วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน พบศรีสุวรรณ
หน้า 5
ศรีสุวรรณเชิญนางเข้าเมืองรมจักร แล้วบอกว่าหลังจากนั้นก็จะออกติดตามพระพี่ยา ถ้าหาไม่พบก็จะไม่กลับวัง นางสุวรรณมาลีเห็นว่าไม่สมควรที่จะปฏิเสธ จึงตรัสตอบขอบคุณ แล้วลงไปที่พัก
วันรุ่งขึ้นทั้งหมดก็พากันลงเรือพระที่นั่งเข้าเมือง
สามพระองค์ลงร่วมเรือพระที่นั่ง
ทหารตั้งโห่ลั่นสนั่นเสียง
ประโคมฆ้องกลองแตรแซ่สำเนียง ออกรายเรียงซ้ายขวาเป็นตาริ้ว
ขึ้นร่องทางกางใบขึ้นใส่เสา
เวลาเช้าลมเรื่อยเฉือบเฉือยฉิว
ทั้งกองนำลำทรงใส่ธงปลิว
เป็นแถวทิวเถือกมาในสาคร
ตะวันคล้อยหน่อยหนึ่งถึงปากน้ำ
ต้องเรียงลำเรือแห่แซ่สลอน
สำเนียงโห่โยธาพลากร
ใกล้นครคนตื่นเสียงครื้นครึก
ฯลฯ
พวกชาวเมืองเห็นบรรดาแขกฝรั่งมากันคับคั่ง ก็คิดว่าเป็นข้าศึกก็พากันหนีเป็นอลหม่าน
ท้าวทศวงศ์ได้ยินฆาตกลองศึก ก็ตกพระทัยจึงปรึกษาข้าเฝ้าแล้วให้เสนาในใหญ่น้อย ไปคอยรับนายทัพบอกว่า พรุ่งนี้เช้าจะไปถวายเมืองกับเครื่องยศ ตัวพระองค์กับมเหสีและลูกหลาน จะออกป่าไปบรรพชาเป็นดาบส บรรดาเสนาก็ทูลว่า ถ้าพระองค์ทรงผนวชก็จะบวชตามไป แล้วถวายบังคลลงมาแพ
แลเห็นลำกำปั่นให้ครั่นคร้าม
แต่ล้วนสามเสาสล้างมากลางกระแส
ชุมนุมนั่งตั้งหน้านัยน์ตาแล
จนเรือแห่แซ่มาถึงหน้าวัง
พอลำทรงตรงประทับกับฉนวน
พร้อมกระบวนโยธาทั้งหน้าหลัง
สามพระองค์ลงจากเรือบัลลังก์
แล้วหยุดยั้งตำหนักท่าชลาลัย
บรรดาขุนนางหมอบเฝ้าอยู่เห็นเจ้านายก็เข้าไปเฝ้า จอมกษัตริย์ได้ตรัสถามความนคร บรรดาเสวกาก็ทูลแถลงให้ทรงทราบ
เสวกาอาดูรทูลแถลง
ทุกเขตแขวงเศร้าหมองไม่ผ่องใส
เสนามาตย์ราษฎรร้อนฤทัย
เหมือนอยู่ในกลางเพลิงเชิงตะกอน
พระปิตุรงค์มาตุรงค์ทรงกำสรด
ทุกข์ระทดทั้งพิภพสยบสยอน
แม้นข้าศึกฮีกหาญมาราญรอน
จะโอนอ่อนเอาใจเป็นไมตรี
อันไพร่ฟ้าข้าเฝ้เหล่าทหาร
ต่างคิดการแต่จะอพยพหนี
เดชะบุญทูลกระหม่อมจอมโมลี
ได้กลับมาธานีที่ดีใจ ฯ
จอมกษัตริย์จึงตรัสเล่าตั้งแต่เข้ารบจนพบนัดดา แล้วให้เรียกวอช่อฟ้า มาเชิญพระพี่นางไปปรางค์ทอง เมื่อทุกคนได้พบกันแล้ว จอมกษัตริย์ก็ได้ตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ท้าวทศวงศ์มีความสงสัยจึงตรัสถามอายุนางสุวรรณมาลี


