ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สมถะวิปัสสนา
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
๑.สัมมสนญาณนุปัสนาญาณ การกำหนดโดยความเป็นทุกข์ การกำหนดโดยความไม่เที่ยง
การกำหนดโดยความเป็นอนัตตา นี้เรียกว่า สัมมสนญาณ
๒.อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ปัญญาอันใดรู้ในธรรมทั้งหลายต่างๆ คือรู้ในที่บังเกิดขึ้น
แลฉิบหายไปแห่งเบ็ญจขันทั้งห้า
๓.ภังคานุปัสนาญาณ ปัญญาอันใดรู้พ้นจากอุทยัพพยญาณ แลเพ่งเล็งเห็นธรรมทั้งหลาย
ซึ่งทำลายดับสูญ
๔.ภยตูปัฏญานญาณ ปัญญาอันเพ่งเล็งอันแลเห็นซึ่งสังขารธรรมทั้งหลาย
อันปรากฏด้วยสามารถอันทำลาย อันควรกลัวยิ่งนัก ประดุจอันว่าสัตว์ร้ายทั้งหลาย
มีราชสีห์อันพึงกลัว
๕.อาทีนวานะปัสนาญาณ
ปัญญาอันใดอันเพ่งเล็งแลเห็นซึ่งโทษแห่งสังขารธรรมทั้งหลายอันควรจะเพ่งเล็งแลดูดังหนึ่ง
เห็นประดุจดังเรือนอันไฟไหม้
๖.นิพพิทานุปัสนาญาณ ปัยญาอันใดรุ้เห็นไปในสังขารธรรมทั้งหลาย
มีโทษอันตนเห็นแล้วนั้น ด้วยสามารถเบื่อหน่าย
๗..มุญจิตุกามยตาญาณ ปัญญาอันใดรู้เห็นไปด้วยสามารถปรารถนาอันจะพ้นจากธรรมทั้งหลาย
อันประกอบด้วยภูมิทั้ง ๓ นั้น ประดุจดังว่าสัตว์ทั้งหลายมีปลาเป็นต้น
อันตกอยู่ในข่ายและแหนั้น
๘.ปฏิสังขานุปัสนาญาณ ปัญญาอันใดรู้เห็นในธรรมทั้งหลาย มีโทษอันตนแลเห็นแล้ว
แสวงหาอุบายที่จะพ้นด้วยสามารถอันพิจารณาเนื่องๆ ประดุจดังว่านกกาน้ำกลืนกิน
ปลาติดคอปรารถนาจะใคร่พ้นทุกข์
๙.สังขาระเปกขาญาณ ปัญญาอันใดอันเป็นไปด้วยอาการอุเบกขาในสังขารธรรมทั้งหลาย
มีโทษอันตนเห็นแล้ว ประดุจว่าบุรุษมีภรรยาอันตราย
๑๐.สัจจานุโลมิกญาณ ปัญญาอันใดคือวิปัสสนาจิต อันติดเสียซึ่งกระแสภวังค์ สองขณะ
สามขณะ ในลำดังจิตอันพิจารณาในมโนทวาร และปรารภเอาซึ่งอนิจลักษณะเป็นต้น
อันใดอันหนึ่งบังเกิดขึ้นด้วย ชื่อว่า บริกรรมแล อุปจาร แลอนุโลมเป็นที่สุด
แห่งสังขารุเปกขาญาแห่งกาลนั้น ด้วย คิดว่ามัคญาณบังเกิดในกาลบัดนี้แก่เรา
ปัญญาในการออกและหลีกไปจากสังขารนิมิตภายนอก เป็นโคตรภูญาณอย่างไร
ชื่อว่า โคตรภู เพราะอรรถว่าครอบงำความเกิดขึ้น ครอบงำความเป็นไป ครอบงำนิมิต ครอบงำกรรมเครื่องประมวลมา ครอบงำปฏิสนธิ ครอบงำสติ ครอบงำบังเกิด ครอบงำอุบัติ ครอบงำชาติ ครอบงำชรา ครอบงำพยาธิ ครอบงำมรณะ ครอบงำความเศร้าโศก ครอบงำความรำพัน ครอบงำความคับใจ ครอบงำสังขารนิมิตภายนอก ชื่อโคตรภู เพราะอรรถว่าแล่นไปสู่นิพพานอันไม่มีความเกิดขึ้น แล่นไปสู่นิพพานอันไม่มีความเกิดขึ้น แล่นไปสู่นิพพานอันเป็นที่ดับ ครอบงำความเกิดขึ้น แล่นไปสู่นิพพานอันไม่มีความเกิดขึ้น ครอบงำความเป็นไป แล่นไปสู่นิพพานอันไม่มีความเป็นไป ครอบงำสังขารนิมิตภายนอกแล้ว แล่นไปสู่นิพพานอันเป็นที่ดับ ดับ คือ ชาติ ชรา และมรณะ