วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
ร้อยแก้วยุคแรกในสมัยรัตนโกสินทร์
สรณัฐ ไตลังคะ
ประวัติศาสตร์นิพนธ์: วาทกรรม ที่ ประกอบสร้าง
ประวัติศาสตร์เป็น ศาสตร์ หรือ ศิลป์
แนวคิดของไวต์กับการศึกษาประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทย
พงศาวดารกับขนบวรรณศิลป์ในวรรณกรรมไทย
การควบคุมอดีต: การสร้างความสัมพันธ์เชิงอำนาจ
เรื่องเล่าในพงศาวดาร:
บันเทิงคดีร้อยแก้วยุคแรกของสมัยรัตนโกสินทร์
บรรณานุกรม
พงศาวดารกับขนบวรรณศิลป์ในวรรณกรรมไทย
นอกจากการชำระพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ใหม่ในสมัยรัชกาลที่
1 จะเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องแล้ว
ในด้านการใช้ภาษาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นภาษาวรรณศิลป์
ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
มีส่วนที่ใช้ขนบของวรรณกรรมไทยที่เห็นชัดคือการพรรณนากองทัพอย่างละเอียดได้ภาพชัดเจน
นอกนี้ภาษาก็ยังไพเราะและมีการใช้วงศัพท์แบบที่ใช้ในวรรณกรรมต่างกับภาษาบรรยายทั่วไป
ภาษาเช่นที่ว่านี้ไม่ต่างกับการบทชมทัพในวรรณคดีไทย
ในตัวอย่างต่อไปนี้บางตอนมีการเล่นสัมผัสแบบร่าย ส่วนที่แตกต่างคือ
ไม่ได้ใช้ฉันทลักษณ์อย่างสม่ำเสมอในการพรรณนาเท่านั้น
สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีก็เสด็จทรงปริตโตทกธาราภิเษกเสร็จ
เสด็จทรงเครื่องสิริราชวิภูษนาธารกาญจนวิเชียรมาลี
มณีมาศมงกุฎสำหรับวิชัยยุทธ์ราชรณภูมิเสร็จ เสด็จทรงช้างต้นพลายชมพูทัด สูง 6 ศอก 2
นิ้ว ผูกพระที่นั่งสุวรรณมหามรฎป เป็นบรมอัครยานพาหนะ
พร้อมด้วยแสนสุรชาติโยธาพลากรเหี้ยมหาญ พลโล่เขนทวนธนูดูดิเรกมเหาฬาร นานาวุธ
ประภูศักดิสารสินธพดุรงคพาชีชาติพันลึก อธึกด้วยกาญจนกลิ้งกลด
อภิรุมบังสุริยไพโรจรุจิตพิพิธประฎาการ ธงชัยธงประฎากเป็นขนัดแน่นไสว
เดียรดาษด้วยท้าวพระยาพลากรกันกงริ้ว รายระยะโดยขบวนบทจร
พยุหบาตรซ้ายขวาหน้าหลังทั้งปวงเสร็จ ได้เวลามหาพิชัยฤกษ์ โหราลั่นกลองชัย
ส่วนเหตุการณ์สมัยพระมหาจักรพรรดิที่พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาตีอยุธยาโดยมีข้ออ้างขอช้างเผือก
แต่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่พระราชทานให้ มีการใช้ภาษาที่ให้ความหมายชัดเจนมาก เช่น
ตอนที่กล่าวว่าพระเจ้าหงสาวดีเห็นว่าพระมหาจักรพรรดิ รักช้างยิ่งกว่าเศวตฉัตร
ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
มีการบรรยายคำพูดที่มีการเปรียบเทียบอย่างได้จินตภาพอย่างบันเทิงคดี
(รวมทั้งเป็นตัวอย่างเพิ่มเติมของการเปลี่ยนมุมมองเป็นของฝ่ายพม่า)
สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีได้ฟังดังนั้นก็ทรงพระสรวลแล้วก็ตรัสว่า
เป็นธรรมดาคนโมหจิตมิได้รู้กำลังตนกำลังท่าน
เหมือนสัตว์สองจำพวกคือนกน้อยและกระต่าย คือกระต่ายขาตัวสั้นเท่านั้น
หมายความว่าจะหยั่งท้องมหาสมุทรได้
และว่ายน้ำออกไปยังมิทันได้หยั่งก็จมน้ำเถิงแก่กาลกิริยาตาย นกน้อยเล่า
ปีกหางก็เท่านั้น
ชวนพระยาครุฑบินข้ามมหาสมุทรและบินแต่พักของตัวยังมิได้กวักแห่งพระยาครุฑก็ตกน้ำทำกาลกิริยาตาย
แล้วสัตว์ 2 จำพวกนี้เหมือนกันกับผู้ปรึกษาและรับประกันพระนครไว้
ตอนที่พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตยกทัพเรือมายังเมืองพิษณุโลก
มีการบรรยายยุทธวิธีของฝ่ายพระมหาธรรมราชาอย่างละเอียดเห็นภาพชัดเจนจนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการบรรยายในเรื่อง
สามก๊ก เพราะแสดงให้เห็นการชิงไหวชิงพริบในการทำสงคราม
ฝ่ายพระมหาธรรมราชาดำริการที่จะทำลายทัพเรือ ก็ตรัสให้เอาไม้ไผ่ผูกแพกว้าง
10 วา ยาว 20 วา 50 แพ แล้วเอาเชื้อเพลิงใส่เต็มหลังแพ
ชันน้ำมันยางรดทั่วไปทั้งนั้น แล้วให้แต่งเรือเร็วไว้ 2 ลำ สำหรับจะได้จุดเพลิง
ครั้นจัดการเสร็จ ณ เดือน 4 ขึ้น 4 ค่ำ ณ เพลาเดือนตก
ก็ให้ปล่อยแพติดกันไปถึงคุ้งเหนือวัดจุฬามณี เรือเร็ว 2
ลำก็เอาเพลิงจุดเชื้อไฟหลังแพตลอดขึ้นมาทั้งสองข้าง
เพลิงก็ติดรุ่งโรจน์เป็นอันหนึ่งอันเดียว น้ำที่นั้นตื้นเชี่ยวก็พัดแพเร็วลงไป
กองทัพเรือมิทันรู้ตัว ต่อเห็นแพไฟเต็มแม่น้ำลงมาก็ตกใจ
ลงเรือทันบ้างมิทันบ้างเยียดยัดคับคั่งเป็นโกลาหล แพไฟก็ไหม้เรือต่อกันไป
เสียเรือแลผู้คนตายเป็นอันมาก เรือและคนกองหน้าที่เหลือนั้นก็ร่นลงไปยังทัพหลวง ณ
ปากน้ำพิง
กล่าวโดยสรุป
การสร้างวรรณศิลป์ในการเขียนประวัติศาสตร์นิพนธ์เล่มนี้ประกอบกับการสร้างโครงเรื่องและกลวิธีการเล่าเรื่องแบบบันเทิงคดี
ทำให้งานเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการบอกเล่าเอาความว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น
แต่เป็นงานที่จรรโลงใจและการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านโดยการใช้พลังของจินตภาพและภาษาที่งดงาม
การนำวิธีการทางวรรณคดีมาใช้ในประวัติศาสตร์นิพนธ์ จึงเป็นไปเพื่อสร้าง
ความสมจริง นับเป็นการนำเอาความเป็น fiction มาใช้เพื่อแสดงความเป็น fact


