล้ว พึ่งตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น เป็นไทแก่ตัวไปไหนได้ตามความพอใจดังนี้ เขาพึงจะได้ความปราโมท ถึงความโสมนัสมีความเป็นไทแก่ตัวนั้นเป็นเหตุฉันใด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษมีทรัพย์ มีโภคทรัพย์ จึงพึงเดินทางไกลกันดาร สมัยต่อมาเขาพึงข้ามพ้นทางกันดารนั้นได้โดยสวัสดี ไม่มีภัยไม่ต้องเสียทรัพย์อะไร ๆ เลย เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน เรามีทรัพย์ มีโภคทรัพย์ เดินทางไกลกันดาร บัดนี้เราข้ามพ้นทางกันดารนั้นแล้วโดยสวัสดี ไม่มีภัยต้องเสียทรัพย์อะไรเลย ดังนี้เขาพึงจะได้ความปราโมท ถึงความโสมนัส มีภูมิสถานนั้นเป็นเหตุฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ ประการเหล่านี้ที่ยังละไม่ได้ในตน เหมือนหนี้ เหมือนโรค เหมือนเรือนจำ เหมือนความเป็นทาส เหมือนทางไกลกันดาร และพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ ประการเหล่านี้ที่ละได้แล้วในตน เหมือนความไม่มีหนี้ ความไม่มีโรค เหมือนความเป็นไทแก่ตน เหมือนภูมิสถานอันเกษม ฉันนั้นแล

<< ย้อนกลับ | สารบัญ | หน้าถัดไป >>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย