ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ปัญหาเรื่องบัญญัติ กับความจริง
อนัตตามีปัญหาอย่างไร
วิธีพิสูจน์ความมีอยู่ของอัตตา
การตอบปัญหาของพระนาคเสน
ทฤษฎีความสืบเนื่อง
การตอบปัญหาของพระนาคเสน
การตอบปัญหาของพระนาคเสนอมี 2 ขั้นตอน คือ
- แสดงให้เห็นว่า ขันธ์ 5 ไม่เป็น/ไม่มีอัตตาอย่างไร
- อนัตตาสามารถคำตอบคำถามเรื่องผู้ทำกรรมและผู้รับผลกรรมได้อย่างไร ?
การแยกแยะขันธ์ 5
พระนาคเสนได้พิสูจน์ว่าตนไม่ได้พูดจาเหลาะแหละและพูดมุสาอย่างที่พระเจ้ามิลินท์กล่าวหา
โดยใช้วิธีถามไล่เลียงในรูปแบบเดียวกับที่ตนเคยถูกถาม โดยเริ่มต้นด้วยการถามว่า
พระองค์เสด็จมาด้วยพาหนะอะไร พระเจ้ามิลินท์ยืนยันว่าพระองค์เสด็จมาด้วยรถ
เมื่อพระเจ้ามิลินท์ยืนยันอย่างนี้ พระนาคเสนจึงยกเอาส่วนประกอบต่าง ๆ
ของรถขึ้นมาถามไล่เลียงไปทีละอย่าง เช่น ถามว่า งอนรถหรือเป็นรถ?
เพลารถหรือเป็นรถ? ล้อรถหรือเป็นรถ? เป็นต้น
คำถามเหล่านี้ถูกปฏิเสธจากพระเจ้ามิลินท์ว่าไม่มีส่วนใดเลยที่เป็นรถ จากนั้น
พระนาคเสนจึงกล่าวหาคืนบ้างว่าพระเจ้ามิลินท์เป็นพระราชาผู้ใหญ่ในชมพูทวีป
แต่เหตุไฉนถึงได้พูดจาเหลาะแหละเช่นนี้ ตอนแรกยืนยันว่าเสด็จมาด้วยรถ
แต่ตอนนี้กลับตรัสว่าไม่มีอะไรที่เป็นรถ เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนี้
พระเจ้ามิลินท์จึงถือโอกาสชี้แจงว่า โยมไม่ได้พูดเหลาะแหละเหลวไหล
การที่เรียกรถนี้เพราะอาศัยเครื่องประกอบรถทั้งปวงคือ งอนรถ เพลารถ ล้อรถ ไม้ค้ำรถ
กงรถ เชือกขับรถ เหล็กปฏักตลอดถึงแอกรถมีอยู่พร้อม จึงเรียกว่ารถได้
จากนั้นพระนาคเสนก็ชี้แจงบ้างว่า
ข้อที่อาตมภาพได้ชื่อว่านาคเสน ก็เพราะอาศัยเครื่องประกอบด้วยอวัยวะทุกอย่าง คือ
อาการ 32 มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เป็นต้น อันจำแนกอกไปเป็นขันธ์
ธาตุ อายตนะ ข้อนี้ถูกตามถ้อยคำของนางวิชิราภิกษุณี ผู้เป็นอรหันต์
กล่าวขึ้นในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่เรียกว่ารถ
เพราะประกอบด้วยเครื่องรถทั้งปวง ฉันใด เมื่อขันธ์ทั้งหลายมีอยู่
ก็สมมติเรียกกันว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ฉันนั้น
ข้อความของพระนาคเสนตรงนี้
ถือว่าเป็นการสรุปจบสิ่งที่ได้สนทนากันมาทั้งหมดและถือว่าเป็นการแก้ข้อกล่าวหาและตอบปัญหาของพระเจ้ามิลินท์พร้อมเสร็จในตัว
สาระสำคัญในข้อความนี้คือ การโต้งแย้งแนวความคิดเรื่องอัตตาของพระเจ้ามิลินท์
โดยใช้วิธีแยกแยะขันธ์ 5 ออกเป็นองค์ประกอบย่อย ๆ
เพื่อให้เห็นว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอัตตาอยู่ในขันธ์ 5 นั้น
พร้อมกันนั้นก็ได้ตอบปัญหาสำคัญอีก 2 ข้อ คือ ปัญหาที่ว่าบัญญัติคืออะไร?
และความจริงคืออะไร?
บัญญัติคือชื่อที่สมมติกันขึ้นเพื่อเรียกหน่วยรวมที่เกิดจากการรวมตัวกันขององค์ประกอบย่อย
ๆ เช่น นาคเสน รถ สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา เป็นต้น ส่วนความจริงคือ
องค์ประกอบย่อยต่าง ๆ ที่มารวมตัวกันเป็นหน่วยชีวิต เช่น ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อาการ
32 เป็นต้น บัญญัติไม่ใช่ตัวความจริงและความจริงก็ไม่ได้มีอยู่ในบัญญัติ
บัญญัติไม่สามารถสะท้อนความจริงออกมาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น
เราจึงไม่สามารถค้นหาความจริงในบัญญัติได้ เช่น การศึกษาคัมภีร์ การใช้เหตุผล
การอภิปรายถกเถียง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้บัญญัติจะไม่ใช่ความจริง
แต่บัญญัติก็สามารถชี้ไปหาถึงความจริงได้เช่น นิ้วมือที่ชี้ไปยังดวงจันทร์ เป็นต้น
หรือแม้แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดที่สื่อออกมาในรูปของภาษาพูด
และที่ถูกบันทึกเป็นภาษาเขียนในรูปของคัมภีร์
ก็ถือว่าเป็นบัญญัติที่ชี้ไปหาความจริงได้


