วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน มังคลาครองเมืองลังกา
หน้า 3
ฝ่ายฝรั่งลังกาทั้งหลาย เมื่อรู้ความตามประกาศแล้ว บรรดาผู้ที่รู้วิชาก็พากันมาถวายตัวกับพระมังคลา เมื่อได้ทำการทดลองว่า มีความรู้ความสามารถตามที่แจ้งมาแล้ว ก็ให้ที่อยู่ให้ยศศักดิ์ และให้เงินทองตามความรู้ความสามารถ ฝ่ายองค์วลายุดาคุมโยธาทำที่ด่านประการใน
ให้ก่อป้อมคร่อมทางปิดหว่างเขา
จำเพาะเข้าออกเดินเนินโศล
ปีกกานั้นชั้นบนล้วนกลไก
ที่ล่อไล่ล้วนสังหารผลาญไพรี
ฯลฯ
ฝ่ายวายุพัฒน์นัดดาปรีชาหาญ
อยู่ดงตาลด่านกลางหว่างสิงขร
ป้อมกำแพงแต่งการไว้ราญรอน
เป็นมังกรกินปลาตำราเรียน
ฯลฯ
เจ้าหัสกันนั้นตั้งอยู่เมืองใหม่
ก่อป้อมใหญ่แปดป้อมล้อมเขื่อนขัณฑ์
กำแพงหินศิลาปีกกากัน
ชื่อกลจั่นจับพยัคฆ์ดักกุญชร
ฯลฯ
ได้ลัทธิบาลีปีโปฝึก
รู้กลศึกสารพัดหัดทหาร
แต่งเรือใช้ไปไม่ขาดสืบราชการ
ตระเวณด่านฟังเหตุทุกเขตคัน ฯ
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าลังกาปลอมพาณิช
ไปทุกทิศจนถึงยักษ์มักกะสัน
เที่ยวหาผู้รู้วิชาสารพัน
เมืองสุตันเมืองชลามะคาวิล
เมืองฉ่ามะหรุ่มอุ่นไม่โสมโข
ไอคุปโตโกสัมพีระดีระถิ่น
กะนาอันบันดระเมืองกะริน
เมืองกบิลพัสดุ์เมืองมัดชนะ
เมืองมะหุด กุสสตรา วิลาศละหม่าน
กริบสว่านเมืองสังกัสหัสสละ
เมืองโกบิลสินธุ์ทะเลเมืองเอละ
เมืองสุเหร่า มะเกามะกะ เมืองละวน
ได้จีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกอังกฤษ
ล้วนหาญจิตเจนศึกได้ฝีกฝน
ทั้งผู้รู้วิเศษทางเวทมนต์
รู้ทำกลต่างต่างช่างชำนาญ
ฯลฯ
ฝ่ายองค์หัสกันอยู่ด่านชั้นนอกสุด พวกตระเวนสมุทรกลับมาแจ้งว่า พระธิดาเมืองการะเวกหนีการอภิเษกไป โอรสก็ตามไปด้วย และได้ข่าวว่าเจ้าเมืองผลึก และเจ้าเมืองรมจักร ยกกำลังไปเมืองรัตนา คงเหลืออยู่แต่องค์สุวรรณมาลี จึงเอาความดังกล่าวไปทูลพระมังคลา
ฝ่ายพระมังคลาเห็นได้ทีที่จะทำศึกตามที่คิดไว้ จึงไปเฝ้าพระมารดา ทูลลาไปตรวจตราด่านชานนคร องค์วัณฬาก็อนุญาต พระมังคลาจึงออกมาเตรียมไพร่พลออกเดินทาง พอรุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง พอตกเย็นจึงหยุดพัก ครั้นล่วงสามยามได้ยินเสียงดังกึกก้อง บนท้องฟ้าแล้วเกิดเป็นสายฟ้าผ่าลงมา เสียงดังสนั่นเห็นเหมือนสีรุ้ง พุ่งลงมาที่พลับพลาที่พระมังคลาประทับ แล้วเป็นรูปนางเนื้อเหลือง มีเส้นเกษาสีชาด ใส่คราบงูดูดังเสื้อ จักษุดำดังนิล อายุประมาณสิบขวบเศษ
พระมังคลาถามว่านางคือใคร อยู่แห่งหนตำบลใด แต่นางไม่ตอบ พวกฝรั่งจึงล้อมนางไว้ จะจับตัว พอเข้าใกล้นางก็กางนิ้วออก กลายเป็นนาคหลุดออกจากนิ้วมือทั้งห้าหัว ออกรุกไล่ไพร่พลที่จะเข้ามาจับ จนต้องหนีล้มลุกคลุกคลานไปตามกัน แล้วนางก็นั่งที่หลังศิลาหน้าถ้ำ ร้องลำนำว่าเมื่อไรจะได้พบพระมังคลา
ฝ่ายองค์พระมังคลาได้ฟังคำลำนำก็มีความพิศวงสงสัย จึงปรึกษาพวกข้าเฝ้า ฝ่ายอำมาตย์ราชครูจึงทูลว่า สตรีนี้ประเสริฐนัก ชี้นิ้วเป็นนาคราชชรอยจะเป็นนาค นับว่าเป็นบุญบันดาลที่ให้ได้นางผู้นี้มา แล้วเล่าความเหมือนย่องตออ ยอดทหารของพระมารดา แต่นางผู้นี้ดีว่าย่องตอดควรเลี้ยงเอาไว้
พระมังคลาทราบเรื่องก็มีความยินดี จึงเข้าไปใกล้นางแล้วว่า ตนเป็นเจ้าเมืองชื่อ พระมังคลา แล้วตรัสเชิญนางไปนั่งที่พลับพลา นางพิศดูพระพักตร์ลักษณาแล้ว ก็รู้ว่าเป็นดาวศีรษะจระเข้ แต่แสร้งกล่าวบิดผันว่า มีของสำคัญสิ่งใดมา แสดงให้นางรู้ พระมังคลาจึงหยิบตราพระราหูออกมาให้นางดู
ค นางเห็นตราราหูคู่ทวีป
ดังประทีปเทียนสว่างกระจ่างฉาย
คุกเคารพนบนอบนั่งยอบกาย
ยอมถวายกายาเป็นข้าไท
ฯลฯ
เลี้ยงเป็นนางข้างที่ด้วยมีฤทธิ์
อยู่ใกล้ชิดเชิญพระแสงตำแหน่งขวา
เครื่องนากทองของสำหรับประดับประดา
ทั้งเสื้อผ้าสารพัดจัดประทาน
แล้วตั้งนามตามมาเมื่อฟ้าฟาด
ให้ชื่อ นางสุนีบาตด้วยอาจหาญ
แล้วยกทัพนับหมื่นดื่นดงดาล
มาถึงด่านแดนเขาเจ้าประจัญ ฯ
พระอนุชาออกมาคำนับน้อม เที่ยวตรวจดูป้อมปืนประตูคูเขื่อนขัณฑ์ หยุดพักแรมอยู่สี่วันแล้วสมทบกันยกมาเมืองป่าตาล วายุพัฒน์นัดดาออกมารับหยุดตรวจตราไพร่พลโยธา กำแพงล้อมป้อมปราการ แล้วเกณฑ์พลรบสมทบกัน ยกไปยังเมืองใหม่ พระหัสกันออกมารับเข้าไปอยู่ในวัง


