ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

สมถะวิปัสสนา

การเจริญอนุสสติต่างๆ

ธัมมานุสสติ โดยระลึกว่า ธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในเบื้องปลาย พร้อมด้วยอรรถ และ พยัญชนะ เพราะเป็นธรรมที่บุคคลพึงเห็นเอง ไม่กำหนดกาลโดยการกำหนด ควรเรียกให้มาดู ท่านจงดูธรรมนี้ ควรน้อมนำเข้าไปในจิตของตน,ของตนให้มีขึ้น พึงรู้ว่ามรรคเราเจริญแล้ว ผลเราบรรลุแล้ว ทำให้แจ้งในนิโรธ ซึ่งนิพพานแล

สังฆานุสสติ โดยระลึกว่า พระสงฆปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง มีปฏิปทาดีงาม ควรแก่การกราบไหว้ในบุคคลแปดจำพวก สี่คู่คือ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกทาคามิมรรค สกทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค อรหัตผล บุคคลแปดจำพวก สี่คู่นี้ เป็นผู้ควรรับของอันเขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่การสักการ เป็นผู้ควรซึ่งทักษิณาทาน เป็นผู้ควรกระทำอัญชลีกราบไหว้ เป็นเนื้อนาบของชาวโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า

สีลานุสสติ ระลึกโดยการพิจารณาว่า ศีลทั้งหลายของเราไม่ขาด ไม่ด่าง ไม่ทลุ ไม่พร้อย ผู้รู้สรรเสริญ มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น เมื่อพระโยคาวจรระลึกถึงศีลทั้งหลายของตน ไม่ขาด ไม่ด่าง ไม่ทลุ ไม่พร้อย เมื่อนั้นจิตไม่มีราคะ กลุ้มรุม จิตย่อมเกิดปราโมทย์ มีปีติ สงบเป็นสุขตั้งมั่นเป็นสมาธิ

จาคานุสสติ เมื่อจะเจริญจาคานุสสตินั้น ต้องเป็นผู้มีจิตน้อมไปในจาคะ คือ การบริจาค มีการแบ่งปันอยู่เป็นนิตย์ โดยเริ่มสมาทานว่า ตั้งแต่บัดนี้ไป เมื่อผู้รับทานมีอยู่ ถ้าเรายังมิได้ให้ทาน โดยแม้ข้าวสักคำหนึ่งแล้ว จะไม่บริโภค เมื่อระลึกการบริจาคของตนแล้ว ใจก็ปราศจากความตระหนี่ ยินดีในการเสียสละ พอใจในการให้ หากผู้ให้หมดอายุแล้ว ย่อมได้อายุทิพย์ และ ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย

เทวตานุสสติ ผู้เจริญเทวตานุสสติ ต้องเป็นผู้มีศรัทธา ตั้งเทวดาไว้ในฐานแห่งพยาน ระลึกถึงคุณศรัทธาของตนอย่างนี้ว่า เทวดาเหล่าจาตุมมหาราชิกามีอยู่ เทวดาเหล่าดาวดึงส์มีอยู่ เทวดาเหล่ายามามีอยู่ เทวดาเหล่าดุสิตมีอยู่ เทวดาเหล่านิมมานรดีมีอยู่ เทวดาเหล่าปรนิมมิตวสวัตดีมีอยู่ เทวดาจำพวกพรหมก็มี เทวดาเหล่านั้นประกอบไปด้วยศรัทธาอย่างใด จุติในภพนี้แล้วเกิดในภพนั้น แม้ศรัทธาอย่างนั้นของเราก็มี ดังนี้

มรณสติ โดยระลึกถึงความตายว่า ความตายนี้ย่อมมีเพราะสิ้นบุญบ้าง เพราะสิ้นอายุบ้าง เพราะสิ้นทั้งสองอย่างบ้าง ความตายย่อมมีแก่บุคคลทั้งหลาย วัน-คืน ล่วงไป ชีวิตก็ดับไป อายุก็สิ้นไป แม้พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก ราชามหากษัตริย์ก็ยังไม่พ้นจากความตาย แม้แต่ตัวเรา เมื่อพระโยคาวจรพิจารณาความตายจนได้อารมณ์เต็มที่ถึงที่ จิตย่อมข่มนิวรณธรรมได้ เพราะเกิดขึ้นด้วยกำลังแห่งการระลึกถึงความตาย

อุปสมานุสสติ โดยการระลึกถึง การระงับกาย การระงับจิต ความดับ คือ พระนิพพาน หมายเอาพระนิพพาน อุปสมานุสสตินี้ ย่อมสำเร็จแก่พระอริยสาวกเท่านั้น ถึงกระนั้น แม้ปุถุชนผู้หนักในอุปสมะก็ควรใส่ใจด้วย เพราะการฟังกายจิตก็สงบ จิตก็เลื่อมใสในอุปสมะได้

<< ย้อนกลับ | สารบัญ | หน้าถัดไป >>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย