ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

หอพระไตร

รวมธรรมบรรยายของ หลวงพ่อชา สุภัทโท

บ้านที่แท้จริง

4

            อย่างคุณยายน่ะก็ลองคิดดูสิ เวลานี้มันเป็นอย่างไรนะ คิดดูตั้งแต่วันเราเกิดมา เรื่อยๆมาจนบัดนี้ คือเราเดินหนีจากความเจริญอยู่ในโลกนี่ เดินไปเรื่อยๆ เดินมาจนแก่ จนเจ็บขนาดนั้ ไม่อยากจะให้เป็นอย่างนี้ ห้ามมันก็ไม่ได้ มันก็ไปของมันอยู่อย่างนี้ ก็เรื่องมันเป็นอย่างนี้ จะให้เป็นอย่างอื่นก็เป็นไม่ได้ เหมือนกันกับเป็ดจะให้มันเหมือนไก่มันก็ไม่เหมือน ถ้ามันเป็นเป็ด ไก่อยากให้เหมือนกับเป็ด มันก็เป็นไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นไก่ ถ้าใครไปคิดอยู่ว่าอยากให้เป็ดเหมือนไก่ อยากให้ไก่เหมือนเป็ด มันก็ทุกข์เท่านั้นล่ะก็เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าโยมมาคิดว่า เออ เป็ดมันก็ต้องเป็นของมันอย่างนั้นแหละ ไก่ก็ต้องเป็นของมันอย่างนั้นแหละ จะให้เป็ดเหมือนไก่มันก็เป็นไปไม่ได้ ให้ไก่เหมือนเป็ด มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะมันเป็นอยู่อย่างนั้น ถ้าเราคิดเช่นนี้แล้ว เราจะมีพละ เราจะมีกำลัง เพราะว่าสกลร่างกายนี้อยากจะให้มันยืนนานถาวรไปเท่าไรๆ มันก็ไม่ได้ มันก็เป็นอยู่อย่างนี้ นี้ท่านเรียกสังขาร อนิจจา วต สงขารา อุปปาทวยธมมิโน อุปปชชิตวา นิรุชฌนติ เตสวูปสโม สุโข สังขารคือร่างกายจิตใจนี้แหละมันเป็นของไม่เที่ยง เป็นของไม่แน่นอน มีแล้วก็หาไม่เกิดแล้วก็ดับไป แต่มนุษย์เราทั้งหลายอยากให้สังขารนี้มันเที่ยง อันนี้ก็คือความคิดของคนโง่

           ดูสิว่าลมหายใจเข้าออกของเรานี้ ก็ออกแล้วมันก็เข้ามา เข้ามาแล้วมันก็ออกไปเป็นธรรมดาของลม มันก็ต้องเป็นอยู่อย่างนั้น ต้องกลับไปกลับมา หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง เรื่องสังขารก็อยู่ ด้วยการเปลี่ยนแปลง อย่างนี้ จะให้มันไม่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ลองคิดดูสิว่าหายใจออกอย่างเดียวนะไม่ให้มันเข้ามาได้ไหม สบายไหม สูดลมเข้ามาแล้วไม่ให้มันออก ดีไหม นี่อยากจะให้มันเที่ยงอย่างนี้ มันเที่ยงไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ ออกไปแล้กเข้ามา เข้ามาแล้วก็ออกไป เป็นเรื่องธรรมดา เหลือเกิน

           เกิดแล้วก็แก่ แก่แล้วเจ็บตาย เป็นเรื่องของธรรมดาแท้ๆ เหมือนกับลมเข้ามาแล้วไม่ให้ออกไม่ได้ ออกไปแล้วไม่ให้เข้าไม่ได้ ถ้ามีการออกแล้วก็เข้า เข้าแล้วออกอย่างนี้ ทำชีวิตให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่เท่าทุกวันนี้ เพราะสังขารมันทำตามหน้าที่ของมันอย่างนี้ นี่มันจริงอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นของไม่จริง มันจริงของมันอยู่อย่าง นั้นแหละ

            ฉะนั้นมันจริงแล้ว เรามันมองเห็นอย่างนั้นไร้ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เมื่อเราเกิดมาแล้วนะโยม ก็คือเราตายแล้วนั่นเองแหละ ไอ้ความเกิดกับความตายมันเหมือนกันทั้งนั้นแหละอันหนึ่งเป็นต้น อันหนึ่งเป็นปลาย เหมือนต้นไม้ของเรานั่นแหละ เมื่อมีโคนมันก็มีปลาย เมื่อมีปลายมันก็มีโคน ไม่มีโคนปลายก็ไม่มี มีปลายก็ต้องมีโคน มีแต่ปลายโคนไม่มีก็ไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้น อย่างนั้นก็นึกขำเหมือนกันนะ มนุษย์เราทั้งหลายเมื่อจะตายแล้วโศกเศร้าวุ่นวาย ร้องไห้เสียใจ สารพัดอย่าง หลงไปสิ โยม มันหลงนะคนจะตายไปร้องไห้พิไรรำพัน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยได้พิจารณาให้ชัดแจ้งนะ ไอ้ความเป็นจริงแล้ว อาตมาเห็นว่าและขอโอกาสด้วยนับว่าถ้าจะร้องไห้กับคนตายนะ ร้องไห้กับคนที่เกิดมาดีกว่าแต่มันกลับกันเสีย ถ้าคนเกิดมาแล้ว โยมเราทำไมหัวเราะดีอกดีใจกัน ชื่นบาน ไอ้ความเป็นจริงเกิดนั่นล่ะคือตาย ตายนั่นล่ะก็คือเกิด ต้นก็คือปลายปลายก็คือต้น เราไม่รู้จัก ถึงเวลาจวนจะตายหรือตายก็ร้องไห้กัน นี่คือคนโง่ ถ้าจะร้องไห้อย่างนั้นก็โง่มาแต่ต้นก็ยังจะดีนะ เมื่อเกิดมาก็ร้องไห้กันเสียทีเถอะ ดูสิ ไอ้เกิดนั้นแหละตัวตายนะ ถ้าไม่เกิดมันก็ไม่ตาย เข้าใจไหม ตัวเกิดมันก็คือตัวตาย ตัวเกิดเราไม่เห็นว่าตัวตายซะ ไอ้ตัวตายก็คือตัวเกิด ตัวเกิดก็คือตัวตายอย่างนั้น โยมไม่ต้องนึกอะไรให้มันวุ่นวายมากมาย ว่ามันเป็นอย่างนั้นซะ นี้คือธุระหน้าที่ของเราแล้ว บัดนี้ใครช่วยไม่ได้ลูกช่วยไม่ได้ หลานก็ช่วยไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองก็ช่วยไม่ได้ช่วยได้แต่ความรู้สึกของโยมให้ถูกต้องเดี๋ยวนี้นะ ไม่ให้หวั่นไหวไปมา ปล่อยมัน ทิ้งมันเสีย เราปล่อยมัน ทิ้งมันถ้าเราไม่ทิ้งมัน ไม่ปล่อยมัน มันก็จะหนีอยู่แล้ว อวัยวะร่างกายของเราน่ะ มันพยายามจะหนีอยู่แล้วน่ะ เห็นไหม ดูง่ายๆว่า เมื่อเกิดมาเป็นหนุ่มเป็นน้อยผมมันก็ดำเห็นไหม บัดนี้มันหงอก นี่เรียกว่ามันหนีแล้วนะ ตาเรามันสว่างไสวดีเป็นเด็กเป็นหนุ่มนะ บัดนี้มันฝ้าฟางเห็นไหม นี่เรียกว่ามันหนีแล้ว เขาทนไม่ไหวเขาจะต้องหนี ที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่ของเขาซะแล้ว อะไรทุกชิ้นทุกส่วนเขาก็จะหนีแล้ว ฟันของเราเด็กๆมันแน่นหนาถาวรไหม บัดนี้มันโยกมันคลอน จะใส่ฟันใหม่เสียก็ได้ นี่มันก็ของใหม่ไม่ใช่ของเก่า ของเก่านั่นเขาหนีแล้ว สิ่งทั้งปวงในอวัยวะร่างกายเรานี่ของคุณยายหรือคนทุกๆคน เดี๋ยวนี้เขาพยายามจะหนีกัน แล้วในร่างกาย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทั้งหมดเขาพยายามจะหนี ทำไมถึงจะหนี เพราะตรงนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของเขา เป็นสังขารอยู่ไม่ได้ อยู่ชั่วคราวเท่านั้นก็ไป ไม่ว่าแต่ตัวของเราหรอก ทั้งหมดอวัยวะนี่ ผมก็ดี ขนก็ดี เล็บก็ดี ฟันก็ดี หนังก็ดีทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวนี้เขาเตรียมหนี เขาหนีไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่หมด ยังเหลือแต่คนเฝัาบ้านอยู่เล็ก ๆน้อยๆ เฝ้าบ้านอยู่แต่ไม่ค่อยดีล่ะ ตาก็ไม่ค่อยดี ฟันก็ไม่ค่อยดี หูนี่ก็ไม่ค่อยจะดี ร่างกายนี้ก็ไม่ค่อยจะดี ก็เพราะเขาหนีไปบางแล้ว ทยอยกันไปเรื่อยๆ ทยอยกันไป

            นี้ให้ยายเข้าใจ ที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่ของมนุษย์โดยตรง เป็นที่พักชั่วคราวเท่านั้นแหละ ก็ไป ฉะนั้น โยมไม่ควรห่วงใยอะไรมากมาย มาอยู่ในโลกให้พิจารณาโลกอันนี้ว่า มันเป็นอย่างนั้นไม่ว่าแต่อะไรทั้งหลาย เขาเตรียมจะหนีกันแล้วโยมคิดดูสิ ดูตามสภาพร่างกายสิว่ามันมีอะไรเหมือนเก่ามั้ย ร่างกายเหมือนเก่ามั้ย หนังเหมือนเก่ามั้ย ผมเหมือนเก่ามั้ย ตาเหมือนเก่ามั้ย หูเหมือนเก่ามั้ย ฟันเหมือนเก่ามั้ย ไม่เหมือน เขาไปที่ไหนกันหมดแล้ว นี่ธรรมชาติเขาเป็นอย่างนั้นเมื่ออยู่แล้วตามวาระของเขาแล้ว เขาก็ต้องไปทำไมเขาจะต้องไป เพราะธุระเขาเป็นอย่างนั้นไร้ความเป็นจริงมันเป็นอย่างนั้น เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่อย่างแน่นหนาถาวรอะไร อยู่แล้วก็วุ่นๆวายๆสุขๆทุกข์ๆ ไม่สงบระงับ

           ถ้าเป็นคน ก็คนเดินไปยังไม่ถึงบ้าน ยังอยู่ระหว่างทาง เดี๋ยวก็จะกลับ เดี๋ยวก็จะไป เดี๋ยวก็จะอยู่ นี่คนไม่มีที่อยู่ เปรียบว่าเราเดินออกจากบ้านไปกรุงเทพฯ หรือว่าไปบ้านนอกที่ไหนก็ตามเถอะ เราเดินไป เมื่อไม่ถึงบ้านเราเมื่อไร เป็นต้น ก็ไม่น่าจะอยู่ นั่งก็ไม่สบาย นอนก็ไม่สบาย เดินก็ไม่สบาย นั่งรถไปก็ยังไม่สบาย เพราะอะไร เพราะไม่ถึงบ้านเรา
บัดนี้ถ้าเรามาถึงบ้านเราแล้วก็สบายเพราะเข้าใจว่านี่เป็นบ้านเรา อันนี้ก็ฉันนั้นเหมือนๆกัน

<< ย้อนกลับ | หน้าถัดไป >>

» การปล่อยวาง

» จิตที่ตื่นรู้

» ตามดูจิต

» สมถวิปัสสนา

» บัว 4 เหล่า

» ธาตุ 4

» มรรค 8

» ทางพ้นทุกข์

» บ้านที่แท้จริง

» ฝึกจิตให้มีกำลัง

» ตุจโฉโปฏฐิละ

» การทำจิตให้สงบ

» อ่านใจธรรมชาติ

» สองหน้าของสัจธรรม

» ทางสายกลาง

» ธรรมะกับธรรมชาติ

» นอกเหตุเหนือผล

» อยู่กับงูเห่า

» ภาวนาพุทโธ

» อยู่เพื่ออะไร

» อยากเกิดแต่ไม่อยากตาย

» ไม่มีอะไรได้ไม่มีอะไรเสีย

» ปลาไม่เห็นน้ำ

» สงบจิตได้ปัญญา

» สมาธิภาวนา

» ธรรมะเชิงอุปมาอุปมัย

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย