วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
ขุนช้าง-ขุนแผน
ฉบับร้อยแก้ว
ขุนช้างขุนแผนมาฝึกหัดราชการ
ฝ่ายพระพันวษาได้ถามจมื่นศรีถึงขุนแผนว่า ขุนแผนนั้นเป็นคนหนุ่มที่กล้าหาญ ตั้งแต่ตีแดนเมืองลาวได้ ก็ให้ไปอยู่ชายแดน ไม่เคยมารับราชการในวังเลย หากนานไปการงานในวังก็จะทำไม่ได้ แล้วญาติก็ไม่มี จึงขอฝากให้จมื่นดูแลฝึกหัดขุนแผนไว้ด้วย
นอกจากนั้นยังมีขุนช้างได้เคยรับปากกับพ่อของขุนช้างไว้ ก็ให้ช่วยดูแลด้วย แล้วได้ให้ทหารไปตามทั้งขุนช้างและขุนแผนเข้ามาในวัง จมื่นศรีได้รับสั่งแล้ว จึงให้เจ้ากรมจัดตำรวจไปบอกกับขุนแผนที่เขาชนไก่ว่า พระพันวษาให้มาหาในวังเพื่อฝึกสอนราชการ ขุนแผนได้ลานางทองประศรี นางทองประศรีดีใจมาก บอกให้ขุนแผนอดทนฝึกราชการให้ดี ส่วนนางลาวทองจะดูแลไว้ให้ หากวันข้างหน้าได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ ก็จะเหมือนกับแทนคุณขุนไกรผู้บิดา แล้วสั่งสอนขุนแผนถึงวุฒิสี่ประการ อันได้แก่ ชาติวุฒิ คุณวุฒิ วัยวุฒิ และปัญญาวุฒิ พร้อมทั้งสอนเรื่องราชสวัสดีสิบประการ
ฝ่ายขุนแผนเมื่อรับพรของนางทองประศรีแล้ว ก็มาหานางลาวทอง แล้วบอกว่า การไปครั้งนี้ไปราชการไม่ได้ทิ้งขว้าง ว่างเมื่อใดก็จะมาหา รุ่งขึ้นขุนแผนและตำรวจวังก็เดินทางมาที่บ้านขุนช้างที่สุพรรณบุรี แจ้งให้ขุนช้างทราบว่า มีรับสั่งให้หา ด้วยบิดาเคยถวายตัวไว้ ตอนนี้จะให้ไปฝึกหัดราชการ ขุนช้างจึงสั่งเสียนางวันทอง แล้วตามขุนแผนกับตำรวจไปที่อยุธยา จมื่นศรีก็ได้ฝึกหัดราชการต่าง ๆ ให้ทั้งขุนแผนและขุนช้าง ขุนแผนนั้นเป็นคนสอนง่ายและเข้าใจง่าย ส่วนขุนช้างเข้าใจยาก มหาดเล็กตั้งฉายาขุนช้างว่า ขุนเถน เมื่อฝึกหัดจนเข้าใจแล้ว ทั้งขุนช้างและขุนแผนก็เข้าไปอยู่เวรร่วมกัน และได้เพื่อนอีกสองคนคือ ขุนเพชร กับขุนรามอินทรา ฝ่ายนางลาวทองนั้นได้อยู่กับนางทองประศรี เกิดล้มป่วยเป็นไข้หนัก นางทองประศรีหาหมอมารักษากี่คนก็ไม่หาย จึงส่งบ่าวไปแจ้งให้ขุนแผนรู้ ขุนแผนรู้ข่าวก็ดูฤกษ์ยามแล้วเห็นว่า จะไม่ถึงตาย แต่จะไม่สบายใจเท่านั้น
".........
ดูในฤกษ์ยามตามนาที
วันเสาร์ข้างเช้าเป็นยามจันทร์
ไข้นั้นหนักเจียนจะเป็นผี
แต่ยามจันทร์ท่านทายว่าคลายดี
ผู้มาบอกนั่งที่ก็ไม่ร้าย
ผิดทั้งหลาวเหล็กราหูจร
อยู่ข้างต้นศรว่าพลันหาย
ฤกษ์ยามตามตำราว่าไม่ตาย
แต่แก้วตาจะกระวายกระวนใจ..."


