ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
มิลินทปัญหา
ฉบับแปลในมหามกุฏราชวิทยาลัย
วรรคที่เก้า
3 เอกัจจาเนกัจจานํ ธัมมาภิสมยปัญหา
พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน
ธรรมาภิสมัยความตรัสรู้ธรรมเกิดมีแก่บุคคลทั้งหลายทั้งปวง
ผู้ปฏิบัติโดยชอบหรือ, หรือว่าไม่เกิดมีแก่บุคคลบางจำพวก"
พระเถรเจ้าทูลว่า "เกิดมีแก่บุคคลบางจำพวก, ไม่เกิดมีแก่บุคคลบางจำพวก,
ขอถวายพระพร"
ร
"เกิดมีแก่บุคคลพวกไร, ไม่เกิดมีแก่บุคคลพวกไร พระผู้เป็นเจ้า"
ถ
"ขอถวายพระพร ธรรมาภิสมัยไม่เกิดมีแก่บุคคลผู้เกิดในดิรัจฉานแม้ปฏิบัติดีแล้ว,
และธรรมาภิสมัยไม่เกิดมีแก่บุคคลผู้เกิดในเปตวิสัย แก่บุคคลผู้มิจฉาทิฏฐิ
แก่บุคคลโกง แก่บุคคลผู้ฆ่ามารดา แก่บุคคลผู้ฆ่าบิดา แก่บุคคลผู้ฆ่าพระอรหันต์
แก่บุคคลผู้ทำลายสงฆ์ แก่บุคคลผู้ทำโลหิตให้ห้อขึ้นในพระกายแห่งพระพุทธเจ้า
แก่บุคคลผู้ลักสังวาส แก่บุคคลผู้หลีกไปสู่ลัทธิแห่งเดียรถีย์
แก่บุคคลผู้ประทุษร้ายนางภิกษุณี
แก่บุคคลผู้ต้องครุกาบัติสิบสามอันใดอันหนึ่งแล้วไม่อยู่กรรม แก่บัณเฑาะก์
แก่อุภโตพยัญชนก แม้ปฏิบัติดีแล้ว, อนึ่ง
ธรรมาภิสมัยไม่เกิดมีแม้แก่มนุษย์ยังเด็กผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
ธรรมาภสมัยไม่เกิดมีแก่บุคคลสิบหกจำพวกเหล่านี้แม้ปฏิบัติดีแล้ว"
ร
"ธรรมาภิสมัยเกิดมีหรือไม่เกิดมีแก่บุคคลสิบห้าจำพวก
ซึ่งเป็นผู้ปิดทางดีแล้วก็ยกไว้เถิด, พระผู้เป็นเจ้า
ก็แต่เพราะเหตุไรธรรมาภิสมัยจึงไม่เกิดมีแก่เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
แม้เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปัญหาในข้อนี้ยังมีอยู่ก่อน ราคะไม่มีแก่ทารก,
โทสะก็ไม่มี, โมหะก็ไม่มี, มานะก็ไม่มี, ความเห็นผิดก็ไม่มี, ความชิงชังก็ไม่มี
กามวิตกก็ไม่มี ไม่ใช่หรือ
ธรรมดาเด็กน้อยนั้นไม่เจือแล้วด้วยกิเลสทั้งหลายประกอบถึงที่แล้วย่อมควรจะตรัสรู้ของจริงสี่ด้วยความตรัสรู้อย่างเอก"
ถ
"ขอถวายพระพร อาตมภาพกล่าวว่า
'ธรรมาภิสมัยไม่เกิดมีแก่เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี แม้ปฏิบัติดีแล้ว'
ฉะนี้ ด้วยเหตุไร เหตุนั้นนั่นแลในปัญหานี้
ขอถวายพระพร ถ้าว่าเด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
พึงกำหนัดในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
พึงประทุษร้ายในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความประทุษร้าย
พึงหลงในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลง
พึงมัวเมาในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา พึงรู้แจ้งซึ่งความเห็น
พึงรู้แจ้งซึ่งความยินดีและความไม่ยินดี พึงตรึกถึงอกุศลไซร้,
ธรรมาภิสมัยพึงเกิดมีแก่เด็กน้อยนั้น
เออก็จิตของเด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปีเป็นของไม่มีกำลัง มีกำลังชั่ว
เล็กน้อย อ่อนแอไม่มีแจ้ง, ส่วนนิพพานธาตุซึ่งไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
เป็นของหนักมากใหญ่โต; เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
ไม่อาจตรัสรู้นิพพานธาตุซึ่งไม่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นของหนักมากใหญ่โต
ด้วยจิตซึ่งมีกำลังชั่วเล็กน้อยอ่อนแอไม่มีแจ้งนั้น
ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนพญาเขาสิเนรุเป็นของหนักใหญ่โต
บุรุษจะพึงอาจเพื่อจะยกพญาเขาสิเนารุนั้นด้วยเรี่ยวแรงกำลัง
และความเพียรอันมีอยู่ตามปกติของตนได้หรือ ขอถวายพระพร"
ร
"ไม่อาจเลย พระผู้เป็นเจ้า"
ถ
"เพราะเหตุไร ขอถวายพระพร"
ร
"เพราะความที่บุรุษมีกำลังทราม และเพราะความที่พญาเขาสิเนรุเป็นของใหญ่ซิ"
ถ
"ขอถวายพระพร จิตเด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี เป็นของไม่มีกำลัง มีกำลังชั่ว
เล็กน้อยอ่อนแอไม่มีแจ้ง, ส่วนนิพพานธาตุซึ่งไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
เป็นของหนักมากใหญ่โต, เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
ไม่อาจตรัสรู้นิพพานธาตุซึ่งไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เป็นของหนักมากใหญ่โต
ด้วยจิตซึ่งมีกำลังชั่วเล็กน้อย ซึ่งอ่อนแอไม่มีแจ้งฉันนั้นนั่นเทียวแล,
ด้วยเหตุนั้น
ธรรมาภิสมัยย่อมไม่เกิดมีแก่เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปีแม้ปฏิบัติดีแล้ว
ขอถวายพระพร อนึ่ง ราวกะว่าแผ่นดินใหญ่นี้
เป็นของยาวรีหนากว้างขวางมากมายใหญ่โต, โคร ๆ
จะอาจให้แผ่นดินใหญ่นั้นชุ่มด้วยหยาดน้ำ หยาดนิดเดียวทำให้ลื่นได้หรือ
ขอถวายพระพร"
ร
"ไม่อาจเลย"
ถ
"เพราะเหตุไร ขอถวายพระพร"
ร
"เพราะความที่น้ำหยาดหนึ่งเป็นของนิดเดียว,
และเพราะความที่แผ่นดินใหญ่เป็นของโตซิ"
ถ
"ขอถวายพระพร จิตของเด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี เป็นของไม่มีกำลัง
มีกำลังชั่ว เล็กน้อย อ่อนแอ ไม่มีแจ้ง, ส่วนนิพพานธาตุซึ่งไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
เป็นของยาวรีหนากว้างขวางมากมายใหญ่โต, เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
ไม่อาจตรัสรู้นิพพานธาตุ ซึ่งไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เป็นของใหญ่
ด้วยจิตซึ่งมีกำลังชั่วเล็กน้อยอ่อนแอไม่มีแจ้งนั้น ฉันนั้นนั่นแลเทียว,
ด้วยเหตุนั้น ธรรมาภิสมัย ย่อมไม่เกิดมีแก่เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
แม้ปฏิบัติดีแล้ว
ขอถวายพระพร อนึ่ง ราวกะไฟอันเป็นของไม่มีกำลัง มีกำลังชั่วเล็กน้อยนิดเดียว,
ใคร ๆ
จะอาจกำจัดความมืดในโลกกับทั้งเทวดาส่องให้สว่างด้วยไฟน้อยเพียงเท่านั้นได้หรือ
ขอถวายพระพร"
ร
"ไม่อาจเลย"
ถ
"เพราะเหตุไร ขอถวายพระพร"
ร
"เพราะความที่ไฟเป็นของน้อย, และเพราะความที่โลกเป็นของใหญ่ซิ"
ถ
"ของถวายพระพร จิตของเด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี เป็นของไม่มีกำลัง
มีกำลังชั่ว เล็กน้อย อ่อนแอ ไม่มีแจ้ง, และจิตนั้นเป็นของอันความมือ คือ
ความไม่รู้เท่าอย่างใหญ่ปิดแล้ว, เพราะเหตุนั้น ยากที่เด็กน้อยจะส่องแสงสว่าง
คือ ความรู้เท่าได้ ฉันนั้นนั่นเทียวแล, ด้วยเหตุนั้น ธรรมาภิสัย
ย่อมไม่เกิดมีแก่เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี แม้ปฏิบัติดีแล้ว ขอถวายพระพร
อีกประการหนึ่ง ราวกะหนอนกินหน่อไม้ เป็นสัตว์กระสับกระส่ายผอม
และมีกายมีอณูเป็นประมาณ เห็นช้างประเสริฐผู้มีน้ำมันแตกทั่วโดยส่วนสาม
มีอวัยวะยาวเก้าศอก กว้างสามศอก โอบอ้อมสิบศอก สูงแปดศอก ยืนอยู่
พึงคร่ามาเพื่อจะกลืนกิน หนอนกินหน่อไม้นั้น
จะพึงอาจกลืนกินช้างประเสริฐนั้นได้หรือ ขอถวายพระพร"
ร
"ไม่อาจเลย"
ถ
"เพราะเหตุอะไร ขอถวายพระพร"
ร
"เพราะความที่หนอนกินหน่อไม้เป็นสัตว์เล็ก
และเพราะความที่ช้างประเสริฐเป็นสัตว์ใหญ่ซิ"
ถ
"จิตของเด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี เป็นของไม่มีกำลัง มีกำลังชั่ว เล็กน้อย
อ่อนแอ ไม่มีแจ้ง, ส่วนนิพพานธาตุ ซึ่งหาปัจจัยปรุงแต่มิได้ เป็นของใหญ่,
เด็กน้อยนั้นไม่สามารถจะตรัสรู้นิพพานธาตุซึ่งหาปัจจัยปรุงแต่มิได้ เป็นของใหญ่
ด้วยจิตมีกำลังชั่วเล็กน้อย อ่อนแอ ไม่มีแจ้งนั้น ฉันนั้นนั่นเทียวแล,
ด้วยเหตุนั้น ธรรมาภิสัยย่อมไม่เกิดมีแก่เด็กน้อยผู้มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี
แม้ปฏิบัติดีแล้ว"
ร "ดีแล้ว
พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาปัญหาของพระผู้เป็นเจ้า สมอย่างนั้น,
ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น"
วรรคที่ 1
วรรคที่ 2
วรรคที่ 3
วรรคที่ 4
วรรคที่ 5
วรรคที่ 6
วรรคที่ 7
วรรคที่ 8
วรรคที่ 9
กาลากาลมรณปัญหา
ปรินิพพุตเจติยปาฏิหาริยปัญหา
เอกัจจาเนกัจจานํ ธัมมาภิสมยปัญหา
นิพพานอทุกขมิสสภาวปัญหา
นิพพานปัญหา
นิพพานสัจฉิกรณปัญหา
นิพพานปัฏฐานปัญหา
อนุมานปัญหา
ธุตังคปัญหา