ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม
» พระสูตร
พระไตรปิฎกฉบับประชาชน
เล่มที่ ๒๔
ชื่ออังคุตตรนิกาย
ทสก-เอกาทสนิบาต
ทสกนิบาต ชุมนุมธรรมะที่มี ๑๐ ข้อ
ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒
๑. ตรัสว่า ถ้าภิกษุไม่ฉลาดในเรื่องจิตของคนอื่น ก็ควรฉลาดในเรื่องจิตของตน
( ดูที่แปลไว้แล้วในข้อความน่ารู้จากไตรปิฎก ) หมายเลข ๗๗-๗๘
และตรัสว่า ไม่ทรงสรรเสริญความหยุดอยู่ในกุศลธรรม ( ดูหน้า ข้อความน่ารู้จากไตรปิฎก หมายเลข ๗๖. พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญความหยุดอยู่ในกุศลธรรม
และตรัสเรื่องควรฉลาดในเรื่องจิตของตนอีกนัยหนึ่ง ( ดูหน้าข้อความน่ารู้จาก ไตรปิฎก ) หมายเลข ๗๘. ฉลาดในเรื่องจิตของตนอีกอย่างหนึ่ง
ตรัสถึง ปัจจัย ๔, คามนิคม, ชนบท, ประเทศ, บุคคลว่า มี ๒ อย่าง คือที่ควรเสพ และไม่ควรเสพ โดยมีเหตุผลว่า ถ้าเสพเข้า อกุศลธรรมเจริญ กุศลธรรมเสื่อม ก็ไม่ควรเสพ ถ้าอกุศลธรรมเสื่อม กุศลธรรมเจริญ ก็ควรเสพ.
พระสาริบุตรแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย ถึงเรื่องบุคคลผู้มีธรรมอันเสื่อมและ ไม่เสื่อม และเรื่องควรฉลาดในเรื่องจิตของตน.
ตรัสแสดงสัญญา ( ความกำหนดหมาย ) ๑๐ ประการ คือความกำหนดหมาย ว่าไม่งาม, ความกำหนดหมายในความตาย, ความกำหนดหมายว่าน่าเกลียดในอาหาร, ว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง, ว่าไม่เที่ยง, ว่าเป็นทุกข์ใน สิ่งที่ไม่เที่ยง, ว่าไม่ใช่ตนในสิ่งที่เป็นทุกข์, ความกำหนดหมายในการละ, ในการคลายความกำหนัด, ในการดับ.
และตรัสความกำหนดหมาย ๑๐ ประการอื่นอีก คือความกำหนดหมายว่าไม่ เที่ยง, ว่าไม่ใช่ตน, ความกำหนดหมายในความตาย, ความกำหนดหมายว่าน่าเกลียดในอาหาร, ว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง, ความกำหนดหมาย ในกระดูก, ในซากศพที่มีหนอนไต่, ในซากศพที่มีสีเขียว, ในซากศพที่ขาดเป็นท่อน, ในซากศพที่ขึ้นพอง.
ตรัสว่า ธรรมทั้งปวงมีฉันทะ ( ความพอใจ ) เป็นมูล เป็นต้น ( ดูที่แปล ไว้แล้วในข้อความน่ารู้จากไตรปิฎก หมายเลข ๗๙. ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นอะไร ? แล้วได้ตรัสสรูปสอนให้ สำเหนียกว่า จิตของเรา
๑. จักได้รับอบรมโดยควรแก่การบวช
๒. จักไม่ถูกอกุศลบาปธรรมครอบงำ
๓. จักได้รับอบรมด้วยความกำหนด หมายว่าไม่เที่ยง
๔. จักได้รับอบรมด้วยความกำหนดหมายว่าไม่ใช่ตัวตน
๕. จักได้รับอบรมด้วยความกำหนดหมายว่าไม่งาม
๖. จักได้รับ อบรมด้วยความกำหนดหมายถึงโทษ
๗. จักได้รับอบรมด้วยความกำหนดหมายที่รู้ถึงความเสมอไม่เสมอแห่งโลก
๘. จักได้รับอบรมด้วยความ กำหนดหมายที่รู้ถึงความมีความเป็น
ความไม่มีไม่เป็นแห่งโลก
๙. จักได้รับอบรมด้วยความกำหนดหมายที่รู้ถึงความเกิดขึ้น ความดับไปแห่ง โลก
๑๐. จักได้รับอบรมด้วยความกำหนดหมายถึงการละ
๑๑. จักได้รับอบรมด้วยความกำหนดหมายถึงความคลายกำหนัด
๑๒. จักได้รับ อบรมด้วยความกำหนดหมายถึงความดับ.
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หวังผลได้ ๒ อย่าง, อย่างใดอย่างหนึ่ง คืออรหัตตผลในปัจจุบัน หรือถ้ายังมีกิเลส เหลือก็คือ ความเป็นพระอนาคามี.
ตรัสแสดงธรรมแก่พระคิริมานนท์ ผู้เป็นไข้ โดยสอนให้พระอานนท์จำไปบอก เรื่องสัญญา ๑๐ ประการ คือ
๑. อนิจจสัญญา ( ความกำหนดหมายว่าไม่เที่ยง )
๒. อนัตตสัญญา ( ความกำหนดหมายว่าไม่ใช่ตัวตน )
๓. อสุภสัญญา ( ความกำหนดหมายว่าไม่งาม )
๔. อาทีนวสัญญา ( ความกำหนดหมายถึงโทษของกาย )
๕. ปหานสัญญา ( ความกำหนดหมาย ถึงการละอกุศลวิตก ).
๖. วิราคสัญญา ( ความกำหนดหมายถึงความคลายกำหนัด )
๗. นิโรธสัญญา ( ความกำหนดหมายถึงความดับสังขาร และกิเลสทั้งปวง )
๘. สัพพโลเก อนภิรตสัญญา ( ความกำหนดหมายว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง )
๙. สัพพสังขาเรสุ อนิจจสัญญา ( ความ กำหนดหมายว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง )
๑๐. อานาปานสติ ( สติกำหนดลมหายใจเข้าออก ).
- ตรัสว่า ถ้าภิกษุไม่ฉลาดในเรื่องจิตของคนอื่น ก็ควรฉลาดในเรื่องจิตของตน
- ตรัสว่า ที่สุดเบื้องต้นของอวิชชาไม่ปรากฏ
- ตรัสสอนให้สมบูรณ์ด้วยศีล สมบูรณ์ด้วยปาฏิโมกข์
- ตรัสว่า พระตถาคตพ้นจากธรรม ๑๐ อย่าง
- ตรัสแสดงถึงผู้บริโภคกาม ๑๐ ประการ
ปฐมปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๑
ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒
ตติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๓
จตุตถปัณณาสถ์ หมวด ๕๐ ที่ ๔
ปัญจมปัณณาสถ์ หมวด ๕๐ ที่ ๔
เอกาทสกนิบาต
พระสูตรนอกหมวด ๕๐


