เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผัก
»
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
» การปลูกข้าวโพดหวานเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
»
การปลูกผักกาดหอมเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
»
การปลูกแตงกวาเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
การปลูกข้าวโพดหวานเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์
การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว
เมื่อเก็บฝักมาแล้ว การที่จะทำให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดีขั้นนั้นจะต้องนำมาผ่านขั้นตอนการจัดการฝัก คือการตากแห้ง การคัดฝักและเมล็ด การนวดหรือกระเทาะเมล็ด การทำความสะอาดและการคัดแยกเมล็ดพันธุ์
การตากแห้ง
เมล็ดข้าวโพดที่เก็บใหม่ ๆ จะมีความชื้นสูงประมาณ 20-25% ดังนั้น จะต้องนำมาตากให้แห้งเพื่อลดความชื้นของเมล็ดลงเหลือไม่เกิน 12% จะทำให้เก็บรักษาได้โดยมีความงอกสูง ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
-
การผึ่งหรือตากแดด เป็นวิธีการที่นิยมกันทั่วไป เหมาะสำหรับการผลิตข้าวโพดในปริมาณที่ไม่มากนัก โดยนำเมล็ดข้าวโพดตากบนแคร่ไม้ไผ่ บนลานดินหรือคอนกรีตโดยใช้ตาข่ายพลาสติกปูทับบนท่อนไม้หรือวัสดุดื่น
ๆ ให้อากาศผ่านใต้กองเมล็ดได้ จะช่วยให้เมล็ดแห้งเร็วขึ้น
- การอบแห้งโดยใช้เครื่องเป่าความร้อน โดยการบรรจุฝักข้าวโพดลงในฉางอบที่ทำด้วยไม้หรือถังอบแล้วเป่าอากาศร้อนเข้าไปตามท่อให้มีอุณหภูมิไม่เกิน 43 องศาเซลเซียส เพื่อทำให้เมล็ดแห้งเร็วเหมาะสำหรับการผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นจำนวนมากหรือในสภาพที่อากาศไม่เอื้ออำนวยในการตากเมล็ด การอบแห้งโดยความร้อนจะช่วยลดความเสียหายของเมล็ดพันธุ์ได้เป็นอย่างดี
การคัดฝักและเมล็ด
ฝักข้าวโพดหวานพิเศษที่ถูกผสมข้ามทำให้เมล็ดเต่งแข็งมากและมีสีเปลี่ยนไป เช่น มีสีขาวหรือสีดำ ฯลฯ เมล็ดที่ถูกโรคและแมลงปนมาจะต้องคัดออกทั้งฝักหรือเฉพาะเมล็ดก่อนนำไปนวดหรือกระเทาะเมล็ดจะทำให้ประหยัดเวลาในการทำความสะอาดและคัดทิ้งต่อไป
การกระเทาะเมล็ด
นำข้าวโพดที่ผ่านการคัดเลือกไปกะเทาะด้วยเครื่องกะเทาะเมล็ดที่มีกำลังการหมุนช้า เพื่อป้องกันไม่ให้เมล็ดแตกหักเสียหายมากเกินไปและจุดสำคัญคือเมล็ดจะต้องแห้งมีความชื้นต่ำกว่า
12% เพราะถ้าเมล็ดมีความชื้นสูงจะทำให้เมล็ดแตกหักได้ง่าย
สำหรับผลผลิตเมล็ดพันธุ์ต่อไร่นั้น จะได้ประมาณ
200-450 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับพันธุ์และการดูแลรักษา
»»
โรคที่สำคัญของข้าวโพดหวาน
»»
แมลงศัตรูที่สำคัญของข้าวโพดหวาน
»»
การตรวจแปลงปลูก
»»
การเก็บเกี่ยวฝักแก่และการคัดฝัก
»» การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว
»»
การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์


