ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม

หอพระไตร

» พระวินัยปิฎก

» พระสุตตันตปิฎก

» พระอภิธรรมปิฎก

» พระสูตร

พระไตรปิฎกฉบับประชาชน

พระสูตร

พระสูตร ตตถสูตร

ว่าด้วย อกิริยาทิฏฐิ-ลัทธิเดียรถีย์ ๓ อย่าง

[๕๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลัทธิของเดียรถีย์ ๓ อย่างนี้ ถูกบัณฑิตไต่ถาม ซักไซ้ไล่เลียงเข้า ย่อมอ้างลัทธิสืบ ๆ มา ตั้งอยู่ในอกิริยาทิฏฐิ ๓ อย่าง ทิฏฐิ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑. มีสมณพราหมณ์พวกหนื่งมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุข ทุกข์ หรือ อทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บุคคลเสวยนั้น ล้วนแต่มีกรรมที่ได้ทำไว้แต่ก่อน เป็นเหตุ
๒. มีสมณพราหมณ์พวกหนื่งมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุข ทุกข์ หรือ อทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บุคคลเสวยนั้น ล้วนแต่มีการสร้างสรรค์ของอิสรชน[อิศวร]เป็นเหตุ
๓. มีสมณพราหมณ์พวกหนื่งมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุข ทุกข์ หรือ อทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บุคคลเสวยนั้น ล้วนแต่หาเหตุหาปัจจัยมิได้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์ทั้ง ๓ พวกนั้น พวกที่มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บุคคลเสวยนั้น ล้วนแต่มีกรรมที่ได้ทำไว้แต่ก่อนเป็นเหตุ เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์พวกนั้น แล้วถามอย่างนี้ว่า ได้ยินว่าพวกท่านทั้งหลายมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บุคคลเสวยนั้น ล้วนแต่มีกรรมที่ได้ทำไว้แต่ก่อนเป็นเหตุจริงหรือ ถ้าสมณพราหม์พวกนั้น ถูกเราถามอย่างนี้แล้ว ปฏิญญาว่าจริง เราก็กล่าวกะเขาว่า ถ้าเช่นนั้น เพราะกรรมที่ได้ทำไว้แต่ก่อนเป็นเหตุ ท่านทั้งหลายจักต้องฆ่าส้ตว์ จักต้องลักทรัพย์ จักต้องประพฤติธรรมเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ จักต้องพูดเท็จ จักต้องพูดคำส่อเสียด จักต้องพูดคำหยาบ จักต้องพูดคำเพ้อเจ้อ จักต้องมากไปด้วยอภิชฌา จักต้องมีจิตพยาบาท จักต้องมีความเห็นผิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อบุคคลยึดถือกรรมที่ได้ทำไว้แต่ก่อนโดยความเป็นแก่นสาร ความพอใจหรือความพยายามว่า กิจนี้ควรทำหรือว่ากิจนี้ไม่ควรทำ ย่อมจะมีไม่ได้ ก็เมื่อไม่ได้กรณียกิจและอกรณียกิจโดยจริงจังมั่นคงดังนี้ สมณวาทีที่ชอบธรรมเฉพาะตัว ย่อมจะสำเร็จไม่ได้แก่ผู้มีสติฟั่นเฟือนไร้เครื่องป้องกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรามีวาทะสำหรับข่มขี่ที่ชอบธรรมในสมณพราหมณ์พวกนั้น ผู้มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ อย่างนี้แล เป็นข้อแรก

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์ทั้ง ๓ พวกนั้น พวกที่มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บุคคลเสวยนั้น ล้วนแต่มีการสร้างสรรค์ของอิสรชน[อิศวร]เป็นเหตุ เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์ แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ได้ยินว่า ท่านทั้งหลายมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใด อย่างหนึ่ง ที่บุคคลเสวยนั้น ล้วนแต่มีการสร้างสรรค์ของอิสรชน[อิศวร]เป็นเหตุ จริงหรือ ถ้าสมณพราหม์พวกนั้นถูกเราถามอย่างนี้แล้ว ปฏิญญาว่าจริง เราก็กล่าวกะเขาว่า ถ้าเช่นนั้นเพราะการสร้างสรรค์ของอิสรชน[อิศวร]เป็นเหตุ ท่านทั้งหลายจักต้องฆ่าส้ตว์ ฯลฯ จักต้องมีความเห็นผิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อบุคคลยึดถือการสร้างสรรค์ของอิสรชน[อิศวร]ไว้ โดยความเป็นแก่นสาร ความพอใจหรือความพยายามว่า กิจนี้ควรทำหรือว่ากิจนี้ไม่ควรทำ ย่อมจะมีไม่ได้ ก็เมื่อไม่ได้กรณียกิจ และอกรณียกิจโดยจริงจังมั่นคงดังนี้ สมณวาทีที่ชอบธรรมเฉพาะตน ย่อมจะสำเร็จไม่ได้แก่ผู้มีสติฟั่นเฟือน ไร้เครื่องป้องกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรามีวาทะสำหรับข่มขี่ที่ชอบธรรม ในสมณพราหมณ์พวกนั้น ผู้มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ อย่างนี้แล เป็นข้อที่ ๒

 || หน้าถัดไป >>

» กัจจานโคตตสูตร

» เกสปุตตสูตร

» กุตุหลสาลาสูตร

» โกกนุทสูตร

» ขันธ์สังยุต ทิฏฐิวรรค

» เขมาเถรีสูตร

» จูฬกัมมวิภังคสูตร

» จูฬมาลุงโกยวาทสูตร

» ตตถสูตร

» ติมพรุกขสูตร

» ทิฏฐิกถา

» ทิฏฐิสังยุต จตุตถเปยยาล

» ทิฏฐิสังยุต ตติยเปยยาล

» ทิฏฐิสังยุต ทุติยเปยยาล

» ทิฏฐิสังยุต โสตาปัตติวรรค

» ทิฏฐิสูตร

» ปรัมมรณสูตร

» ปัญจัตตยสูตร

» โปฏฐปาทสูตร

» พรหมชาลสูตร

» ภัททิยสูตร

» โมคคัลลานสูตร

» โรหิตัสสสูตรที่ ๑

» วัจฉสูตร

» สภิยสูตร

» สามัญญผลสูตร

» สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๑

» สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๒

» สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๓

» สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๔

» สาฬหสูตร

» อนันทสูตร

» อนุราธสูตร

» อัคคิวัจฉโคตตสูตร

» อุตติยสูตร

» อเจลกัสสปสูตร

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย