ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พระวรสารแห่งชีวิต

     ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก

บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย

52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75 76 77

74.การผ่านกฎหมายที่ไม่ยุติธรรมมักก่อให้เกิดปัญหากับคนดีๆในเรื่องสำคัญๆ เกี่ยวกับการให้ความร่วมมือ เนื่องจากพวกเขาก็มีสิทธิเรียกร้องที่จะต้องไม่ถูกบังคับให้ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับการกระทำชั่วร้ายผิดศีลธรรมเหล่านั้น บางครั้งการเลือกที่พวกเขาต้องทำนั้นก็ยากลำบาก การเลือกเหล่านั้นอาจเรียกร้องให้พวกเขาต้องยอมเสียสละตำแหน่งอันมีเกียรติทางหน้าที่การงานของตน หรือไม่ก็ต้องยอมทิ้งความหวังอันสมเหตุสมผลที่จะก้าวหน้าไปในอาชีพการงานของตนไปบ้าง ในกรณีอื่นๆ ก็อาจเกิดขึ้นมาว่า การกระทำการบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งกำหนดไว้ตามกฎหมายนั้น สามารถช่วยปกป้องชีวิตมนุษย์ที่ตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามนั้นได้บ้าง อย่างไรก็ตามก็มีเหตุผลที่ก่อให้เกิดความกลัวขึ้นว่าการเต็มใจกระทำการดังกล่าวจะไม่เพียงก่อให้เกิดการเป็นที่สะดุด และทำให้การต่อต้านขัดขวางการคุกคามชีวิตมนุษย์อ่อนกำลังลงไปเท่านั้น แต่จะค่อยๆ นำไปสู่การยอมจำนนตามท่าทีแบบไม่ถือตามกฎเกณฑ์ใดๆ (permissiveness)

เพื่อช่วยส่องสว่างให้แก่ปัญหาอันยากลำบากนี้จึงจำเป็นที่จะต้องหวนกลับไปหาหลักการทั่วไปในเรื่องการให้ความร่วมมือในการกระทำสิ่งชั่วร้ายนั้น ผู้เป็นคริสตชน ก็เช่นเดียวกับมนุษย์ผู้มีน้ำใจดีทุกคน ถูกเรียกให้มาอยู่ภายใต้กฎข้อบังคับสำคัญ ของมโนธรรมที่จะไม่ให้ความร่วมมือโดยตรงกับการกระทำต่างๆ ที่ขัดต่อบทบัญญัติของพระเจ้า ถึงแม้กฎหมายบ้านเมืองจะอนุญาตให้กระทำได้ก็ตาม อันที่จริงเมื่อพิจารณาจากมุมมองทางด้านศีลธรรมแล้ว ก็เป็นสิ่งไม่ถูกต้องเลยที่จะร่วมมือกระทำสิ่งชั่วร้าย การร่วมมือเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อการกระทำนั้น ไม่ว่าโดยธรรมชาติของมันหรือโดยรูปแบบที่มันเป็นอยู่ในสถานะการณ์จริง สามารถให้คำนิยามได้ว่า เป็นการเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงกับการกระทำผิดล่วงละเมิดชีวิตมนุษย์ หรือเป็นการมีส่วนร่วมในเจตจำนงค์ที่ผิดศีลธรรมของบุคคลผู้กระทำสิ่งผิดนั้นการร่วมมือนี้ไม่สามารถหาข้ออ้างให้เป็นสิ่งอันชอบธรรมได้ ไม่ว่าด้วยการอ้างถึงเรื่องเป็นการให้ความเคารพต่ออิสรภาพของผู้อื่น หรือด้วยการอ้างถึงข้อเท็จจริงที่ว่า แม้แต่กฎหมายบ้านเมืองก็ยังอนุญาตให้ทำได้หรือเรียกร้องให้ทำเช่นนั้นด้วย อันที่จริงปัจเจกชนทุกคนก็มีความ รับผิดชอบยิ่งขึ้นทางด้านศีลธรรมต่อการกระทำต่างๆ ที่ตนเองเป็นผู้กระทำขึ้นนั้น ไม่มีใครสามารถยกเว้นจากความรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ และบนพื้นฐานความรับผิดชอบนี้เองที่มนุษย์ทุกคนจะต้องถูกพระเจ้าตัดสิน (เทียบ รม 2:6 ; 14:12)

การปฏิเสธไม่ยอมเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำสิ่งอยุติธรรมต่างๆ นั้น มิใช่เป็นเพียงหน้าที่ทางด้านศีลธรรมเท่านั้น แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ด้วย ถ้าหากมิได้เป็นเช่นนี้มนุษย์ก็คงถูกบีบบังคับให้ต้องกระทำการต่างๆ ที่เข้ากันไม่ได้เลยกับศักดิ์ศรีอันลึกซึ้งในตัวมนุษย์เอง และเช่นนี้เองที่อิสรภาพของมนุษย์ ความหมายและจุดมุ่งหมายแท้จริง ซึ่งพบได้จากการที่มนุษย์มุ่งไปสู่ความจริงและความดีนั้นก็อาจเสียหายไปได้อย่างถึงรากถึงโคนทีเดียว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือเรื่องสิทธิแกนหลักสำคัญ ซึ่งในเมื่อเป็นสิทธิสำคัญเช่นนี้ ก็ควรจะต้องได้รับการรับรู้และได้รับการปกป้องโดยกฎหมายบ้านเมือง ในความหมายนี้โอกาสที่จะปฏิเสธไม่ยอมเข้าร่วมส่วนในขั้นตอนต่างๆ ของการปรึกษาหารือกันในการตระเตรียม และในการลงมือกระทำการล่วงละเมิดต่อชีวิตจะต้องมีการให้ประกันแก่ผู้เป็นแพทย์บุคลากรด้านการสาธารณสุขและผู้อำนวยการโรงพยาบาล คลินิก และศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยทั้งหลายด้วย ผู้ที่ใช้วิธีการโต้แย้งตามนโนธรรม (conscientions objection) นั้นจะต้องได้รับการปกป้องมิใช่เพียงไม่ให้ต้องได้รับโทษตามกฏหมายเท่านั้น แต่เขาต้องได้รับการปกป้องจากผลลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาทางด้านกฎหมาย ด้านวินัย ด้านการเงิน และด้านอาชีพของเขาผู้นั้นด้วย

“ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”
(ลก 10:27) : “ส่งเสริม” ชีวิตมนุษย์

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย