วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
ร้อยแก้วยุคแรกในสมัยรัตนโกสินทร์
สรณัฐ ไตลังคะ
ประวัติศาสตร์นิพนธ์: วาทกรรม ที่ ประกอบสร้าง
ประวัติศาสตร์เป็น ศาสตร์ หรือ ศิลป์
แนวคิดของไวต์กับการศึกษาประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทย
พงศาวดารกับขนบวรรณศิลป์ในวรรณกรรมไทย
การควบคุมอดีต: การสร้างความสัมพันธ์เชิงอำนาจ
เรื่องเล่าในพงศาวดาร: บันเทิงคดีร้อยแก้วยุคแรกของสมัยรัตนโกสินทร์
บรรณานุกรม
เรื่องเล่าในพงศาวดาร: บันเทิงคดีร้อยแก้วยุคแรกของสมัยรัตนโกสินทร์
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ กลการประพันธ์แบบ
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) มาจากไหน
ความแตกต่างของการเล่าเรื่องในพงศาวดารทั้งสองเรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า
ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวการเขียนร้อยแก้วเกิดขึ้นแล้ว
ถ้าลองดูการฟื้นฟูวรรณกรรมในสมัยรัชกาลที่ 1 ก็จะพบว่า รัชกาลที่ 1
ได้มีพระราชดำรัสให้แปลหนังสือพงศาวดารจีน 2 เรื่องคือ ไซ่ฮั่นและสามก๊ก
วัตถุประสงค์ในการแปลสามก๊กก็เพื่อให้เป็นตำราพิชัยสงคราม
และในการแปลนั้นมุ่งแปลเอาความและพยายามเปลี่ยนสำนวนและวัฒนธรรมเหล่านั้นให้เป็นไทย
สามก๊ก หรือ ไซ่ฮั่น เป็นพงศาวดารที่เป็นประเภทความเรียงที่มีการพรรณนารายละเอียด
แตกต่างไปจากขนบการเขียนพงศาวดารของไทยแต่เดิม
การเขียนพงศาวดารแบบจีน
(หรืออาจรวมถึงการแปลเรื่องราชาธิราชในสมัยเดียวกัน)
น่าจะมีอิทธิพลต่อการเขียนพงศาวดารในสมัยกรุงธนบุรีต่อเนื่องกับต้นรัตนโกสินทร์เมื่อมีการชำระเอกสารทางประวัติศาสตร์
เพราะมีการขยายความด้วยบทสนทนาและมีการเปรียบเทียบคล้ายพงศาวดารจีน ดังที่ นิธิ
เอียวศรีวงศ์ได้ตั้งข้อสังเกตในกรณีพระราชพงศาวดารฉบับพระพนรัตน์ว่าได้มีการเพิ่มเติมข้อความในเรื่องการศึกมาก
และเห็นว่า ดูเหมือนอิทธิพลจากสามก๊กจะแทรกเข้ามาไม่น้อยด้วย (เช่น
การเจรจาขอดูตัว เป็นต้น) การถอยจากเมืองพิษณุโลกก็ทำกันอย่างมีระเบียบ
เจ้าพระยาจักรีให้ทิ้งค่ายนอกเมืองมารบเมือง
แล้วให้เอาพิณพาทย์ขึ้นตีบนกำแพงเป็นกลลวง (อิทธิพลสามก๊กเช่นกัน)
ในตอนท้ายของงานเรื่องประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ในพระราชพงศาวดารอยุธยา
นิธิ เอียวศรีวงศ์ สรุปว่าพงศาวดาร ค่อนข้างแพร่หลายในบรรดาชนชั้นสูง
ไม่ได้กระจายสู่คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนบทความนี้เห็นว่า
การเปลี่ยนวิธีการเขียนดังกล่าวน่าจะแสดงว่า
ผู้ที่อ่านพงศาวดารนี้น่ามีความหลากหลายและมีจำนวนมากขึ้น
จึงมีการเปลี่ยนแปลงแนวการเขียนเพื่อเชิดชูอุดมการณ์หนึ่งๆ และโน้มน้าวใจผู้อ่าน
ขอย้อนกลับไปที่แนวคิดของไวต์ที่กล่าวว่า
ลักษณะการแต่งประวัติศาสตร์นิพนธ์จะเป็นอย่างไรนั้นอยู่ที่ขนบในการแต่งวรรณคดีของวัฒนธรรมนั้น
ทำให้เกิดข้อคิดว่า บันเทิงคดีร้อยแก้วในสมัยรัชกาลที่ 1 ที่ไม่ใช่งานแปลนั้น
แท้ที่จริงน่าจะได้พัฒนาขึ้นแล้ว
แต่ที่ดูเหมือนยังไม่ปรากฏนั้นเพราะนักอ่านสมัยใหม่มุ่งที่จะหางานเขียนที่สามารถแยกประเภทเป็นบันเทิงคดีแท้ๆ
หากเราไปดูร้อยแก้วที่เขียนในสมัยกรุงธนบุรีและต้นรัตนโกสินทร์
ก็จะเห็นได้ว่ามีวิธีการเล่าเรื่องที่ผูกโยงเรื่องได้น่าสนใจ เช่น
วิธีการเล่าเรื่องในจดหมายความทรงจำ กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพ)
ที่เล่าเหตุการณ์ในสมัยกรุงธนบุรี
ขอยกตัวอย่างตอนที่กล่าวถึงเจ้าประทุมฟ้องพระเจ้ากรุงธนบุรีว่าหม่อมฉิมและหม่อมอุบลเป็นชู้กับฝรั่งที่เข้ามาไล่หนูในที่ประทับ
พระองค์โปรดให้ลงโทษประหารชีวิต แต่หลังจากนั้นก็ทรงอาลัยและมีพระประสงค์จะ
ตายตามหม่อมอุบล มีการบรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ได้อย่างละเอียด รวมทั้งแสดง
บทพูด ถือได้ว่าเป็นการผูกเรื่องราวได้น่าสนใจมาก ดังนี้
วิบัติหนูกัดพระวิสูตร์ รับสั่งให้ชิตภูบาลชาญภูเบศ ฝรั่งคนโปรดทั้งคู่ให้
เข้ามาไล่จับหนูใต้ที่เสวยในที่ด้วย
เจ้าประทุมทูลว่าฝรั่งเปนชู้กับหม่อมฉิมหม่อมอุบล กับคนรำสี่คนเปนหกคนด้วยกัน
รับสั่งถามหม่อมอุบลไม่รับ
หม่อมฉิมว่ายังจะอยู่เป็นมเหษีคี่ซ้อนฤามาตายตามเจ้าพ่อเถิด รับเปนสัตย์หมด
ให้เฆี่ยนเอาน้ำเกลือรดทำประจานด้วย แสนสาหัสประหารชีวิตร์ผ่าอกเอาเกลือทา
ตัดมือตัดเท้าสำเร็จโทษเสร็จแล้ว ไม่สบายพระไทยคิดถึงหม่อมอุบล
ว่ามีครรภ์อยู่สองเดือน ตรัสว่าจะตายตามหม่อมอุบล ว่าใครจะตายกับกูบ้าง
เสมเมียกรมหมื่นเทพพิพิธว่าจะตามเสด็จ หม่อมทองจันทร์ หม่อมเกษ
หม่อมลาสั่งบุษบาจะตามเสด็จด้วย (นรินทรเทวี, กรมหลวง, 2546: 55)
เมื่อดูจากตัวอย่างข้างต้นก็จะเห็นลักษณะของเรื่องเล่าแบบร้อยแก้วในสมัยกรุงธนบุรีต่อต้นรัตนโกสินทร์ได้
ดังนั้น วิธีการเล่าเรื่องในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
ซึ่งเขียนในเวลาต่อมา นอกจากจะแสดงว่ามีการพัฒนาสำนวนการเขียนให้ราบรื่นขึ้น (เช่น
มีการเชื่อมโยงประโยค)
ยังแสดงว่าได้เกิดแนวคิดในการสร้างโครงเรื่องซึ่งเป็นการนำเหตุการณ์มากมายที่กระจัดกระจายมาผูกเป็นโครงเรื่อง
และเห็นได้อย่างชัดเจนจากการอภิปรายข้างต้นกรณีของเหตุการณ์การยึดอำนาจของพระเทียรราชาจากขุนวรวงศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์
นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายของวิธีการเล่าเรื่อง (การเปลี่ยนมุมมอง การสร้างบทสนทนา
ฯลฯ) รวมทั้งที่สำคัญคือการใช้กลวิธีทางวรรณศิลป์ต่างๆ ในการเพิ่มรสในการอ่าน
ทั้งหมดนี้ทำให้ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงว่าได้เกิดแนวการเขียนแบบบันเทิงคดีร้อยแก้วในสมัยรัชกาลที่
1 แล้ว แต่ที่ดูเหมือนว่ายังไม่ปรากฏชัดเจนนั้นเป็นเพราะว่า ซ่อนตัว
อยู่ในรูปของพงศาวดารนั่นเอง


