ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
มิลินทปัญหา
ฉบับแปลในมหามกุฏราชวิทยาลัย
วรรคที่หนึ่ง
9 ตถาคตอุตตริกรณียาภาวปัญหา
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอยู่ว่า
'กิจที่จำต้องกระทำอันใดอันหนึ่ง กิจทั้งปวงเหล่านั้น ของพระตถาคตเจ้า
สำเร็จแล้วที่ควงแห่งไม้โพธินั่นเทียว, กิจที่จำต้องกระทำยิ่งขึ้นไป
หรือความต้องก่อสร้างเพิ่มเติมกิจที่พระองค์ทรงกระทำแล้วไม่มีแด่พระตถาคต'
ดังนี้ ก็ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวตลอดสามเดือนนี้ ยังปรากฏอยู่
พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่ากิจที่จำต้องกระทำอันใดอันหนึ่ง
กิจทั้งปวงนั้นของพระตถาคตสำเร็จแล้วที่ควงแห่งไม้โพธินั่นเทียว,
กิจที่จำต้องกระทำยิ่งขึ้นไป
หรือความต้องก่อสร้างเพิ่มเติมกิจที่พระองค์ทรงกระทำแล้ว ไม่มีแด่พระตถาคตไซร้;
ถ้าอย่างนั้นคำที่ว่า
'พระตถาคตเสด็จหลีกออกเร้นอยู่แต่พระองค์เดียวตลอดสามเดือน' นั้นผิด
ถ้าว่าพระตถาคตเสด็จหลีกออกเร้นอยู่แต่พระองค์เดียวตลอดสามเดือนไซร้,
ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'กิจที่จำต้องกระทำอันใดอันหนึ่ง
กิจทั้งปวงเหล่านั้นของพระตถาคตเจ้าสำเร็จแล้วที่ควงแห่งไม้โพธินั่นเทียว,
แม้นั้น ก็เป็นผิด ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ที่กระทำกิจเสร็จแล้ว,
ความเป็นผู้หลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
ย่อมมีแก่บุคคลยังมีกิจจำต้องกระทำถ่ายเดียว
เหมือนธรรมดาบุคคลที่มีพยาธิความเจ็บไข้นั่นเทียว
มีกิจจำต้องกระทำด้วยเภสัชคือต้องรักษาด้วยยา, บุคคลไม่มีพยาธิ
จะมีประโยชน์อะไรด้วยยา คือ ไม่ต้องเยียวยาด้วยเภสัช, บุคคลผู้หิวนั่นเทียว
มีกิจจำจะต้องกระทำด้วยโภชนะ คือ จะต้องบริโภคอาหาร บุคคลผู้ไม่หิว
จะต้องการอะไรด้วยโภชนะ ข้อนี้ฉันใด; ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว ไม่มีแก่
บุคคลที่ได้กระทำกิจเสร็จแล้ว, ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
ย่อมมีแก่บุคคลที่ยังมีกิจจำต้องกระทำถ่ายเดียว ฉันนั้นนั่นเทียวแล
ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน มาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว, ปัญหานั้น
พระผู้เป็นเจ้าพึงขยายคลายออกให้ข้าพเจ้าสิ้นสงสัยเถิด"
ถ
"ขอถวายพระพร บรรดากิจที่จำต้องกระทำอันใดอันหนึ่งกิจทั้งปวงนั้น
ของพระตถาคตเจ้าสำเร็จแล้วที่ควงแห่งไม้โพธินั่นเทียว,
กิจที่จำจะต้องกระทำยิ่งขึ้นไป
หรือความก่อสร้างเพิ่มเติมกิจที่พระองค์ได้ทรงกระทำแล้ว ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าหลีกออกเร้นอยู่แต่พระองค์เดียวแล้วตลอดสามเดือน
ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวแล เป็นกิจมีคุณมาก,
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายแม้ทั้งปวง เสด็จหลีกออกเร้นอยู่แต่พระองค์เดียวแล้ว
จึงบรรลุความเป็นพระสัพพัญญู,
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายนั่นมาระลึกถึงความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้นว่า
มีคุณได้กระทำแล้วดี ย่อมเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้น
อุปมาเหมือนบุรุษได้พรแต่สำนักของพระมหากษัตริย์แล้ว รวยทรัพย์และโภคะขึ้นแล้ว
มาระลึกถึงพระมหากษัตริย์นั่นว่า เป็นผู้มีคุณได้ทรงกระทำไว้แก่ตนด้วยดีแล้ว
หมั่นไปสู่ที่เป็นที่บำรุงของพระมหากษัตริย์เนือง ๆ ฉันใด,
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายแม้ทั้งปวง เสด็จหลีกออกเร้นอยู่แต่พระองค์เดียวแล้ว
จึงบรรลุความเป็นพระสัพพัญญู,
พระองค์มาทรงระลึกถึงความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้นว่า
มีคุณได้กระทำดีแล้ว ย่อมเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้น
ฉันนั้นนั่นเทียวแล
อีกอย่างหนึ่ง บุรุษที่กระสับกระส่าย เสวยทุกขเวทนาเป็นไข้หนักเข้าไปเสพหมอแล้ว
จึงถึงความสวัสดี หายโรคหายไข้แล้ว มาระลึกถึงหมอนั้นว่า เป็นผู้มีคุณ
ได้กระทำดีแล้วแก่ตน หมั่นเข้าไปเสพหมอนั้นเนือง ๆ ฉันใด,
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายแม้ทั้งปวง เสด็จหลีกออกเร้นอยู่แต่พระองค์เดียวแล้ว
จึงถึงความเป็นพระสัพพัญญู,
พระองค์มาระลึกถึงความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้นว่า มีคุณ
ได้กระทำดีแล้วแก่พระองค์ จึงทรงเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้น
ฉันนั้นนั่นเทียวแล
ขอถวายพระพร คุณแห่งความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวทั้งหลายเหล่านี้
ยี่สิบแปดประการ พระตถาคตเจ้าทั้งหลายมาทรงเล็งเห็นคุณทั้งหลายเหล่าไร่เล่า
จึงทรงเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว, คุณยี่สิบแปดประการ เป็นไฉน ในโลกนี้
ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
ย่อมรักษาบุคคลผู้หลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวไว้หนึ่ง,
ย่อมทำอายุของบุคคลผู้หลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้นให้เจริญขึ้นหนึ่ง,
ย่อมให้กำลังหนึ่ง, ย่อมปิดโทษเสียหนึ่ง, ย่อมนำความเสื่อมยศออกเสียหนึ่ง,
ย่อมนำยศเข้าไปให้หนึ่ง, ย่อมบรรเทาอรติความไม่ยินดีเสียหนึ่ง,
เข้าไปตั้งความยินดีไว้หนึ่ง, ย่อมนำความกลัวออกเสียหนึ่ง,
ย่อมกระทำความเป็นคนกล้าหาญไม่ครั่นคร้ามหนึ่ง,
ย่อมนำความเป็นคนเกียจคร้านออกเสียหนึ่ง,
ย่อมยังความเพียรให้เกิดยิ่งขึ้นหนึ่ง, ย่อมนำราคะให้ปราศจากสันดานหนึ่ง,
ย่อมนำโทสะให้ปราศจากสันดานหนึ่ง, ย่อมนำโมหะให้ปราศจากสันดานหนึ่ง,
ย่อมกำจัดมานะออกเสียจากสันดานหนึ่ง, ย่อมละวิตกเสียหนึ่ง,
ย่อมกระทำจิตให้มีอารมณ์เป็นอันเดียวหนึ่ง, ย่อมกระทำใจให้สนิทหนึ่ง,
ย่อมยังความร่าเริงให้เกิดหนึ่ง, ย่อมกระทำความเป็นครูหนึ่ง,
ย่อมยังลาภให้เกิดขึ้นหนึ่ง,
ย่อมกระทำผู้หลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวนั้นให้เป็นผู้ควรกราบไหว้หนึ่ง,
ย่อมให้ถึงปีติความอิ่มกายอิ่มใจหนึ่ง, ย่อมกระทำความปราโมทย์หนึ่ง,
ย่อมให้เห็นความเป็นเองของสังขารทั้งหลายหนึ่ง,
ย่อมเลิกถอนปฏิสนธิในภพเสียหนึ่ง, ย่อมให้ผลเป็นของสมณะทั้งปวงหนึ่ง,
คุณของปฏิสัลลานะ ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวทั้งหลายเหล่านี้แล
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงพิจารณาเนือง ๆ ด้วยดี เห็นคุณทั้งหลายเหล่าไรเล่า
จึงทรงเสพปฏิสัลลานะความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว เออก็พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย
พระองค์สุดสิ้นความดำริแล้ว
พระองค์ใคร่เพื่อจะเสวยความยินดีในสมาบัติเป็นสุขอันละเอียด
ย่อมทรงเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียวแล
ขอถวายพระพร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
โดยเหตุสี่ประการ, พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
โดยเหตุสี่ประการ เป็นไฉน
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
โดยความที่พระองค์เป็นผู้มีวิหารธรรม เครื่องอยู่เป็นสุขสำราญบ้าง,
โดยความที่พระองค์เป็นผู้มีคุณปราศจากโทษมากบ้าง, โดยความที่ปฏิสัลลานะนั้น
เป็นวิถีของพระอริยเจ้าไม่มีส่วนเหลือบ้าง, โดยความที่ปฏิสัลลานะนั้น
เป็นคุณที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวงชมแล้ว ยกย่องแล้ว พรรณนาแล้ว
และสรรเสริญแล้วบ้าง, พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงเสพปฏิสัลลานะ
ความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว โดยเหตุสี่ประการเหล่านี้แล
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงเสพปฏิสัลลานะ ด้วยเหตุดังพรรณนามา ฉะนี้,
จะทรงเสพโดยความที่พระองค์ยังเป็นผู้มีกิจจำต้องกระทำ หามิได้,
หรือจะทรงเสพเพื่อความก่อสร้างเพิ่มเติมกิจที่พระองค์ได้ทรงกระทำแล้ว ก็หาไม่,
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงเสพความหลีกออกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว
โดยความที่พระองค์เป็นผู้ทรงพิจารณาเห็นคุณพิเศษโดยส่วนเดียวแล"
ร "ดีละ
พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาของพระผู้เป็นเจ้าสมอย่างนั้น,
ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น"
วรรคที่ 1
วัชฌาวัชฌปัญหา
สัพพัญญูภาวปัญหา
เทวทัตตปัพพาชิตปัญหา
มหาภูมิจาลนปาตุภาวปัญหา
สิวิราชจักขุทานปัญหา
คัพภาวัคกันติปัญหา
สัทธัมมอันตรธานปัญหา
สัพพัญญุตปัตตปัญหา
ตถาคตอุตตริกรณียาภาวปัญหา
อิทธิปาทพลทัสสนปัญหา
วรรคที่ 2
วรรคที่ 3
วรรคที่ 4
วรรคที่ 5
วรรคที่ 6
วรรคที่ 7
วรรคที่ 8
วรรคที่ 9