ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สมถะวิปัสสนา
ฉันทะ
ความพอใจ การทำความพอใจ ความเป็นผู้ใคร่เพื่อจะทำความฉลาด ความพอใจในธรรมอันใด นี้เรียกว่าฉันทะ ภิกษุย่อมทำฉันทให้เกิด ให้เกิดด้วยดี ให้ตั้งขึ้น ให้ตั้งขึ้นด้วยดี ให้บังเกิด ให้บังเกิดยิ่ง ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่าทำฉันทให้เกิด
ความพยายามเป็นไฉน
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ อันใดนี้เรียกว่า ความพยายาม ๒เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว เข้าไปถึงแล้วด้วยดี เข้ามาถึงแล้ว เข้ามาถึงแล้วด้วยดี เข้าถึงแล้ว เข้าถึงแล้วด้วยดี ประกอบแล้ว ด้วยความพยายามนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า พยายาม
ปรารภความเพียร
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ ปรารภด้วยดี เสพ เจริญ ทำให้มาก ซึ่งความเพียร ด้วยเหตุนั้นจึงชื่อว่า ปรารภความเพียร
ประคองจิต
จิต มโน มานัส ฯลฯ มโนวิญญาณฐิติที่สมกันอันใด นี้เรียกว่า จิต
ภิกษุย่อมประคองไว้ ประคองด้วยดี อุปภัมภ์ ค้ำชู ซึ่งจิตนี้ ด้วยเหตนั้น
จึงเรียกว่า ประคองจิต
ทำความเพียร
ความปรารถนาความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ อัใดนี้เรียกว่า ความเพียร
ภิกษุผู้เข้าถึงแล้ว ฯลฯ ประกอบแล้ว ด้วยความเพียรนี้ ด้วยเหตุนั้น
จึงเรียกว่าทำความเพียร
บาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วเป็นไฉน
อกุศลมูล ๓ คือ โลภะ โทสะ โมหะ และกิเลสที่ตั้งอยู่ในจิตตุปบาทเดียวกันดับโลภะ
โทสะ โมหะ นั้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญาญาณขันธ์ ทีสัมปยุต ด้วย โลภะ
โทสะ โมหะ นั้น
ดำรงอยู่
ความดำรงอยู่อันใดนั้น คือความไม่สาบสูญ ความไม่สาบสูญอันใดนั้นคือความภิญโญยิ่ง ความภิญโญยิ่งอันใดนั้นคือความไพบูลย์ ความไพบูลย์อันใดนั้นคือความเจริญ ความบริบูรณ์แห่งกุศลธรรมเหล่านี้ที่เกิดขึ้นแล้ว ความเจริญอันใดคือความบริบูรณ์