ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สมถะวิปัสสนา
อาสวักขยญาณ
ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓ ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็นอย่างไร อินทรีย์ ๓ประการเป็นไฉน คือ
๑.อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
๒.อัญญินทรีย์
๓.อัญญาตาวินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ ย่อมมีฐานเท่าไร
อัญญินทรีย์ ย่อมมีฐานเท่าไร
อัญญาตาวินทรีย์ ย่อมมีฐานเท่าไร
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ ย่อมถึงฐาน หนึ่งคือ โสดาปัตติมรรค
อัญญินทรีย์ ย่อมถึงฐาน ๖ คือ
๑.โสดาปัตติผล
๒.สกทาคามิมรรค
๓.สกทาคามิผล
๔.อนาคามิมรรค
๕.อนาคามิผล
๖.อรหัตมรรค
อัญญาตาวินทรีย์ ย่อมถึงฐาน ๑ คือ อรหัตผล
ในขณะโสดาปัตติมรรค อนัญญาตัญญัสสมาตินทรีย์ มีศรัทธาซึ่งความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร วิริยินทรีย์มีการประคองไว้เป็นบริวาร สตินทรีย์มีความตั้งมั่นเป็นบริวาร สมาธินทรีย์มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นบริวาร ปัญญินทรีย์มีความเห็นเป็นบริวาร มนินทรีย์มีความรู้แจ้งเป็นบริวาร โสมนัสสินทรีย์ มีความยินดีเป็นบริวาร ชีวิตินทรีย์มีความเป็นอธิบดี ในความสืบต่อที่กำลังเป็นไปเป็นบริวาร ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะโสดาปัตติมรรคนอกจากรูปซึ่งมีจิตเป็นสมุฐาน เป็นกุศลทั้งหมดนั้นแล ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นธรรมเครื่องนำออก เป็นธรรมให้ความเป็นเครื่องไม่สั่งสม เป็นโลกุตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์ ในขณะโสดาปัตติมรรค อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์มีอินทรีย์ ๘ประการซึ่งมีสหชาติธรรมเป็นบริวาร มีธรรมอื่นเป็นบริวาร มีธรรมที่อาศัยกันเป็นบริวาร มีธรรมที่ประกอบกันเป็นบริวาร เป็นสหรคต เกิดร่วมกัน เกี่ยวข้องกัน ประกอบกัน ธรรมเหล่านั้นแลเป็นอาการเป็นบริวารอนัญญาติญญัสสามีตินทรีย์นั้น
๑.ในขณะโสดาปัตติผล อัญญินทรีย์มีสัทธินทรีย์ซึ่งมีความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร
ธรรมทั้งหลายที่เกิดใจโสดาปัตติผล ทั้งหมดนั้นแลเป็นอัพยากฤต
นอกจากรูปที่มีจิตเป็นสมุฐาน ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์
ในขณะโสดาปัตติผล อัญญินทรีย์มีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ ซึ่งมีสหชาติธรรมเป็นบริวาร
.ธรรมเหล่านั้นแลเป็นอาการและเป็นบริวารของอัญญินทรีย์นั้น ฯ
๒.ในขณะสกทาคามิมรรค ฯลฯ
๓.ในขณะสกทาคามิผล ฯลฯ
๔.ในขณะอนาคามิมรรค ฯลฯ
๕.ในขณะอนาคามิผล ฯลฯ
๖.ในขณะอรหัตมรรค ฯลฯ
ในขณะอรหัตผล อัญญาตาวินทรีย์ ฯลฯ ประกอบด้วยกันธรรมเหล่านั้นแล เป็นอาการบริวารของอัญญาตาวินทรีย์นั้น อินทรีย์ ๘ หมวดเหล่านี้ รวมเป็นอาการ ๖๔ ด้วยประการฉะนี้ เป็นเหตุให้ไปสู่อบาย ย่อมสิ้นไปเพราะ โสดาปัตติมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะแห่งโสดาปัตติมรรคนี้ กามาสวะส่วนหยาบๆ ภวาสะ อวิชชาสวะ ซึ่งตั้งอยู่ร่วมกันกับกามาสวะนั้น ย่อมสิ้นไปเพราะสกทาคามิมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปเพราะอนาคามิมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะอนาคามิมรรคนี้ ภวาสวะ อวิชชาสวะทั้งสิ้น ย่อมสิ้นไปเพราะอรหัตมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะอรหัตมรรคนี้ ฯ
ชื่อว่าญาณเพราะรู้ว่าธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญาเพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓ ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็น อาสวักขยญาณ