ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
จังหวัดชายแดนภาคใต้สมัยอยุธยา
หลังจากปราบเมืองนครศรีธรรมราชได้แล้ว
อยุธยาก็มีเป้าหมายที่จะปราบปัตตานีต่อไป
ราชินีแห่งปัตตานียืนหยัดไม่ยอมเป็นไมตรีกับพระเจ้าปราสาททอง
สงครามระหว่างอยุธยากับ ปัตตานียืดเยื้อต่อมาอีกหลายปี
ดังที่ปรากฏในบันทึกของชาวดัทซ์ดังนี้
20 สิงหาคม (พ.ศ.2175) เรือลำหนึ่งได้ไปจอดที่ปัตตานี
และได้ทราบจากที่นั้นว่า ราชินี
แห่งปัตตานีจะไม่ยอมตกลงเป็นไมตรีกับพระเจ้าแผ่นดินสยามองค์นี้
ว่าเป็นผู้แย่งราชสมบัติ เป็น ผู้ร้ายทรยศซึ่งพระนางจะไม่ยอมอ่อนน้อมด้วยเลย
ในปี พ.ศ. 2177
พระเจ้าปราสาททองจึงปราบปรามปัตตานีโดยได้ส่งกองทัพจากอยุธยา ประมาณ 30,000 คน
นอกจากนั้นก็มาจากนครศรีธรรมราช พัทลุง และหัวเมืองอื่น ๆ อีกส่วน
ปัตตานีได้รับความช่วยเหลือจากรัฐมลายูอื่น ๆ รวมทั้งกำลังอีก 5,000 คน จากยะโฮร์
และปาหัง ซึ่งเดินทางมาทางเรือรวม 50 ลำ
การรบครั้งนั้นกองทัพอยุธยาไม่สามารถเอาชนะปัตตานีได้ต่อมา ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2178
อยุธยาได้ส่งทูตไปเจรจากับปัตตานี จากนั้นอีก 5 เดือนต่อมากษัตริย์
ปัตตานีได้ส่งอุปทูตไปยังอยุธยา
ต่อมาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2184 กษัตริย์ปัตตานีได้เสด็จไปอยุธยา ด้วยพระองค์เอง
เพื่อฟื้นฟูสันติภาพระหว่างประเทศทั้งสอง ดังที่ปรากฎในบันทึกของวัน วลิต (Van
Vliet) ว่าการส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองครั้งนั้น เพื่อแสดงว่า
ราชอาณาจักรทั้งสองได้สถาปนา สันติภาพแล้ว
โดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะไม่เหยียดหยามหรือทำลายซึ่งกันและกัน ส่วนการเสด็จไป
อยุธยาของกษัตริย์ปัตตานีเพื่อเป็นการฟื้นฟูสันติภาพ (to renew the peace) เท่านั้น
ในปี พ.ศ. 2185 เมืองสงขลาได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
พ่อค้าชาวต่างประเทศแวะมา ค้าขายที่เมืองสงขลามาก
เจ้าเมืองสงขลาสมัยนั้นคือสุลต่านสุลัยมาน บุตรของดาโต๊ะโมกอล
พ่อค้าชาวเปอร์เซียซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม
ได้รับแต่งตั้งจากอยุธยาให้เป็นเจ้าเมืองสงขลาตั้งแต่
ราวปี พ.ศ. 2145 เป็นต้นมา เมื่อดาโต๊ะโมกอลสิ้นชีวิตแล้ว สุลัยมานซึ่งเป็นบุตรคนโตได้เป็น เจ้าเมืองสงขลาสืบต่อมา ในปี พ.ศ. 2173 เจ้าเมืองสงขลาได้ประกาศเป็นอิสระและสถาปนาตนเอง เป็นสุลต่านในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ได้มีการสร้างป้อมปราการที่เขาแดงอย่างมั่นคง แข็งแรง ระหว่างปี พ.ศ. 2185-2230 อยุธยาส่งกำลังมาปราบเมืองสงขลาหลายครั้งเช่นใน ปี พ.ศ. 2191 แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้


