ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
มิลินทปัญหา
ฉบับแปลในมหามกุฏราชวิทยาลัย
วรรคที่หนึ่ง
10 อิทธิปาทพลทัสสนปัญหา
ร "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระพุทธพจน์นี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ภาสิตแล้วว่า
'ดูก่อนอานนท์ อิทธิบาทสี่ประการ อันพระตถาคตได้ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
กระทำให้เป็นประหนึ่งยานเครื่องไปแล้ว กระทำให้เป็นวัตถุที่ตั้งแล้ว
ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้วสั่งสมแล้วปรารภพร้อมด้วยดีแล้วแล; ดูก่อนอานนท์
พระตถาคตเมื่อหวัง พึงดำรงพระชนม์อยู่ได้ตลอดกัปป์หนึ่งบ้าง เลยกัปป์หนึ่งบ้าง'
ดังนี้ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วว่า 'ดูก่อนอานนท์
อิทธิบาททั้งหลายสี่ อันพระตถาคตได้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
กระทำให้เป็นประหนึ่งยานเครื่องไปแล้ว กระทำให้เป็นวัตถุที่ตั้งแล้ว
ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภพร้อมด้วยดีแล้วแล; ดูก่อนอานนท์
พระตถาคตเมื่อหวัง พึงดำรงพระชนม์อยู่ได้ตลอดกัปป์หนึ่งบ้าง
เลยกัปป์หนึ่งขึ้นไปบ้าง' ดังนี้ ถ้าอย่างนั้นความกำหนดไตรมาสสามเดือนเป็นผิด
ถ้าพระตถาคตได้ตรัสแล้วว่า 'พระตถาคตจักปรินิพพาน
โดยกาลที่เดือนทั้งหลายสามแต่วันนี้ล่วงไปแล้ว' ดังนี้ ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า
'ดูก่อนอานนท์ อิทธิบาทสี่ประการอันพระตถาคตได้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
กระทำให้เป็นประหนึ่งยานเครื่องไปแล้ว กระทำให้เป็นวัตถุที่ตั้งแล้ว
ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภพร้อมด้วยดีแล้วแล; ดูก่อนอานนท์
พระตถาคตเมื่อหวังพึงดำรงพระชนม์อยู่ได้ตลอดกัปป์หนึ่งบ้าง
เลยกัปป์หนึ่งขึ้นไปบ้าง' ดังนี้ แม้นั้นก็เป็นผิดไป ความบันลือในที่มิใช่เหตุ
ย่อมไม่มีแก่พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย, พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรัสรู้แล้วทั้งหลาย
มีพระพุทธพจน์ไม่เปล่า มีพระพุทธพจน์เที่ยงแท้
มีพระพุทธพจน์ไม่เป็นไปโดยส่วนสอง ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน เป็นของลึกละเอียดนัก
พึงยังบุคคลให้เห็นโดยยากเกิดขึ้นแล้ว, ปัญหานั้นมาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว,
พระผู้เป็นเจ้าจงทำลายร่างข่าย คือ ทิฏฐินั้น,
ยังข้าพเจ้าให้ตั้งอยู่ในส่วนอันเดียว, จงทำลายปรัปปวาทเสีย"
ถ
"ขอถวายพระพร พระพุทธพจน์นี้ อันพระผู้มีพระภาคแม้ภาสิตแล้วว่า 'ดูก่อนอานนท์
อิทธิบาทสี่ประการ อันพระตถาคตได้ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
กระทำให้เป็นประหนึ่งยานเครื่องไปแล้วกระทำให้เป็นวัตถุที่ตั้งแล้ว
ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภพร้อมด้วยดีแล้วแล; ดูก่อนอานนท์
พระตถาคตเมื่อหวัง พึงตั้งอยู่ได้ตลอดกัปป์หนึ่งบ้าง เลยกัปป์หนึ่งขึ้นไปบ้าง'
ดังนี้ และความกำหนดไตรมาสพระองค์ก็ตรัสแล้ว ก็แหละกัปป์นั้น คือ อายุกัปป์
กาลเป็นที่กำหนดอายุ พระผู้มีพระภาคย่อมตรัสว่ากัปป์
พระผู้มีพระภาคจะทรงสรรเสริญกำลังของพระองค์ตรัสอย่างนี้ หามิได้, ก็แต่ว่า
พระองค์ทรงสรรเสริญกำลับแห่งฤทธิ์ ตรัสอย่างนี้ว่า 'ดูก่อนอานนท์
อิทธิบาทสี่ประการ อันพระตถาคตได้ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
กระทำให้เป็นประหนึ่งยานเครื่องไปแล้ว กระทำให้เป็นวัตถุที่ตั้งแล้ว
ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภพร้อมด้วยดีแล้วแล;
ดูก่อนอานนท์พระตถาคตเมื่อหวัง พึงตั้งอยู่ได้ตลอดกัปป์หนึ่งบ้าง
เลยกัปป์หนึ่งขึ้นไปบ้าง' ดังนี้
ถ้าจะพึงมีม้าอาชาไนยของพระมหากษัตริย์ มีฝีเท้าเร็ว เชาว์ไวดังลม
พระมหากษัตริย์จะทรงอวดกำลังเชาว์ของม้าอาชาไนยนั้น พึงตรัสในท่านกลางแห่งชน
กับทั้งชาวนิคมและชาวชนบท และราชภัฏหมู่พล และพราหมณคฤหบดี และอมาตย์
อย่างนี้ว่า 'แน่ะพ่อเฮ้ย ม้าประเสริฐนี้ของเรา เมื่อจำนง
จะพึงเที่ยวไปตลอดแผ่นดินมีน้ำในสาครเป็นที่สุดแล้ว
จึงกลับมาในที่นี้โดยขณะหนึ่งได้,'
พระมหากษัตริย์นั้นจะพึงแสดงความไปว่องไวนั้นในบริษัทนั้น ก็หาไม่, ก็แต่ว่า
ความว่องไวของม้านั้นมีอยู่,
ด้วยม้าอาชาไนยนั้นอาจเพื่อจะเที่ยวไปตลอดแผ่นดินมีน้ำในสาครเป็นที่สุดด้วย
ฉันใด; พระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงสรรเสริญกำลังแห่งฤทธิ์ของพระองค์
จึงตรัสแล้วอย่างนี้ ฉันนั้น, แม้พระพุทธพจน์นั้น พระองค์เสด็จนั่ง ณ
ท่ามกลางแห่งบุคคลมีวิชชาสามทั้งหลายด้วย แห่งบุคคลมีอภิญญาหกทั้งหลายด้วย
แห่งพระอรหันต์ทั้งหลายด้วย แห่งพระขีณาสพผู้ปราศจากมลทินทั้งหลายแล้วด้วย
แห่งเทพดาและมนุษย์ทั้งหลายด้วย ตรัสแล้วว่า 'ดูก่อนอานนท์ อิทธิบาทสี่ประการ
อันพระตถาคตได้ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
กระทำให้เป็นประหนึ่งยานเครื่องไปแล้ว กระทำให้เป็นวัตถุที่ตั้งแล้ว
ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภพร้อมด้วยดีแล้วแล; ดูก่อนอานนท์
พระตถาคตเมื่อหวัง พึงตั้งอยู่ได้ตลอดกัปป์หนึ่งบ้าง เลยกัปป์หนึ่งขึ้นไปบ้าง'
ดังนี้; ก็แหละ กำลังแห่งฤทธิ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นมีอยู่ด้วย,
พระผู้มีพระภาคเจ้าก็เป็นผู้อาจเพื่อจะดำรงพระชนมายุได้ตลอดกัปป์หนึ่งบ้าง
หรือตลอดกาลเลยกัปป์หนึ่งขึ้นไปบ้าง,
ด้วยพระองค์จะทรงแสดงกำลังแห่งฤทธิ์นั้นในบริษัทนั้น ก็หาไม่
พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่มีความต้องการด้วยภพทั้งปวง, อนึ่ง
พระตถาคตเจ้าทรงติเตียนภพทั้งปวงแล้ว แม้พระพุทธพจน์นี้
อันพระผู้มีพระภาคได้ทรงภาสิตแล้วว่า
'ดูก่อนภิกษุทั้งหลายธรรมดาคูถแม้มีประมาณน้อย ก็มีกลิ่นชั่วเหม็นร้าย
แม้ฉันใด, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตไม่พรรณนาสรรเสริญภพแม้มีประมาณน้อย,
โดยส่วนสุดแม้เพียงหยิบมือเดียว เราตถาคตก็ไม่สรรเสริญ ฉันนั้นโดยแท้'
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นภพและคติและกำเนิดทั้งปวง เสมอด้วยคูถแล้ว
จะพึงอาศัยกำลังแห่งฤทธิ์กระทำความยินดีด้วยอำนาจความพอใจในภพทั้งหลายบ้างเทียวหรือ
ขอถวายพระพร"
ร
"ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเห็นภพและคติและกำเนิดทั้งปวง เสมอด้วยคูถแล้ว
ซึ่งจะทรงอาศัยกำลังแห่งฤทธิ์กระทำฉันทราคในภพหาไม่เลย"
ถ
"ขอถวายพระ ถ้าอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงสรรเสริญกำลังแห่งฤทธิ์
ทรงบันลือสีหนาทของพระพุทธเจ้าเห็นปานนั้นยิ่งแล้ว"
ร
"พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ดีละ ข้อวิสัชนาปัญหานี้ สมอย่างนั้น,
ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น"
วรรคที่ 1
วัชฌาวัชฌปัญหา
สัพพัญญูภาวปัญหา
เทวทัตตปัพพาชิตปัญหา
มหาภูมิจาลนปาตุภาวปัญหา
สิวิราชจักขุทานปัญหา
คัพภาวัคกันติปัญหา
สัทธัมมอันตรธานปัญหา
สัพพัญญุตปัตตปัญหา
ตถาคตอุตตริกรณียาภาวปัญหา
อิทธิปาทพลทัสสนปัญหา
วรรคที่ 2
วรรคที่ 3
วรรคที่ 4
วรรคที่ 5
วรรคที่ 6
วรรคที่ 7
วรรคที่ 8
วรรคที่ 9