ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ

พระราชบัญญัติ การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2528

หน้า 3

หมวด 3
คณะกรรมการกีฬาจังหวัด
_________

มาตรา 30 ในแต่ละจังหวัด ให้มีคณะกรรมการกีฬาจังหวัดเพื่อ ทำหน้าที่ช่วยเหลือกิจการของ กกท.

มาตรา 31 คณะกรรมการกีฬาจังหวัดประกอบด้วยผู้ว่าราชการ จังหวัดเป็นประธานกรรมการ รองผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด มอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ ผู้แทนกรมพลศึกษา ผู้แทน กกท. และ บุคคลอื่นซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งอีกไม่น้อยกว่าเก้าคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน เป็นกรรมการ ศึกษาธิการจังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการ และ ผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินห้าคนเป็น ที่ปรึกษาของคณะกรรมการกีฬาจังหวัดได้

มาตรา 32 คณะกรรมการกีฬาจังหวัดมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้

(1) ส่งเสริมกีฬาในจังหวัด
(2) เสนอแนะโครงการส่งเสริมการกีฬาในจังหวัดต่อ กกท.
(3) ร่วมมือกับ กกท. ในการดำเนินการจัดแข่งขันกีฬา
(4) ปฏิบัติการอื่นตามที่ กกท. มอบหมาย
(5) ออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุมและการดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ มาตรา 33 กรรมการซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่ง คราวละสองปี และให้นำมาตรา 16 และมาตรา 17 มาใช้บังคับ แก่ คณะกรรมการกีฬาจังหวัดโดยอนุโลม

หมวด 4
การร้องทุกข์ และการสงเคราะห์
 ________

มาตรา 34 พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามระเบียบ ที่ คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 35 ให้ กกท. จัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์ อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัวในกรณีที่พ้นจากตำแหน่ง ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย ตาย หรือกรณีอื่นอันควรแก่การสงเคราะห์ การจัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นตามวรรคหนึ่ง การออกเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ การกำหนดประเภทของผู้ซึ่งพึงได้รับ การสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ การจ่ายเงินสงเคราะห์ และการ จัดการกองทุนสงเคราะห์ ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

หมวด 5
การเงิน การบัญชี และการตรวจสอบ
 __________

มาตรา 36 กกท. ต้องทำงบประมาณประจำปี โดยให้แยกเป็น งบลงทุนและงบทำการ สำหรับงบลงทุนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และให้ความเห็นชอบ ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

มาตรา 37 รายได้ที่ กกท. ได้รับจากการดำเนินงานในปีหนึ่ง ๆ ให้ตกเป็นของ กกท. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเมื่อได้หัก รายจ่ายสำหรับการดำเนินงานค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคา เงินสำรองตามมาตรา 12 และเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ หรือการสงเคราะห์อื่นตามมาตรา 35 แล้ว เหลือเท่าใดให้สะสมไว้เป็นเงิน สำหรับใช้จ่ายต่อไป

มาตรา 38 กกท. ต้องเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารแห่ง ประเทศไทยหรือธนาคารอื่นตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด

มาตรา 39 กกท. ต้องวางและถือไว้ซึ่งระบบการบัญชีที่เหมาะสม แก่กิจการแยกตามประเภทงานส่วนที่สำคัญ มีสมุดบัญชีลงรายการรับและจ่ายเงิน สินทรัพย์และหนี้สินที่แสดงกิจการที่เป็นอยู่ตามความจริงและตามที่ควร ตาม ประเภทงาน พร้อมด้วยข้อความอันเป็นที่มาของรายการนั้น ๆ และให้มีผู้สอบ บัญชีภายใน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการทำการตรวจสอบบัญชีภายใน เป็นประจำทุกเดือน

มาตรา 40 กกท. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไร ขาดทุนส่งผู้สอบบัญชี ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี

มาตรา 41 ทุกปีให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี ทำการ ตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของ กกท.

มาตรา 42 ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุดบัญชี และเอกสาร หลักฐานของ กกท. เพื่อการนี้ให้มีอำนาจสอบถามประธานกรรมการ กรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของ กกท.

มาตรา 43 ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงิน เสนอต่อคณะกรรมการภายในหนึ่งร้อยหกสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีเพื่อคณะกรรมการ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี

มาตรา 44 ให้คณะกรรมการทำรายงานปีละครั้งเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี รายงานนี้ให้กล่าวถึงผลงานของ กกท. ในปีที่ล่วงมา พร้อมทั้ง คำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการ โครงการ และแผนงานที่จะจัดทำ ในปีถัดไป ให้ กกท. โฆษณารายงานประจำปีที่สิ้นไป โดยแสดงงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้องแล้ว รวมทั้งรายงานสรุปผลงาน ในปีที่ล่วงมา ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีของ กกท.

หมวด 6
การกำกับและควบคุม
 _______

มาตรา 45 ให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย มีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ กกท. เพื่อการนี้จะสั่งให้ กกท. ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น ทำรายงาน หรือยับยั้งการกระทำของ กกท.ที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลหรือมติคณะรัฐมนตรีตลอดจนมีอำนาจที่จะสั่ง ให้ปฏิบัติการตามนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี และสั่งสอบสวน ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการได้

มาตรา 46 ในกรณีที่ กกท. ต้องเสนอเรื่องใด ๆ ไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ กกท.นำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี

มาตรา 47 กกท. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน จึงจะดำเนินการดังต่อไปนี้ได้

(1) กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินคราวละห้าล้านบาท
(2) จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาท
(3) จำหน่ายทรัพย์สินอันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาทจากบัญชีเป็นสูญ

« ย้อนกลับ | หน้าถัดไป »

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย