ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

หอพระไตร

มิลินทปัญหา
ฉบับแปลในมหามกุฏราชวิทยาลัย


เมณฑกปัญหา

วรรคที่ห้า

4 เมตตานิสังสปัญหา

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ทรงภาสิตพระพุทธพจน์นี้ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาที่เป็นเจโตวิมุตติ บรรลุได้ถึงฌาน อันบุคคลเสพยิ่งแล้ว ให้เจริญแล้ว ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดังยานแล้ว กระทำให้เป็นวัตถุแล้ว ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภพร้อมดีแล้ว อานิสงส์ทั้งหลายสิบเอ็ดประการ ให้บุคคลผู้นั้นหวังเถิด คือ ถึงจะไม่ปรารถนาก็พึงมีเป็นแน่อานิสงส์สิบเอ็ดประการเป็นไฉน: บุคคลบรรลุเมตตาเจโตวิมุตตินั้นย่อมหลับเป็นสุขหนึ่ง ย่อมกลับตื่นเป็นสุขหนึ่ง ย่อมไม่เห็นสุบินอันลามกหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง เทพดาย่อมรักษาบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นไว้หนึ่งเพลิง หรือพิษ หรือศัสตราย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกลงในกายของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นได้หนึ่ง จิตของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ย่อมตั้งมั่นเร็วหนึ่ง พรรณสีแห่งหน้าของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ย่อมผ่องใสหนึ่ง บุคคลผู้เจริญเมตตานั้นเมื่อจะกระทำกาลกิริยาตาย ย่อมเป็นคนไม่หลงกระทำกาลกิริยาหนึ่ง เมื่อไม่แทงตลอด คือ ไม่ตรัสรู้ธรรมยิ่งขึ้นไปกว่าฌานที่ประกอบด้วยเมตตานั้น ย่อมจะเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลกหนึ่ง' ดังนี้ ภายหลังพระผู้เป็นเจ้ากล่าวอยู่ว่า 'สามะกุมารเป็นผู้มีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า กปิลยักษ์ ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษ สลบแล้วล้มลมในที่นั้นนั่นเทียว' ดังนี้ พระผู้เป็นเจ้านาคเสนถ้าว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาเป็นเจโตวิมุตติ ฯลฯ บุคคลผู้เจริญเมตตานั้น เมื่อไม่ตรัสรู้ธรรมยิ่งกว่าเมตตาฌานนั้น จะเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก' ดังนี้ ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'สามะกุมารเป็นผู้มีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระเจ้ากปิลยักษ์ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษสลบแล้วล้มลงในที่นั้นนั่นเทียว' ดังนี้ นั้นเป็นผิด ถ้าว่า สามะกุมารมีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระเจ้ากปิลยักษ์ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษ สลบล้มลงแล้วในที่นั้นนั่นเทียว, ถ้าอย่างนั้นคำที่ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาที่เป็นเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพยิ่งแล้ว ฯลฯ อานิสงส์ทั้งหลายสิบเอ็ดประการ อันบุคคลพึงหวังเถิด, อานิสงส์สิบเอ็ดประการเป็นไฉน: บุคลผู้เจริญเมตตาแล้ว ย่อมหลับเป็นสุขหนึ่ง ย่อมกลับตื่นเป็นสุขหนึ่ง ย่อมไม่เห็นสุบินอันลามกหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง เทพดาย่อมรักษาบุคคลผู้เจริญ เมตตานั้นไว้หนึ่ง เพลิง หรือพิษ หรือศัสตราย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกลงในกายของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นได้หนึ่ง' ฯลฯ ดังนี้ แม้นั้นก็ผิด ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน ละเอียด สุขุม ลึกซึ้ง จะพึงปล่อยเหงื่อในตัวของมนุษย์ทั้งหลายผู้ฉลาดดีให้ออกบ้าง, ปัญหานั้นมาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจงสางปัญหานั้น อันยุ่งเหยิงด้วยชัฏใหญ่ จงให้จักษุเพื่อจะขยายแก่ชินโอรสทั้งหลาย"
      พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ได้ทรงภาสิตพระพุทธพจน์นี้ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาที่เป็นเจโตวิมุตติอันบุคคลเสพยิ่งแล้ว ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ฯลฯ ปรารภพร้อมดีแล้ว อานิสงส์ทั้งหลายสิบเอ็ดประการ อันบุคคลนั้นหวังเถิด คือ ถึงไม่ปรารถนาก็จะพึงมีเป็นแน่, อานิสงส์สิบเอ็ดประการนั้นเป็นไฉน: บุคคลเจริญเมตตาแล้ว ย่อมหลับเป็นสุขหนึ่ง ย่อมกลับตื่นเป็นสุขหนึ่ง ย่อมไม่เห็นสุบินอันลามกหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง เทพดาย่อมรักษาบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นไว้หนึ่ง เพลิง หรือพิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกในกายของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นได้หนึ่ง' ดังนี้ อนึ่ง สามะกุมารเป็นผู้มีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระเจ้า
กปิลยักษ์ ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษ สลบแล้วล้มลงแล้วในที่นั้นนั่นเทียว ก็เหตุในข้อนั้นมีอยู่, เหตุในข้อนั้นอย่างไร เหตุในข้อนั้น คือ คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้นเป็นคุณของเมตตาภาวนา ความให้เมตตาเจริญ สามะกุมารแบกหม้อน้ำไปในขณะนั้น เป็นผู้ประมาทแล้วในเมตตาภาวนา บุคคลเป็นผู้เข้าถึงพร้อมเมตตาแล้วในขณะใด เพลิง หรือพิษ หรือศัสตราย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกลงในกายของบุคคลนั้นได้ ในขณะนั้น บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นผู้ใคร่ความฉิบหาย ไม่ใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้ว ย่อมไม่เห็นบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ย่อมไม่ได้โอกาสในบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น คุณทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ใช่คุณของบุคคลทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา
      ขอถวายพระพร ในโลกนี้ บุรุษเป็นผู้กล้าต่อสงคราม สอดสวมเกราะและร่างข่ายอันข้าศึกทำลายไม่ได้ แล้วลงสู่สงคราม, ลูกศรทั้งหลายอันข้าศึกยิงไปแล้วแก่บุรุษนั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้วตกเรี่ยรายไป, ย่อมไม่ได้โอกาสในบุรุษนั้น; คุณนั้นไม่ใช่คุณของบุรุษผู้กล้าต่อสงคราม คุณนั้นเป็นคุณของเกราะและร่างข่าย อันลูกศรพึงทำลายไม่ได้ ฉันใด; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้นเป็นคุณของเมตตาภาวนา; บุคคลเป็นผู้ถึงพร้อมเมตตาภาวนาแล้ว ในขณะใด ไฟหรือยาพิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกต้องในกายของบุคคลนั้น ในขณะนั้น, บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งใคร่ความฉิบหายไม่ใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลนั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้วไม่เห็นบุคคลนั้น ไม่ได้โอกาสในบุคคลนั้น; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา ฉันนั้นแท้แล
      อีกประการหนึ่ง ในโลกนี้บุรุษพึงทำรากไม้เครื่องหายตัวดังทิพย์ไว้ในมือ, รากไม้นั้นเป็นของตั้งอยู่ในมือของบุรุษนั้นเพียงใด มนุษย์โดยปกติใคร ๆ คนอื่น ย่อมไม่เห็นบุรุษนั้นเพียงนั้น, ขณะที่ไม่เห็นนั้น ไม่ใช่คุณของบุรุษ เป็นคุณของรากไม้เครื่องหายตัว, บุรุษที่มีรากไม้ในมือนั้น ย่อมไม่ปรากฏในคลองแห่งจักษุของมนุษย์โดยปกติทั้งหลาย ด้วยรากไม้ไรเล่า ฉันใด; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคลคุณทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา ความให้เมตตาเจริญ; บุคคลเป็นผู้เข้าถึงพร้อมเมตตาฌานในขณะใด เพลิง หรือยาพิษ หรือศัสตราวุธ ย่อมไม่ตกลงด้วยกายของบุคคลนั้นได้ในขณะนั้น, บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นผู้ใคร่ซึ่งความฉิบหายแก่บุคคลนั้น เข้าไปใกล้แล้ว ย่อมไม่เห็นบุคคลนั้น ย่อมไม่ได้โอกาสในบุคคลนั้น; คุณทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายเหล่านั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา ฉันนั้นนั่นเทียวแล ขอถวายพระพร
      อีกนัยหนึ่ง มหาเมฆใหญ่ยังฝนให้ตกพรำ ย่อมไม่อาจเพื่อจะยังบุรุษผู้เข้าไปสู่ที่เป็นที่เร้นใหญ่ อันบุคคลกระทำดีแล้ว ให้ชุ่มได้, ความไม่ชุ่มนั้น ไม่ใช่คุณของบุรุษ, มหาเมฆใหญ่กระทำฝนให้ตกพรำกระทำบุรุษนั้นให้ชุ่มไม่ได้ ด้วยที่เป็นที่เร้นใหญ่ใด ความไม่ชุ่มนั้นเป็นคุณของที่เป็นที่เร้นใหญ่นั้น ฉันใด; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา, บุคคลเป็นผู้เข้าถึงพร้อมเมตตาฌาน ในขณะใด เพลิงหรือยาพิษ หรือศัสตราวุธย่อมไม่ตกต้องกายของบุคคลนั้นได้ ในขณะนั้น, บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ใคร่ความฉิบหายแก่บุคคลนั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้ว ย่อมไม่เห็นบุคคลนั้น ย่อมไม่อาจเพื่อจะกระทำสิ่งที่ไม่เกื้อกูลแก่บุคคลนั้น คุณทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายเหล่านี้ เป็นคุณของเมตตาภาวนา ความให้เมตตาเจริญ ฉันนั้นนั่นเทียวแล"
      ร "น่าอัศจรรย์ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน น่าพิศวง พระผู้เป็นเจ้านาคเสน, เมตตาภาวนาเป็นเครื่องห้ามบาปทั้งปวงเสียได้"
      ถ "ขอถวายพระพร เมตตาภาวนานำกุศลและคุณทั้งปวงมาแก่บุคคลทั้งหลายผู้เกื้อกูลบ้าง แก่บุคคลทั้งหลายผู้ไม่เกื้อกูลบ้าง สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดนั้น ที่เนื่องด้วยวิญญาณ เมตตาภาวนามีอานิสงส์ใหญ่แก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นทั้งปวง จึงควรจะส้องเสพไว้ในใจ สิ้นกาลเป็นนิรันดรแล"

 


วรรคที่ 1
วรรคที่ 2
วรรคที่ 3
วรรคที่ 4
วรรคที่ 5
อิทธิยากัมมวิปากปัญหา
โพธิสัตตธัมมตาปัญหา
อตัตนิปาตนปัญหา
เมตตานิสังสปัญหา
กุสลากุสลสมสมปัญหา
อมราเทวีปัญหา
ขีณาสวอภายนปัญหา
สันถวปัญหา
ภควโต อัปปาพาธปัญหา
อนุปปันนมัคคอุปปาทปัญหา
วรรคที่ 6
วรรคที่ 7
วรรคที่ 8
วรรคที่ 9
 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย