ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

หอพระไตร

มิลินทปัญหา
ฉบับแปลในมหามกุฏราชวิทยาลัย


เมณฑกปัญหา

วรรคที่หก

7 ภควโต ราชปัญหา

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน แม้พระพุทธพจน์นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเป็นพราหมณ์ควรเพื่อยาจกจะพึงขอ' ดังนี้ และตรัสอีกว่า 'ดูก่อน เสละ เราเป็นพระราชา' ดังนี้ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเป็นพราหมณ์ ควรเพื่ออันยาจกจะพึงขอ' ดังนี้, ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'ดูก่อน เสละ เราเป็นพระราชา' ดังนี้ นั้นผิด ถ้าว่า พระตถาคตตรัสแล้วว่า 'ดูก่อน เสละ เราเป็นพระราชา' ดังนี้, ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเป็นพราหมณ์ควรเพื่ออันยาจกจะพึงขอ' ดังนี้ แม้นั้นก็ผิด ก็พระตถาคตพึงเป็นกษัตริย์บ้าง พึงเป็นพราหมณ์บ้าง, ในชาติเดียวเป็นได้สองวรรณะ ย่อมไม่มี ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน มาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว พระผู้เป็นเจ้าพึงขยายให้แจ้งชัดเถิด"
      พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร แม้พระพุทธพจน์นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงภาสิตแล้วว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเป็นพราหมณ์ควรเพื่ออันยาจกจะพึงขอ' ดังนี้ และตรัสอีกว่า 'ดูก่อน เสละ เราเป็นพระราชา' ดังนี้ พระตถาคตเป็นพราหมณ์ด้วย เป็นพระมหากษัตริย์ด้วย เพราะเหตุไร เหตุในข้อนั้นมีอยู่"
      ร "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระตถาคตเป็นพราหมณ์ด้วย เป็นพระมหากษัตริย์ด้วย เพราะเหตุไร เหตุนั้นเป็นอย่างไรเล่า"
      ถ "ขอถวายพระพร ธรรมทั้งหลายที่เป็นบาป เป็นอกุศลทั้งปวง อันพระตถาคตลอยเสียแล้ว ละเสียแล้ว ไปปราศแล้ว ถึงความฉิบหายแล้ว อันพระตถาคตเลิกถอนแล้ว สิ้นไปแล้ว ถึงความสิ้นไปแล้ว ดับไปแล้ว เข้าไประงับแล้ว, เพราะฉะนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่า เป็นพราหมณ์ ธรรมดาว่าพราหมณ์ ล่วงแล้วซึ่งทางแห่งความสงสัย เป็นความสงสัยมีส่วนมิใช่อันเดียว, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าล่วงแล้วซึ่งความสงสัย ทางแห่งความสงสัยมีส่วนมิใช่อันเดียว, เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพราหมณ์ ธรรมดาว่าพราหมณ์ ออกแล้วจากภพและคติและกำเนิดทั้งปวง พ้นวิเศษแล้วจากมลทินและละออง เป็นผู้ไม่มีสหาย, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้า ออกไปแล้วจากภพและคติและกำเนิดทั้งปวงพ้นวิเศษแล้วจากมลทินและละออง คือ กิเลส เป็นผู้ไม่มีสหาย, เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพราหมณ์ ธรรมดาว่าพราหมณ์เป็นผู้เลิศประเสริฐสุด น่าเลือกสรร บวร มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ดังทิพย์มาก, แม้พระมีพระภาคเจ้าเป็นผู้เลิศประเสริฐสุด น่าเลือกสรร บวร มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ดังทิพย์มาก, แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพราหมณ์ ธรรมดาว่าพราหมณ์เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความเรียน และให้ผู้อื่นเรียน และการให้ และการรับ และความทรมาน และความสำรวม และความนิยม และความสั่งสอนมีแต่ปางก่อน และประเวณีในวงศ์, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งความเรียน และให้ผู้อื่นเรียน และการให้ และการรับ และความทรมาน และความสำรวม และความนิยม และความสั่งสอน และประเวณีในวงศ์ เป็นอาจิณของพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน, แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพราหมณ์ ธรรมดาว่าพราหมณ์เป็นผู้เพ่งด้วยสุขวิหารอันประเสริฐและฌาน, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้เพ่งด้วยสุขวิหารอันประเสริฐและฌาน, แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพราหมณ์ ธรรมดาว่าพราหมณ์ย่อมรู้ความเป็นไปแห่งอภิชาติและความเที่ยวไปเนือง ๆ ในภพน้อยและภพใหญ่ และคติทั้งปวง, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมรู้ความเป็นไปแห่งอภิชาติ และความท่องไปเนือง ๆ ในภพน้อยและภพใหญ่ และคติทั้งปวง แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพราหมณ์
      ขอถวายพระพร ชื่อว่าพราหมณ์ ดังนี้ ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั่น ไม่ใช่พระนามอันมารดากระทำ ไม่ใช่พระนามอันบิดากระทำ ไม่ใช่พระนามอันพี่น้องชายกระทำ มิใช่พระนามอันพี่น้องหญิงกระทำ มิใช่พระนามอันมิตรและอมาตย์ทั้งหลายกระทำ มิใช่พระนามอันญาติสาโลหิตกระทำ มิใช่พระนามอันสมณะและพราหมณ์ทั้งหลายกระทำ ไม่ใช่พระนามอันเทวดาทั้งหลายกระทำแล้ว พระนามนั้นมีในที่สุดแห่งวิโมกข์ เป็นพระนามของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายผู้ตรัสรู้แล้ว, พระนามว่า พราหมณ์ ดังนี้ นั้นเป็นสัจฉิกาบัญญัติเพราะเหตุมาตรว่าได้เฉพาะแล้ว ปรากฏแล้ว เกิดขึ้นพร้อมแล้ว พร้อมด้วยอันขจัดมารและเสนาแห่งมาร ลอยแล้วซึ่งธรรมทั้งหลายเป็นบาปเป็นอกุศล เป็นอดีตอนาคตปัจจุบัน ได้เฉพาะสัพพัญญุตญาณที่โคนแห่งไม้โพธิทีเดียว เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพราหมณ์"
      ร "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระตถาคต อันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าเป็นพระราชา เพราะเหตุไรเล่า"
      ถ "ขอถวายพระพร บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งให้ทำความเป็นพระราชาสั่งสอนโลก บุคคลผู้นั้นชื่อพระราชา, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าให้ทำความเป็นพระราชาโดยธรรมในหมื่นแห่งโลกธาตุ สั่งสอนโลกกับทั้งเทวดากับทั้งมารกับทั้งพรหม หมู่สัตว์กับทั้งสมณะและพราหมณ์, เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าพระราชา ธรรมเนียมพระราชา ย่อมครอบงำหมู่ชนและมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง ยังหมู่แห่งญาติให้เพลิดเพลิน ยังหมู่แห่งบุคคลมิใช่มิตรให้โศกเศร้ายกขึ้นซึ่งเศวตฉัตรอันขาวปราศจากมลทิน มีคันเป็นสาระมั่น ประดับแล้วด้วยร้อยแห่งซี่ไม่พร่อง นำไปซึ่งยศและสิริใหญ่ ๆ, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้ายังมารและเสนาแห่งมาร ผู้ปฏิบัติผิดแล้วให้โศกเศร้า ยังเทพดาและมนุษย์ทั้งหลายผู้ปฏิบัติชอบแล้วให้เพลิดเพลิน ยกเศวตฉัตรอันขาวและปราศจากมลทิน คือ วิมุตติเลิศประเสริฐ มีคันเป็นสาระมั่น คือ ขันตี ประดับแล้วด้วยซี่ร้อยหนึ่ง คือ ญาณอันประเสริฐ นำยศและสิริใหญ่ๆ ในหมื่นแห่งโลกธาตุ, แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าพระราชา ธรรมเนียมพระราชาต้องเป็นที่ควรถวายบังคมของชนผู้เข้าไปใกล้แล้ว และถึงพร้อมแล้วทั้งหลายมาก, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรไหว้ยิ่งของเทพดาและมนุษย์ผู้เข้าไปใกล้แล้ว และถึงพร้อมแล้วทั้งหลายมาก, แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าว่าพระราชา ธรรมเนียมพระราชาเลื่อมใสแก่บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งทำให้พอพระหฤทัย จึงพระราชทานพร อันบุคคลนั้นปรารถนาแล้ว ให้เอิบอิ่มตามประสงค์, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าเลื่อมใสแล้วแก่บุคคลผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งให้ทรงยินดีด้วยกายด้วยวาจาด้วยใจ ประทานความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เป็นพระไม่มีพรอื่นจะยิ่งกว่าอันบุคคลนั้นปรารถนาแล้ว ให้เอิบอิ่มตามความใคร่อันประเสริฐไม่เหลือ, แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าพระราชา ธรรมเนียมพระราชาย่อมติเตียนบุคคลล่วงพระอาณาให้เสื่อม ย่อมกำจัดผู้ล่วงซึ่งอาญานั้น, ผู้ล่วงอาณาในศาสนาอันประเสริฐ แม้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้อันบัณฑิตดูหมิ่นดูแคลนแล้ว ติเตียนแล้วโดยความเป็นอลัชชี และเป็นผู้เก้อ เว้นไปจากศาสนาอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าผู้ชนะแล้ว, แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าพระราชา  อนึ่ง ธรรมเนียมพระราชา แสดงธรรมและอธรรมด้วยความสั่งสอน ประเวณีของพระมหากษัตริย์ทั้งหลาย ผู้สถิตในธรรมแต่ปางก่อนแล้ว จึงให้กระทำความเป็นพระราชาโดยธรรม อันชนและมนุษย์ทั้งหลายทะเยอทะยานรักใคร่ ปรารถนาแล้วย่อมสถาปนาวงศ์แห่งตระกูลของพระราชาไว้ยืนนาน ด้วยกำลังแห่งคุณแห่งธรรม, แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมและอธรรมด้วยพร่ำสั่งสอน ประเวณีของสยัมภูพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อนเมื่อสั่งสอนโลกโดยธรรม อันเทพดาและมนุษย์ทั้งหลายทะเยอทะยานรักใคร่ปรารถนาแล้ว ยังศาสนาให้เป็นไปสิ้นกาลนาน ด้วยกำลังแห่งคุณแห่งธรรม แม้เพราะเหตุนั้น พระตถาคตอันบัณฑิตย่อมกล่าวว่าพระราชา พระตถาคตพึงเป็นพราหมณ์บ้าง พึงเป็นพระราชาบ้าง ด้วยเหตุใด เหตุนั้น มีประการมิใช่อย่างเดียว ด้วยประการฉะนี้ ภิกษุผู้ฉลาดด้วยดี แม้จะพรรณนาไปตลอดกัลป์หนึ่ง พึงยังเหตุนั้นให้ถึงพร้อม คือให้จบไม่ได้, ประโยชน์อะไรด้วยกล่าวเหตุมากเกินบรมบพิตรพึงรับเหตุที่อาตมภาพย่อพอสมควร"
      ร "ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาปัญหานั้นสม
อย่างนั้น, ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น"

 


วรรคที่ 1
วรรคที่ 2
วรรคที่ 3
วรรคที่ 4
วรรคที่ 5
วรรคที่ 6
ปฏิปทาโทสปัญหา
นิปปปัญจปัญหา
คิหิอรหัตตปัญหา
โลมกัสสปปัญหา
ฉันททันตโชติปาลอารัพภปัญหา
ฆฏีการปัญหา
ภควโต ราชปัญหา
ทวินนัง พุทธานัง โลเก นุปปัชชนปัญหา
คิหิปัพพชิตสัมมาปฏิปัตติปัญหา
วรรคที่ 7
วรรคที่ 8
วรรคที่ 9
 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย